กรุงเทพฯ-4
เม.ย.-ตลาดเงิน ตลาดทุน จับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จากพิษ COVID-19 ของไทยและทั่วโลก รวมทั้งการประชุมฉุกเฉินของโอเปก-พันธมิตร
บริษัท
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาททยอยอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทอ่อนค่าลงท่ามกลางความกังวลต่อผลกระทบจากโควิด-19
ต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย
ประกอบกับยังมีแรงกดดันจากสถานะขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี
การอ่อนค่าของเงินบาทยังคงเป็นทิศทางที่สอดคล้องกับหลายสกุลเงินในภูมิภาค เงินบาทสามารถลดช่วงอ่อนค่าลงได้บางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์
ซึ่งอาจเป็นการปรับทิศทางของก่อนการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ
ในวันศุกร์
(3 เม.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 32.97 หลังแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 17 เดือนที่ 33.18 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ในระหว่างสัปดาห์ เทียบกับระดับ 32.61 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ในวันศุกร์ก่อนหน้า (27 มี.ค.)
ด้าน หุ้นไทยปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET
ปิดที่ระดับ 1,138.84 จุด เพิ่มขึ้น 3.55% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่
58,852.12 ล้านบาท ลดลง 9.89%
จากสัปดาห์ก่อน
ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 2.62% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 220.22 จุด
ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวอิงขาขึ้นในสัปดาห์นี้
โดยแม้จะถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอยของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19
ในช่วงต้นและกลางสัปดาห์ แต่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ในช่วงที่เหลือของสัปดาห์
โดยมีแรงหนุนจากความคาดหวังเชิงบวกต่อมาตรการระยะ 3
เพื่อเยียวยาผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ
ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานทยอยฟื้นตัวขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก
ขานรับการเตรียมคืนสู่โต๊ะเจรจาของกลุ่มโอเปกและพันธมิตร
เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน
สำหรับสัปดาห์ถัดไป
(6-10 เม.ย.)
ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.70-33.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ด้านบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย
คาด ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,115 และ 1,100 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,155 และ 1,170 จุด ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทยเดือน
มี.ค. การพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ 3 ของ ครม. เพื่อบรรเทาผลกระทบไวรัสโควิด-19 มาตรการบรรเทาผลกระทบสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ของประเทศชั้นนำ
รวมถึงการจัดประชุมฉุกเฉินของกลุ่มโอเปกและพันธมิตร ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ
ได้แก่ บันทึกการประชุมเฟด รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิตและดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมี.ค.
ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมี.ค.
ของญี่ปุ่น รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิตและผู้บริโภคเดือนมี.ค. ของจีน –สำนักข่าวไทย