รพ.ศิริราช 27 เม.ย.-“นพ.ประสิทธิ์” ชี้ถึงเวลาผ่อนปรนมาตรการโควิด-19 หลังอัตราการป่วยลดลงต่อเนื่อง โดยอัตราการแพร่เชื้อต่อคนเหลือ 1 คนต่อ 0.6 คน แต่หากจำนวนผู้ป่วยหนักกลับมาเพิ่มสูงขึ้นภายใน 14 วันหลังผ่อนปรนมาตรการ ต้องกลับมาเข้มมาตรการใหม่
ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าววิเคราะห์สถานการณ์โควิด-19 ว่า ขณะนี้คาดว่าเข้าสู่สถานการณ์การผ่อนปรนมาตรการโควิดได้แล้ว หลังจากที่ผ่านมามีการใช้มาตรการทุบด้วยฆ้อนแล้วฟ้อนรำTheHummer and The dance ซึ่งมีการใช้กันทุกประเทศทั่วโลก คือการควบคุมหรือทุบให้จำนวนผู้ป่วยลดลง ภายใน 4-6 สัปดาห์ โดยอัตราการชี้วัดสมควรผ่อนมาตรการ
1.อัตราการป่วยของโควิด-19 ลดลงตั้งแต่วันที่ 9 เมษายนต่อเนื่อง อัตราการการแพร่เชื้อเฉลี่ยต่อคนเปลี่ยนไปจากเดิม 1 คนมีการแพร่เชื้อ 2.2 คน เป็น 1 คน แพร่เชื้อ 0.77 คน และคาดว่าขณะนี้อัตราการแพร่เชื้อ อยู่ประมาณ 0.6 คน 2 .กระบวนการคัดกรองผู้ป่วยและกักตัวในสถานที่รัฐจัดหาให้นั้น พบว่าทำได้ดี ควบคุมโรคได้ และ 3.จำนวนผู้ป่วยลดลงต่อเนื่อง
ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการผ่อนปรนมาตรการต่างๆนั้น ต้องเข้าใจว่า หากเมื่อรัฐบาลผ่อนปรนแล้ว คนจะออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านกันมากขึ้น และเชื่อว่าาอัตราการป่วยก็จะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ทุกคนต้องทำความเข้าใจว่า เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้น แต่ต้องอาศัยความร่วมมือเพื่อให้ผู้ป่วยไม่กลับมาเพิ่มสูง จนเกินศักยภาพของโรงพยาบาลจะรับได้ โดยสิ่งที่ต้องคงไว้อย่างเข้มข้น คือการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และระยะห่างระหว่างบุคคล 1-2 เมตร และดัชนีชี้วัดว่าหากต้องกลับมาคุมมาตรการเข้มอีกครั้งเมื่อจำนวนผู้ป่วยหนักเพิ่มมากขึ้น และประเมินผลทุกๆ 14 วัน
ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวต่อไปอีกว่า สถานที่ยังต้องปิดบริการต่อเนื่อง ในส่วนนี้ ยังเป็นที่ปิด อากาศไม่ถ่ายเท ห้างสรรพสินค้าเปิดได้ แต่ต้องจำกัดเวลาการใช้บริการ ส่วนกลุ่มเสี่ยงผู้สูงอายุยังต้องระวัง เพราะอัตราการตายสูงร้อยละ 15-16 ฉะนั้นคนสูงอายุ ผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจ ยังต้องงดออกจากนอกบ้าน และย้ำว่าการออกจากบ้านได้ เพื่อทำกิจกรรมหนึ่ง ในช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นต้องกลับไปอยู่บ้านอย่างเคร่งครัด ส่วนเรื่องวัคซีนยังอีกนาน คาดว่าใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี.-สำนักข่าวไทย