สำนักข่าวไทย 3 เม.ย.-สถาบันปิดทองหลังพระฯ เร่งช่วยเหลือผู้ตกงานและเกษตรกรในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งจากวิกฤตโรคโควิด-19 และภัยแล้ง โดยการจ้างงาน และให้ได้รับความรู้ตามศาสตร์พระราชา นำไปประกอบอาชีพหลังจากวิกฤตได้อย่างยั่งยืน
นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสาน แนวพระราชดำริ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 รวมทั้งภัยแล้งและเศรษฐกิจตกต่ำ คณะกรรมการมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ ได้มีมติให้เร่งช่วยเหลือประชาชนที่ตกงานและเกษตรกร โดยการจ้างแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง และบัณฑิตว่างงานในพื้นที่ มาร่วมพัฒนาแหล่งน้ำและการเกษตร ควบคู่กับการเรียนรู้และปฏิบัติตามแนวพระราชดำริ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19
“ในเดือนเมษายนถึงมิถุนายน ประชาชนจะเผชิญวิกฤตมากที่สุด สถาบันฯจึงแนวคิดช่วยเหลือ เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบ ให้มีรายได้และมีกิจกรรมทางการเกษตรทันทีเมื่อดำเนินโครงการแล้วเสร็จ ที่สำคัญการช่วยเหลือครั้งนี้จะช่วยอย่างยั่งยืน คือผู้เข้าร่วมโครงการจะมีความรู้ไปใช้พัฒนาอาชีพได้ต่อไปในอนาคต” นายการัณย์ กล่าว
นายการัณย์ กล่าวต่อไปว่า สถาบันฯ จะนำร่องการดำเนินงาน “โครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฐานราก เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาวะว่างงานที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของ COVID-19” ใน 3 จังหวัด คือกาฬสินธุ์ ขอนแก่นและอุดรธานี กรอบงบประมาณ 288 ล้านบาท ขณะนี้ได้สำรวจโครงการแล้วเสร็จ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในระยะเร่งด่วนจำนวน 95 โครงการในเดือนเมษายนนี้ เพื่อให้เกษตรกรมีน้ำทำการ เกษตรตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ซึ่งจะช่วยเหลือผู้ว่างงานในเบื้องต้นได้ไม่ต่ำกว่า 200 คน
สำหรับการดำเนินงานในระยะเร่งด่วน แบ่งโครงการเป็น 2 ประเภท คือโครงการซ่อมแซมและเสริมประสิทธิภาพแหล่งน้ำที่มีต้นทุนน้ำอยู่แล้วและโครงการที่มีระบบน้ำอยู่แล้วสามารถดำเนินกิจกรรมต่อเนื่องได้ทันที โดยคัดเลือกจากแหล่งน้ำถ่ายโอนจากกรมชลประทานและหน่วยงานอื่นๆ ในพื้นที่ที่เสียหายและมีความจำเป็นต้องซ่อมแซมและเสริมศักยภาพ ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมประชาชนในพื้นที่ จัดทำแผนงานและงบ ประมาณเพื่อเสนอให้คณะกรรมการระดับจังหวัดอนุมัติ โดยปิดทองหลังพระฯ จะสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ในการซ่อมแซมและเสริมประสิทธิภาพแหล่งน้ำ การต่อยอดอาชีพ โดยเกษตรที่ได้รับประโยชน์จากการพัฒนาแหล่งน้ำ คาดว่าจะมีน้ำเพาะปลูกและมีรายได้ภายใน 45 วัน ดังนั้นโครงการจะขอความร่วมมือในการสละแรงงานเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำโดยไม่มีค่าจ้างแรงงาน
นอกจากนี้สถาบันปิดทองหลังพระฯ ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยจังหวัดและอำเภอสำรวจผู้ว่างงาน เพื่อจ้างเป็นอาสาพัฒนาหมู่บ้าน (อสพ.) ทำหน้าที่ซ่อมแซมแหล่งน้ำและพัฒนาการเกษตรร่วมกับเกษตรกรในพื้นที่ และบัณฑิตว่างงานในหมู่บ้านจะจ้างเป็นพนักงานโครงการ ทำหน้าที่ประสานงานติดตามการดำเนินงานโครงการ ทั้งสองกลุ่มจะได้เรียนรู้และปฏิบัติงานตามแนวพระราชดำริ ซึ่งระหว่างการศึกษาเรียนรู้และปฏิบัติ งานทางสถาบันฯ จะจ่ายค่าแรงงาน ค่าตอบแทนด้วย เป็นระยะเวลา 3 เดือน .-สำนักข่าวไทย