กรุงเทพฯ 2
พ.ค.- SENAสบช่องหลังโควิด – 19 ป่วน บิลค่าไฟพุ่งแพง กระทบหนักกลุ่ม Work from home แนะบ้านติดโซลาร์ พร้อมเตรียมเปิดโครงการ ขายทาวน์โฮมติดโซลาร์ ยอมรับลูกค้ารายใหญ่ โรงงาน-ห้างฯทบทวนติดตั้ง
น.ส.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
จากสถานการณ์โควิด-19จากภาวะที่ประชาชนทำงานอยู่กับบ้าน หรือ Work from home มากขึ้น ปัญหาที่ตามมาพบว่า”ค่าไฟฟ้าดีดตัวเพิ่ม” อย่างน่าตกใจ เนื่องจากการไฟฟ้ามีการคิดคำนวณ
“ค่าไฟแบบอัตราก้าวหน้า”
หากใช้หน่วยมากขึ้นค่าไฟฟ้าก็จ่ายแพงขึ้น
ประกอบกับต้นทุนแผงโซลาร์ถูกลงกว่าในอดีต ในช่วงนี้ ก็นับเป็นจังหวะที่ผู้บริโภค ควรหันมาให้ความสนใจและการติดโซลาร์ที่บ้านเพิ่ม
โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานที่บ้านหรือฟรีแลนซ์ เพราะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากในช่วงเวลากลางวันและคาดว่าเทรนด์นี้จะยังคงอยู่ต่อไปแม้สถานการณ์โควิด-19
จะคลี่คลาย
ดังนั้น
ทางเสนาฯจึงปรับแผนจากเดิมให้บริการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป
เฉพาะลูกค้าในโครงการบ้านเดี่ยว
ก็จะปรับมาเป็นการให้บริการลูกค้าโครงการบ้านขนาดเล็ก หรือ ทาวน์โฮม โดยติดตั้ง โซลาร์รูฟท็อปขนาด 1
กิโลวัตต์คาดว่าจะได้รับความสนใจ เพราะต้นทุนค่าไฟฟ้าคิดเป็นอัตราประมาณ
ร้อยละ20-30 ของราคาผ่อนบ้านที่อยู่ประมาณกว่า
1 หมื่นบาทต่อเดือน หากลดค่าไฟฟ้าในส่วนนี้ได้
ลูกบ้านก็จะมีเงินนำไปผ่อนบ้านเพิ่มขึ้น
โดยจะเปิดตัว2โครงการใหม่ทาวเฮาส์ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ในเร็วๆนี้ นำร่องติดตั้งโซลาร์ทุกยูนิตในโครงการทาวน์โฮม 2 ชั้นแบรนด์ “เสนาวิลล์ ลำลูกกา คลอง 6” ราคาเริ่มต้น 2 ล้านบาทขึ้นไป
เตรียมเปิดพรีเซลเดือนมิถุนายน 2563
“ลูกค้าได้เสนอแก่
เสนาฯว่าอยากติดโซลาร์ในโครงการทาวเฮาส์
จึงเป็นที่จุดประกายว่าควรให้บริการติดตั้งกลุ่มนี้ด้วย เพราะในอนาคต
การทำงานที่บ้าน WFH ก็มีทิศทางจะเพิ่มตามเทคโนโลยีใหม่
การติดตั้งโซลาร์ก็จะประหยัดค่าไฟฟ้า โดยทางเสนาฯ
ไม่ได้มีการบวกเพิ่มค่าบริการในค่าบ้านแต่อย่างใด
ซึ่งเชื่อว่าจะจูงใจลูกค้าเพิ่มขึ้น”น.ส.เกษรา กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
ทำให้ ลูกค้า ที่จะติดตั้ง
โซลาร์รูฟท็อปบนหลังคาโรงงานอุตสาหกรรม และห้างสรรพสินค้า
เจรจาขอชะลอการติดตั้งออกไปก่อน เพราะในส่วนของ บริษัท เอท โซลาร์ จำกัด บริษัทในเครือของเสนา
ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นผู้ให้บริการติดตั้งแบบครบวงจร
(อีพีซี ) โดยลูกค้าเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจในช่วงนี้ยอดขายลดลง
จึงขอประหยัดงบฯส่วนนี้นำไปเป็นกระแสเงินสดในบริษํทออกไปก่อน ซึ่งคาดว่า
ผู้ประกอบการให้บริการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปรายอื่นๆก็น่าจะได้รับผลกระทบเช่นกัน
นางเกษรา
ยังกล่าวด้วยว่า เมื่อทางรัฐบาลเปิดให้เข้าโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ในปี 2563 ทาง
เสนาฯ ก็จะสมัครทุกโครงการ เพราะที่ผ่านมา ทางเสนาฯ ได้ร่วมมือกับภาครัฐสมัครมาโดยตลอด
แม้ว่าอัตรารับซื้อไฟฟ้าจะอยู่ในเกณฑ์ต่ำเพียง 1.68 บาท/หน่วยก็ตาม ซึ่งโครงการของเสนาฯมีติดตั้งโซลาร์ทั้งที่หลังคาบ้าน และพื้นที่ส่วนกลางของหมู่บ้านและคอนโดมิเนียม
ปัจจุบันติดตั้งมากกว่า 400 ครัวเรือน หรือกว่า1,000 กิโลวัตต์
ผลสำรวจของเสนาฯยังพบว่า การลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาบ้าน
สิ่งที่ได้มากกว่าคือนำไฟฟ้าที่ผลิตได้เองจากพลังงานสะอาดมาใช้เพื่อลดการซื้อไฟฟ้าจากระบบของรัฐ
ซึ่งหากคำนวณจากอายุแผง 25 ปี ถือว่าคุ้มค่าอย่างมาก
เช่น ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ 2-8 กิโลวัตต์
คำนวณระยะเวลา 10 ปี เทียบกับลดใช้ไฟฟ้าจากฟอสซิลลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก
เทียบการปลูกต้นไม้ใหญ่ 16 -63 ต้น ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 2 -9 ตันต่อปี และ เสนาฯมีบริการ “โซลาร์สเกลอัพ” (Solar Scale up) คำนวณสเกลการใช้งาน โดยลูกบ้านสามารถปรับ – ลดเพิ่มจำนวนแผงโซลาร์ได้ตามลักษณะการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
และสามารถเลือกช่วงเวลาการใช้ไฟฟ้าได้ตามไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย เช่น หากมีการใช้ไฟ 4 ชม.ช่วง 10.00-14.00
น.ผลิตไฟฟ้า 2.1 กิโลวัตต์ เท่ากับมีการใช้ไฟฟ้า 8 หน่วย คูณค่าไฟของรัฐหน่วยละ 4
บาท จะประหยัดไฟวันละ 32 บาท หรือ 960 บาท/เดือน–สำนักข่าวไทย