พายุฤดูร้อนพัดถล่มโคราช หลังคาบ้านปลิวกระจายเสียหาย 80 หลัง

ภูมิภาค 14 เม.ย. – พายุฝนฟ้าคะนองพัดกระหน่ำ จ.เชียงราย ทำต้นไม้และเสาไฟฟ้าหักโค่น ไฟดับเป็นวงกว้าง สิ่งปลูกสร้างเสียหาย ส่วน จ.นครราชสีมา พายุพัดหลังคาบ้านใน อ.บัวใหญ่ ปลิวกระจัดกระจาย เสียหาย 80 หลัง และที่ จ.ราชบุรี พายุพัดต้นยางนาอายุกว่า 100 ปี ล้มทับรถยนต์ เสียชีวิต 1 ราย

เกิดพายุฤดูร้อนและฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ในหลายพื้นที่ของ จ.เชียงราย โดยเฉพาะ ต.ป่าอ้อดอนชัย ต.ห้วยสัก ต.รอบเวียง อ.เมือง นอกจากเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ยังมีลูกเห็บตกด้วย ส่งผลให้เสาไฟฟ้าแรงสูงริมถนนพหลโยธิน สายเชียงราย-พะเยา บริเวณใกล้วัดร่องขุ่น หักโค่นเสียหายกว่า 10 ต้น ทำให้กระแสไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง


นอกจากนี้ยังทำให้ต้นไม้หักขวางถนนสาย เจ้าหน้าที่ต้องเร่งนำเครื่องจักรมาตัดต้นไม้ออกจากผิวจราจร ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุกับรถที่สัญจรไปมา  หลังเกิดเหตุ นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้สั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน และสำรวจความเสียหายในส่วนของบ้านเรือนและที่อยู่อาศัย เพื่อช่วยเหลือเยียวยา

เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่ม อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา มีฝนตกหนักและลมกระโชกแรง ทำให้บ้านเรือน สิ่งปลูกสร้างของชาวบ้านได้รับความเสียหาย หลังคาบ้านปลิวกระจัดกระจาย เสียหาย 80 หลังคาเรือน ต้นไม้หักโค่น โชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตราย

จากการลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านเกาะ หมู่ 13 ต.ดอนตะหนิน อ.บัวใหญ่ พบว่ามีบ้านเรือน ยุ้งฉางข้าว และสิ่งปลูกสร้าง ถูกลมพายุพัดหลังคาสังกะสีปลิวไปไกลกว่า 50 เมตร


คุณยายเล็ก อายุ 65 ปี บอกว่า เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเห็นฝนตกลมพายุรุนแรงขนาดนี้ ขณะเกิดเหตุได้ฝนตกหนัก ทั้งลมทั้งฝนกระหน่ำอย่างรุนแรงประมาณ 10 นาที จนทำให้หลังคาบ้านปลิวหลุดลอยออกไปเป็นแถบ ทุกคนตกใจรีบหาที่หลบซ่อน เพราะกลัวอันตราย

พายุฤดูร้อนพัดถล่มในพื้นที่บ้านโพนพระ และบ้านโคกคอน ต.โคกคอน อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย จากการสำรวจความเสียหายเบื้องต้นพบว่าแรงพายุพัดหลังคาสังกะสีของชาวบ้านพังหลุดออก ซึ่งมีบ้านเสียหายหนัก 3 หลัง และเสียหายเล็กน้อยอีกประมาณ 10 หลัง นอกจากนี้ยังมีต้นไม้ใหญ่ล้มทับศาลาพระพุทธรูปและทับรถยนต์เก๋งที่จอดไว้ได้รับความเสียหาย

ชาวบ้านบอกว่ามีลมพายุกระโชกแรง แล้วฝนตกลงมานานประมาณ 10 นาที ทั้งลมทั้งฝนรุนแรงมาก ชาวบ้านต่างพากันหลบในที่ที่มั่นคงแข็งแรง ทำให้ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ หลังพายุฝนสงบแล้วจึงได้ออกสำรวจความเสียหาย

สำหรับความช่วยเหลือนั้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จะได้เร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือตามกรอบระเบียบการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนในกรณีฉุกเฉินต่อไป

ที่ราชบุรี นายรณภพ เวียงสิมมา นายอำเภอบ้านโป่ง พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ พงศ์ประภาอำไพ ผู้กำกับการ สภ.บ้านโป่ง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิรวมใจการกุศลราชบุรี  ตรวจสอบต้นยางนาขนาดใหญ่หักโค่นล้มทับรถยนต์มีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณบ้านหลังหนึ่งริมถนนเลียบทางรถไฟ หมู่ 14  ต.ปากแรต อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซี สีขาว ทะเบียน ถร142 กรุงเทพมหานคร สภาพถูกต้นยางขนาดใหญ่อายุกว่า 100 ปี หักโค่นล้มลงมาทับรถกระบะพังยับทั้งคัน ภายในรถพบร่างนายสุกฤษฎิ์ บริสุทธิ์ อายุ 32 ปี ชาว ต.เบิกไพร อ.บ้านโป่ง สภาพหน้ายุบ เลือดไหลท่วมร่าง  เจ้าหน้าที่ต้องนำเลื่อยยนต มาตัดต้นไม้เป็นท่อน จากนั้นใช้รถแบ็กโฮมายกต้นยางนาออกจากรถกระบะ และต้องตัดหลังคารถกระบะ จึงสามารถนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาได้อย่างทุลักทุเล ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาเป็นระยะ


จากการสอบสวนทราบว่าผู้เสียชีวิตเป็นลูกชายเจ้าของร้านประสงค์การยางบ้านโป่ง ก่อนเกิดเหตุได้นำเอารถยนต์มาทำสีที่บ้านเพื่อน กระทั่งเกิดมีลมพายุและฝนตกหนัก มีลมกระโชกแรงมาก ทำให้ต้นยางนาขนาดใหญ่ มีสภาพโคนต้นผุอยู่แล้ว เกิดหักโค่นลงมา เป็นจังหวะเดียวกับที่นายสุกฤษฎิ์วิ่งเข้าไปในรถ เพื่อจะปิดเครื่องเสียงที่เปิดเอาไว้ จึงถูกต้นยางนาล้มทับจนเสียชีวิต

เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดพายุฤดูร้อน มีลมกระโชกแรง ฝนตกหนัก และมีลูกเห็บตกในหลายพื้นที่ของ จ.เพชรบูรณ์ นานนับชั่วโมง ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนใน อ.วิเชียรบุรี ถูกกระแสลมพายุพัดถล่มพังเสียหายหลายหลังคาเรือน โดยเฉพาะในพื้นที่หมู่ 1 บ้านยางสาว ต.ยางสาว อ.วิเชียรบุรี มีบ้านเรือนกว่า 20 หลังคาเรือน ถูกกระแสลมพายุพัด จนหลังคาสังกะสีปลิวหายไป เครื่องใช้ไฟฟ้าและข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน ถูกฝนตกใส่จนได้รับความเสียหายไปหลายหลัง  ต้นมะขามเทศขนาดใหญ่ ถูกแรงลมพัดหักโค่นล้มทับบ้านเรือน จนได้รับความเสียหาย จำนวน 1 หลัง และต้นมะขามเฒ่ายักษ์ อายุกว่า 40 ปี ได้หักโค่นแบบถอนรากถอนโคน ทับกำแพงรั้วบ้าน ศาลพระภูมิ และขวางถนน จนรถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถสัญจรวิ่งผ่านไปมาได้ โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับอันตราย เนื่องจากช่วงเวลาเกิดเหตุเป็นช่วงเคอร์ฟิว จึงไม่มีผู้คนออกนอกบ้าน

นายหนูดำ ผันสันเที๊ยะ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 บ้านยางสาว บอกว่าการเกิดพายุในครั้งนี้รุนแรงหนักที่สุดในรอบ 40 ปีที่ผ่านมา ขณะที่เสาไฟฟ้าแรงสูงที่บริเวณริมทางหลวงชนบท พช.3017 ถนนสายเขาสูง-ยางสาว ช่วงระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 2-3 ถูกกระแสลมพัดพายุพัดถล่มจนหักโค่นจำนวนกว่า 10 ต้น ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าดับนานกว่า 17 ชั่วโมง

ล่าสุดเจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขา อ.วิเชียรบุรี ต้องระดมกำลังเร่งเก็บกู้ และทำการติดตั้งเสาไฟฟ้าแรงสูง ขนาดความสูง 12 เมตร ที่หักโค่นขึ้นใหม่ จำนวน 13 ต้น

โดยนายวินัย ตังศรี พนักงานช่าง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขา อ.วิเชียรบุรี กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้ากำลังระดมกำลังกันเร่งเก็บกู้ เสาไฟฟ้าแรงสูงที่หักโค่น และจะทำการติดตั้งเสาไฟฟ้าแรงสูงใหม่ จำนวน 13 ต้น เพื่อให้แข็งแรงมั่นคงกว่าเดิม คาดว่าน่าจะสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่บ้านเรือนประชาชนได้ตามปกติ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ลิณธิภรณ์” แจงปมสะกดคำผิด ยอมรับผิดพลาดพร้อมแก้ไข

กระทรวงวัฒนธรรม 4 ก.ค.- “ลิณธิภรณ์” ยอมรับดรามาใช้ภาษาไทยสะกดคำผิด พร้อมแก้ไขปรับปรุงตัว รับปากจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก บอก บางครั้งรีบพิมพ์ไม่ได้ตรวจทาน ทำเกิดผลเสียทุกวันนี้ แจงมีปัญหาสุขภาพ อาจทำให้ออกเสียงควบกล้ำไม่ได้ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงดรามาเรื่องการใช้ภาษาไทยในโซเชียลมีเดีย ว่า ตนขอยอมรับอย่างซื่อตรง ว่าบางครั้งในการสะกดคำของตนเองก็มีความผิดพลาด ซึ่งบางครั้งใช้การพิมพ์ด้วยเสียงผ่านโทรศัพท์มือถือ และได้โพสต์ข้อความไปแล้ว ก่อนจะมารู้ตัวอีกทีก็ผ่านไป 2-3 ชั่วโมง มันเป็นความผิดพลาด อันนี้ตนยอมรับด้วยความจริงใจ และวันนี้ตนก็เข้าใจดีว่าเมื่อมานั่งตำแหน่งตรงนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำ คือต้องปรับปรุง และคิดว่าหลังจากนี้ความผิดพลาดเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะตนก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน ของประเทศเหมือนกัน รวมถึงอีกสิ่งที่ตนอยากจะบอกคือการออกเสียงควบกล้ำ ซึ่งเป็นผลกระทบ จากปัญหาสุขภาพ แต่ส่วนหนึ่งตนก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในภาพนโยบายใหญ่ คงต้องขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยใน รายละเอียดที่ชัดเจน และจะเข้ากระทรวงพร้อมกันในวันที่ 8 กรกฎาคม สำหรับตนหากใครที่เคยติดตาม ก็เคยเป็นคนหนึ่งที่ พูดเรื่องการศึกษาในส่วนของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด ตั้งแต่เป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าสอบทีแคส (TCAS) รวมถึงเรื่องการทำโครงการ ด้านสุขภาพภาวะจิต และอาจจะเป็นโครงการหนึ่งที่ตนจะสานต่อ […]

มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ที่บราซิล

ทำเนียบ 3 ก.ค.-มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ครั้งที่ 17 ที่บราซิล 6-7 ก.ค.นี้ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 6 – 7 กรกฎาคม 2568 ร่วมกับผู้นำจาก 10 ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS และประเทศหุ้นส่วนจากหลากหลายประเทศ ที่นครรีโอเดจาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล โดยไทยเข้าร่วมในฐานะประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS (Partner Country) สำหรับการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “เสริมสร้างความร่วมมือโลกใต้เพื่อการสร้างธรรมาภิบาลที่ครอบคลุมและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยบราซิลในฐานะประธานกลุ่ม BRICS ปีนี้ ให้ความสำคัญกับประเด็นหลัก 6 ด้าน ได้แก่ (1) สาธารณสุข (2) การค้า การลงทุน และการเงิน (3) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (4) ธรรมาภิบาลของปัญญาประดิษฐ์ […]

Hun Sen, at event marking ruling party's 74th founding anniversary

ฮุน เซน เรียกร้องปั๊ม ปตท. งดนำเข้าน้ำมันจากไทย

พนมเปญ 3 ก.ค.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเรียกร้องให้เจ้าของปั๊ม ปตท.เลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทน สื่อของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน เซน พูดถึงเรื่องนี้ในระหว่างการประชุมกับครูและนักเรียนที่ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมในจังหวัดไพรแวงในวันนี้ เรียกร้องให้เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท.ทุกแห่งในกัมพูชาเลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าน้ำมันจากประเทศอื่น ๆ แทน ไม่ว่าจะเป็นจากเวียดนาม  มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อปั๊ม แม้ว่า ปตท.จะเป็นรัฐวิสาหกิจของไทยก็ตาม นอกจากนี้นายฮุน เซนยังพูดถึงเรื่องที่ไทยเคยขู่ว่าจะตัดไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต ห้ามขายเชื้อเพลิง และอื่นๆ ให้กัมพูชาด้วยว่า เมื่อไทยขู่มากัมพูชาก็ตอบโต้ทันที กัมพูชาต้องพึ่งพาตนเองให้ได้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตเหมือนกับที่กำลังเผชิญจากไทยในเวลานี้ แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากไทย แต่กัมพูชาก็ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ของกัมพูชา ประธานวุฒิสภากัมพูชาเน้นย้ำว่า มาตรการทั้งหมดที่กัมพูชาได้ดำเนินไปนั้นเป็นการตอบโต้โดยตรงกับภัยคุกคามจากฝ่ายไทย รวมทั้งการที่ไทยปิดด่านพรมแดนแต่เพียงฝ่ายเดียว เขาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า การเจรจากับไทยจะเริ่มขึ้นได้ ต่อเมื่อฝ่ายไทยจะต้องยอมเปิดด่านทุกจุดอย่างเต็มรูปแบบเหมือนที่เคยทำก่อนวันที่ 7 มิถุนายนแล้วเท่านั้น.-816(814).-สำนักข่าวไทย

เปิด 7 จุดยืน “ปชน.” ทางออกประเทศหาก “แพทองธาร” พ้นเก้าอี้

กรุงเทพฯ 4 ก.ค. – พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “แพทองธาร” พ้นตำแหน่ง เปิดเงื่อนไขโหวตนายกฯ คนใหม่ พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “นายกฯ แพทองธาร” พ้นจากตำแหน่ง เพื่อนำพาประเทศไปสู่ทางออกที่จะเป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับประชาชนทุกคน ดังนี้ 1.สิ่งที่ประเทศต้องการมากที่สุด คือรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรม และสามารถตั้งทีมบริหารจากความรู้ความสามารถ ไม่ใช่จากการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง2.รัฐบาลที่จะมีคุณสมบัติดังกล่าวจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากสภาชุดปัจจุบัน ทางออกสำหรับประเทศจึงเป็นการจัดให้มี “การเลือกตั้งใหม่” โดยเร็ว3.รักษาการนายกฯ ควรประกาศให้ชัดเจนว่าจะใช้อำนาจที่ตนเองมี ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนผ่านคูหาเลือกตั้ง4.หากรักษาการนายกฯ ไม่ทำ และมีเหตุใดที่ทำให้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร พ้นจากตำแหน่ง กระบวนการในการเลือกนายกฯ คนใหม่ จะต้องนำไปสู่การได้มาซึ่งนายกฯ ที่พร้อมเดินหน้าสู่การยุบสภา5.เพื่อให้ประเทศไม่ถูกบีบไปสู่ทางตันหรือการใช้อำนาจนอกครรลองประชาธิปไตย เราพร้อมจะพิจารณาลงมติให้กับผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ คนใหม่คนใดก็ตาม ที่ยอมรับ “เงื่อนไข” ในการเป็นรัฐบาลชั่วคราว โดยทางพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลและจะไม่มีใครจากพรรคประชาชนไปเป็นรัฐมนตรี 6.“เงื่อนไข” ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา สำหรับนายกฯ คนใหม่ จะต้องประกอบไปด้วยอย่างน้อย6.1 การประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี6.2 การยืนยันภารกิจเฉพาะหน้าที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว (เช่น การดำเนินการให้มีการจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง เพื่อถามประชาชนเรื่องการมี […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม​” ย้ำมาตรการชายแดนไทย-กัมพูชาคงเดิม มอบอำนาจ “บิ๊กเล็ก​” เบ็ดเสร็จ

ทำเนียบ 4 ก.ค.-“ภูมิธรรม​” ย้ำมาตรการชายแดนไทย-กัมพูชา คงเดิม ไม่มีผ่อนปรนเข้า-ออกข้ามแดน มอบอำนาจ “บิ๊กเล็ก​” เบ็ดเสร็จ เว้นแต่เปิดด่านต้องเข้าที่ประชุม สมช. นาย​ภูมิธรรม​ เวชย​ชัย​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง​ เปิดเผยภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติหรือ​ สมช.​ ว่า ตอนนี้ พลเอกณัฐพล​ นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม​ ได้มารายงานสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาให้ทราบ และสรุปว่าสถานการณ์ยังคงมีความตึงเครียด จึงยังคงมาตรการทั้งหมดที่ทำไว้ ซึ่งสมช.ได้รับทราบและขอบคุณที่ทาง ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา หรือ​ ศบ.ทก. ได้ทำงานมาอย่างต่อเนื่อง และมีมติมอบอำนาจให้พลเอกณัฐพล​ มีอำนาจรับผิดในรายละเอียด​ พูดคุยกับกองทัพ​ ซึ่งอยู่ในคณะกรรมการชุดนี้อยู่แล้ว และให้ไปดำเนินการ หาทางที่คลายปัญหา เมื่อถามว่าไม่ได้มีการพูดคุยถึงการผ่อนปรนมาตรการการผ่านข้ามแดนไทย -กัมพูชาใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ยืนยัน​ว่าไม่มี ไม่ได้คุยเรื่องการเปิดด่านแต่อย่างใด และยังคงยืนยันตามมติเดิม เพียงแต่มอบอำนาจให้ พลเอกณัฐพล​ ซึ่งไม่ต้องมารายงานเรื่องละเอียดเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้แบบเบ็ดเสร็จ​ ซึ่งพลเอกณัฐพล ก็เป็นตัวแทนรัฐบาลในทีมไทยแลนด์​อยู่แล้ว​ เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ไปในการพิจารณาหาทางออก จนกระทั่งได้คำตอบว่าควรจะทำอย่างไร เมื่อถามว่าแปลว่าทุกเรื่องหลังจากนี้ไปไม่ต้องมารายงานแล้ว แต่มีอำนาจเต็มในการตัดสินใจใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า มีเรื่องที่ต้องไปพิจารณาหาทางออก […]

“แพทองธาร” หารือผู้บริหาร ก.วัฒนธรรม

ก.วัฒนธรรม 4 ก.ค.-“แพทองธาร” หารือผู้บริหาร ก.วัฒนธรรม แจงข่าวปลอมไทยคืนวัตถุโบราณ 20 รายการ ให้กัมพูชาไม่จริง ชี้ทำตั้งแต่ “รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์” พร้อมสั่งเบรกจัดสรรงบฯ คืนวัตถุโบราณกัมพูชา จ่อแจ้งความคนปล่อยเฟกนิวส์ ปลุกปั่น “กลุ่มปราสาทตาเมือน” ยันอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยไทย ช่วงบ่ายวันนี้ (4 ก.ค.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการประชุมครั้งแรก มีข้อที่อยากจะฝากเอาไว้ และอยากจะให้ช่วยกันผลักดัน รวมถึงอยากจะอัปเดตข้อมูลให้ฟัง ซึ่งวันนี้ตนได้ทำการบ้านมาเล็กน้อย และรู้สึกดีใจที่จะได้ฟังจากทุกคนว่า แต่ละหน่วยงานแต่ละฝ่ายทำอะไรกันอยู่บ้าง และในกระทรวงฯ มีอะไรที่อยากให้ดำเนินการเพิ่มเติมบ้าง ประเด็นแรก อยากจะขอชี้แจงเรื่องข่าวปลอม เรื่องการส่งคืนวัตถุโบราณ จำนวน 20 รายการ ให้กับประเทศกัมพูชา ตนขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะการคืนวัตถุโบราณให้กับประเทศกัมพูชา มีมาตั้งแต่สมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งประเทศไทยได้คืนไปแล้ว […]

“สุชัชวีร์” ไขก๊อก “ปชป.” เล็งรวมคนตั้งพรรคใหม่

พรรคประชาธิปัตย์ 4 ก.ค.- “สุชัชวีร์” ไขก๊อก ลาออก “ปชป.” เตรียมรวมคนตั้งพรรคใหม่ ทำการเมืองระดับประเทศ เน้นพัฒนาคนจากการศึกษา ลั่นถ้าการศึกษาเปลี่ยนไม่ได้ อย่าหวังว่าประเทศไทยจะมีอนาคต ส่อไม่ลงผู้ว่าฯ กทม.ต่อ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาที่พรรคประชาธิปัตย์ในเวลา 10.00 น. เพื่อกราบไหว้พระแม่ธรณีบีบมวยผม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำพรรค ดร.สุชัชวีร์ เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าได้ให้เลขานุการส่วนตัวยื่นหนังสือลาจากเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองของคณะกรรมการการเลือกตั้งและนายทะเบียนพรรคประชาธิปัตย์เรียบร้อยแล้ว และต้องขอกราบขอบคุณสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และหัวหน้าพรรคซึ่งตนได้โทรศัพท์เรียนให้ทราบถึงการตัดสินใจไปแล้ว รวมทั้งขอบคุณกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ที่ให้เกียรติ ทำงานกับพรรคการเมืองที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ขอยืนยันชัดเจนว่าไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งใด ๆ แต่มาจากอุดมการณ์และความฝันของตนที่ออกมาทำงานการเมือง ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในประเทศจริง ๆ เพราะวันนี้ประเทศไทยกำลังอยู่ในภาวะที่วิกฤติ และสถานการณ์ขณะนี้รอไม่ได้ ดังนั้นด้วยความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาของประเทศที่เริ่มต้นจากการพัฒนาคนเรื่องการศึกษา ถือเป็นความตั้งใจอันแน่วแน่และเป็นการตัดสินใจอย่างรอบคอบว่าจากนี้เป็นต้นไปจะใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ทั้งหมด มาใช้ในการเปลี่ยนแปลงประเทศ และเริ่มต้นจากการเปลี่ยนเรื่องของการศึกษา ถ้าเราไม่เปลี่ยนเราแพ้เวียดนามแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้ตนยอมไม่ได้ เมื่อถามว่าส่วนหนึ่งในเหตุผลการลาออกคือ พรรคประชาธิปัตย์ยังตัดสินใจร่วมรัฐบาลอยู่ใช่หรือไม่ นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า นั่นเป็นการตัดสินใจของพรรค ตนให้เกียรติหัวหน้าพรรคและผู้ใหญ่ในพรรค และไม่ใช่เหตุผลที่ตัดสินใจลาออก เพราะตนมีเหตุผลชัดเจนอย่างที่กล่าวมา ซึ่งสถานการณ์ในประเทศไทยตอนนี้ วิกฤติทางการเมือง […]

ปิดลงทะเบียน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ย้ายไปแอปฯ “ทางรัฐ”

4 ก.ค.- “สรวงศ์” รมว.ท่องเที่ยวฯ สั่งปิดลงทะเบียน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ชั่วคราว หลังพบปัญหาต่อเนื่อง เตรียมย้ายไปเปิดใหม่ผ่านแอปฯ “ทางรัฐ” ยันไม่กระทบผู้ที่ลงทะเบียนรับสิทธิแล้ว นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาการลงทะเบียน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ที่เริ่มเปิดเมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา ก่อนเกิดปัญหาต่อเนื่องจนถึงขณะนี้ เพื่อให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วขึ้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่าอยู่ระหว่างพิจารณา 2 แนวทาง คือ ล่าสุดเช้าวันนี้ นายสรวงศ์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไทย ว่า ล่าสุดยังได้รับรายงานถึงปัญหาการลงทะเบียนมาอย่างต่อเนื่อง จึงสั่งการให้หยุดการลงทะเบียน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ผ่านทางเว็บไซต์ www.เที่ยวไทยคนละครึ่ง หรือแอปฯ Amazing Thailand ตั้งแต่บัดนี้ทันที แล้วให้ย้ายไปลงทะเบียนที่แอปฯ “ทางรัฐ” เพราะมีระบบยืนยันตัวตนในแอปฯ อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขั้นตอน ส่วนจะเริ่มได้เมื่อใด ณ เวลานี้ยังตอบชัดเจนไม่ได้ แต่วันนี้ (4 ก.ค.) จะหารือกับทีมเทคนิค ฝ่ายไอทีว่าจะสามารถย้ายระบบมาลงทะเบียนได้เร็วที่สุดเมื่อใด ยืนยันจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด […]