กรุงเทพฯ 16 เม.ย. – ผู้เชี่ยวชาญคาดราคาน้ำมันดิบจะอยู่ในเกณฑ์ต่ำต่อเนื่อง แม้โอเปกพลัสจะลดกำลังผลิต โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์การควบคุมโควิด-19 ด้านสหมิตรฯ คุยขายถังก๊าซฯ เพิ่ม หลังล็อคดาวน์คนอยู่บ้านทำอาหารทานเอง
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน คาดว่าราคาน้ำมันดิบตลาดสหรัฐและดูไบต่ำกว่า 20 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดในรอบ 18 ปี นั้น คาดว่าราคาคงจะต่ำระยะนี้สักพัก จนกว่าสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 จะควบคุมได้ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม เดือนพฤษภาคมหากกลุ่มโอเปกพลัสลดกำลังผลิตได้ตามข้อตกลง เกือบ 10 ล้านบาร์เรล/วัน และนอกกลุ่มมีการปรับลดกำลังผลิตลงด้วย คาดว่าราคาจะขยับขึ้นสูงกว่านี้บ้าง แต่จะไม่สูงเหมือนในอดีต เพราะการใช้น้ำมันทั้งภาคการขนส่งและการท่องเที่ยวคงจะอยู่ในสถานการณ์ที่ระมัดระวังโรคอย่างต่อเนื่อง
บมจ.ไทยออยล์ รายงานว่าราคาน้ำมันดิบที่ลดลงจากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้สำรองน้ำมันของโลกพุ่งสูงขึ้น โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 10 เมษายน 2563 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 19 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการเพิ่มที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากโรงกลั่นในสหรัฐปรับลดกำลังการผลิตตามความต้องการใช้น้ำมันที่หดตัว ขณะที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันโลกอาจลดลงถึง 29 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือนเมษายน 2563 ซึ่งเป็นการลดลงต่ำสุดในรอบ 25 ปี และลดลง 9.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หลัง 187 ประเทศทั่วโลกต่างออกมาตรการจำกัดการเดินทาง เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้จะหดตัวลง 3% จากผลกระทบของโควิด-19 ซึ่งสวนทางการกับคาดการณ์เดือนมกราคม 2563 ที่ระบุว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 3.3%
นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้ายอดขายถังแก๊สปี 2563 เติบโต 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 จะยืดเยื้อ แต่พบว่าเมื่อลูกค้าต้องทำงานอยู่ที่บ้าน หรือ work from home ทำให้มีการทำอาหารเองจำนวนมาก ดังนั้น ช่วงนี้จึงมียอดคำสั่งซื้อจากลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้มาจากการส่งออก 90% และตลาดในประเทศ 10%
“ปีนี้คาดว่าปริมาณขายถังแก๊สจะอยู่ที่ 7.3 ล้านใบ และเพิ่มขึ้นเป็น 8.4 ล้านใบในปีหน้า โดยตลาดส่วนใหญ่ยังคงมาจากตลาดในเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา และสหรัฐอเมริกา เติบโตได้ค่อนข้างดี โดยปี 2562 ได้รับผลกระทบจากสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทำให้ลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อไปก่อน และเริ่มทยอยสั่งซื้อปีนี้ ” นายสุรศักดิ์ กล่าว
ด้านกรมธุรกิจพลังงาน รายงานการใช้แอลพีจีของประเทศไทยปรับตัวลดลง โดยเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมายอดใช้แอลพีจีครัวเรือนอยู่ที่ประมาณ 5.8 ล้านกิโลกรัม/วัน ลดลง 2.1% เมื่อเทียบกับปี 2562 และคาดว่าปีนี้ยอดใช้จะติดลบ เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงจากการระบาดของโควิด-19 ไปทั่วโลก. -สำนักข่าวไทย