ภูมิภาค 14 เม.ย. – พายุฝนฟ้าคะนองพัดกระหน่ำ จ.เชียงราย ทำต้นไม้และเสาไฟฟ้าหักโค่น ไฟดับเป็นวงกว้าง สิ่งปลูกสร้างเสียหาย ส่วน จ.นครราชสีมา พายุพัดหลังคาบ้านใน อ.บัวใหญ่ ปลิวกระจัดกระจาย เสียหาย 80 หลัง และที่ จ.ราชบุรี พายุพัดต้นยางนาอายุกว่า 100 ปี ล้มทับรถยนต์ เสียชีวิต 1 ราย
เกิดพายุฤดูร้อนและฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ในหลายพื้นที่ของ จ.เชียงราย โดยเฉพาะ ต.ป่าอ้อดอนชัย ต.ห้วยสัก ต.รอบเวียง อ.เมือง นอกจากเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ยังมีลูกเห็บตกด้วย ส่งผลให้เสาไฟฟ้าแรงสูงริมถนนพหลโยธิน สายเชียงราย-พะเยา บริเวณใกล้วัดร่องขุ่น หักโค่นเสียหายกว่า 10 ต้น ทำให้กระแสไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง
นอกจากนี้ยังทำให้ต้นไม้หักขวางถนนสาย เจ้าหน้าที่ต้องเร่งนำเครื่องจักรมาตัดต้นไม้ออกจากผิวจราจร ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุกับรถที่สัญจรไปมา หลังเกิดเหตุ นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้สั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน และสำรวจความเสียหายในส่วนของบ้านเรือนและที่อยู่อาศัย เพื่อช่วยเหลือเยียวยา
เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่ม อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา มีฝนตกหนักและลมกระโชกแรง ทำให้บ้านเรือน สิ่งปลูกสร้างของชาวบ้านได้รับความเสียหาย หลังคาบ้านปลิวกระจัดกระจาย เสียหาย 80 หลังคาเรือน ต้นไม้หักโค่น โชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตราย
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านเกาะ หมู่ 13 ต.ดอนตะหนิน อ.บัวใหญ่ พบว่ามีบ้านเรือน ยุ้งฉางข้าว และสิ่งปลูกสร้าง ถูกลมพายุพัดหลังคาสังกะสีปลิวไปไกลกว่า 50 เมตร
คุณยายเล็ก อายุ 65 ปี บอกว่า เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเห็นฝนตกลมพายุรุนแรงขนาดนี้ ขณะเกิดเหตุได้ฝนตกหนัก ทั้งลมทั้งฝนกระหน่ำอย่างรุนแรงประมาณ 10 นาที จนทำให้หลังคาบ้านปลิวหลุดลอยออกไปเป็นแถบ ทุกคนตกใจรีบหาที่หลบซ่อน เพราะกลัวอันตราย
พายุฤดูร้อนพัดถล่มในพื้นที่บ้านโพนพระ และบ้านโคกคอน ต.โคกคอน อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย จากการสำรวจความเสียหายเบื้องต้นพบว่าแรงพายุพัดหลังคาสังกะสีของชาวบ้านพังหลุดออก ซึ่งมีบ้านเสียหายหนัก 3 หลัง และเสียหายเล็กน้อยอีกประมาณ 10 หลัง นอกจากนี้ยังมีต้นไม้ใหญ่ล้มทับศาลาพระพุทธรูปและทับรถยนต์เก๋งที่จอดไว้ได้รับความเสียหาย
ชาวบ้านบอกว่ามีลมพายุกระโชกแรง แล้วฝนตกลงมานานประมาณ 10 นาที ทั้งลมทั้งฝนรุนแรงมาก ชาวบ้านต่างพากันหลบในที่ที่มั่นคงแข็งแรง ทำให้ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ หลังพายุฝนสงบแล้วจึงได้ออกสำรวจความเสียหาย
สำหรับความช่วยเหลือนั้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จะได้เร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือตามกรอบระเบียบการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนในกรณีฉุกเฉินต่อไป
ที่ราชบุรี นายรณภพ เวียงสิมมา นายอำเภอบ้านโป่ง พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ พงศ์ประภาอำไพ ผู้กำกับการ สภ.บ้านโป่ง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิรวมใจการกุศลราชบุรี ตรวจสอบต้นยางนาขนาดใหญ่หักโค่นล้มทับรถยนต์มีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณบ้านหลังหนึ่งริมถนนเลียบทางรถไฟ หมู่ 14 ต.ปากแรต อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซี สีขาว ทะเบียน ถร142 กรุงเทพมหานคร สภาพถูกต้นยางขนาดใหญ่อายุกว่า 100 ปี หักโค่นล้มลงมาทับรถกระบะพังยับทั้งคัน ภายในรถพบร่างนายสุกฤษฎิ์ บริสุทธิ์ อายุ 32 ปี ชาว ต.เบิกไพร อ.บ้านโป่ง สภาพหน้ายุบ เลือดไหลท่วมร่าง เจ้าหน้าที่ต้องนำเลื่อยยนต มาตัดต้นไม้เป็นท่อน จากนั้นใช้รถแบ็กโฮมายกต้นยางนาออกจากรถกระบะ และต้องตัดหลังคารถกระบะ จึงสามารถนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาได้อย่างทุลักทุเล ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาเป็นระยะ
จากการสอบสวนทราบว่าผู้เสียชีวิตเป็นลูกชายเจ้าของร้านประสงค์การยางบ้านโป่ง ก่อนเกิดเหตุได้นำเอารถยนต์มาทำสีที่บ้านเพื่อน กระทั่งเกิดมีลมพายุและฝนตกหนัก มีลมกระโชกแรงมาก ทำให้ต้นยางนาขนาดใหญ่ มีสภาพโคนต้นผุอยู่แล้ว เกิดหักโค่นลงมา เป็นจังหวะเดียวกับที่นายสุกฤษฎิ์วิ่งเข้าไปในรถ เพื่อจะปิดเครื่องเสียงที่เปิดเอาไว้ จึงถูกต้นยางนาล้มทับจนเสียชีวิต
เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดพายุฤดูร้อน มีลมกระโชกแรง ฝนตกหนัก และมีลูกเห็บตกในหลายพื้นที่ของ จ.เพชรบูรณ์ นานนับชั่วโมง ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนใน อ.วิเชียรบุรี ถูกกระแสลมพายุพัดถล่มพังเสียหายหลายหลังคาเรือน โดยเฉพาะในพื้นที่หมู่ 1 บ้านยางสาว ต.ยางสาว อ.วิเชียรบุรี มีบ้านเรือนกว่า 20 หลังคาเรือน ถูกกระแสลมพายุพัด จนหลังคาสังกะสีปลิวหายไป เครื่องใช้ไฟฟ้าและข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน ถูกฝนตกใส่จนได้รับความเสียหายไปหลายหลัง ต้นมะขามเทศขนาดใหญ่ ถูกแรงลมพัดหักโค่นล้มทับบ้านเรือน จนได้รับความเสียหาย จำนวน 1 หลัง และต้นมะขามเฒ่ายักษ์ อายุกว่า 40 ปี ได้หักโค่นแบบถอนรากถอนโคน ทับกำแพงรั้วบ้าน ศาลพระภูมิ และขวางถนน จนรถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถสัญจรวิ่งผ่านไปมาได้ โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับอันตราย เนื่องจากช่วงเวลาเกิดเหตุเป็นช่วงเคอร์ฟิว จึงไม่มีผู้คนออกนอกบ้าน
นายหนูดำ ผันสันเที๊ยะ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 บ้านยางสาว บอกว่าการเกิดพายุในครั้งนี้รุนแรงหนักที่สุดในรอบ 40 ปีที่ผ่านมา ขณะที่เสาไฟฟ้าแรงสูงที่บริเวณริมทางหลวงชนบท พช.3017 ถนนสายเขาสูง-ยางสาว ช่วงระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 2-3 ถูกกระแสลมพัดพายุพัดถล่มจนหักโค่นจำนวนกว่า 10 ต้น ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าดับนานกว่า 17 ชั่วโมง
ล่าสุดเจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขา อ.วิเชียรบุรี ต้องระดมกำลังเร่งเก็บกู้ และทำการติดตั้งเสาไฟฟ้าแรงสูง ขนาดความสูง 12 เมตร ที่หักโค่นขึ้นใหม่ จำนวน 13 ต้น
โดยนายวินัย ตังศรี พนักงานช่าง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขา อ.วิเชียรบุรี กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้ากำลังระดมกำลังกันเร่งเก็บกู้ เสาไฟฟ้าแรงสูงที่หักโค่น และจะทำการติดตั้งเสาไฟฟ้าแรงสูงใหม่ จำนวน 13 ต้น เพื่อให้แข็งแรงมั่นคงกว่าเดิม คาดว่าน่าจะสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่บ้านเรือนประชาชนได้ตามปกติ.-สำนักข่าวไทย