กนอ. ตรวจระบบบำบัดน้ำเสียนิคมฯบางปู รับมือน้ำฤดูฝน

กรุงเทพฯ 20 มี.ค. – บอร์ด กนอ. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมนิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ ติดตามการดำเนินการด้านระบบบำบัดน้ำเสีย กำชับวางแผนการระบายน้ำช่วงฤดูฝน ลดปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่รอบนิคมฯ


นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย คณะกรรมการ กนอ.ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมนิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ นายกอบชัย ระบุว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อติดตามการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ ของนิคมบางปู  พร้อมกับมอบนโยบายด้านการส่งเสริมและสนับสนุนเอสเอ็มอีในพื้นที่ โดยเน้นด้านการตลาดและนวัตกรรม ที่ใช้วิธีการกระจายสินค้าในการทำการตลาดเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี ล่าสุดได้ประสานงานกับกระทรวงมหาดไทยในการให้มีตลาดชุมชนในทุกพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีได้ทำการตลาดฟรี ภายใต้สโลแกนว่า“เศรษฐกิจฟรี สู่ชุมชน”


นายกอบชัย กล่าวว่า ขณะนี้ คณะกรรมการ กอน. เป็นห่วงปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่นิคมฯบางปู ซึ่ง กนอ. รายงานว่าได้เตรียมแผนป้องกันน้ำท่วมไว้แล้ว โดยมีเขื่อนดินรอบนิคมฯ และหากกรณีที่เกิดฝนตก น้ำจะไหลผ่านรางระบายน้ำฝนเข้าสู่บ่อพักน้ำฝน จำนวน 8 บ่อ ซึ่งบ่อพักน้ำฝนและรางระบายน้ำฝนทั่วพื้นที่นิคมฯบางปู มีความสามารถในการรองรับน้ำรวมทั้งสิ้น ประมาณ 347,000 ลูกบาศก์เมตร สำหรับการระบายน้ำออกนอกพื้นที่นิคมฯบางปูนั้น จะระบายน้ำออกนอกพื้นที่ด้วยเครื่องสูบน้ำกำลังการสูบรวมประมาณ 82,000 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง แบ่งเป็นสถานีสูบระบายน้ำ จำนวน 11 สถานี กำลังการสูบรวมประมาณ 70,000 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง และ เครื่องสูบน้ำแบบเคลื่อนที่ จำนวน 10 ชุด กำลังการสูบรวมประมาณ 12,000 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง ขณะเดียวกันยังมีมาตรการการบริหารจัดการด้านอื่นๆ เช่น การปรับปรุงและเตรียมความพร้อมของเครื่องสูบน้ำและระบบควบคุมตามแผนงานการบำรุงรักษา การขุดลอกคูคลอง การพร่องน้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อรองรับปริมาณน้ำฝน การติดตามและสื่อสารสภาพอากาศจากแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการฝึกซ้อมแผนตอบโต้ภาวะฉุกเฉินกรณีน้ำท่วม

“ปัจจุบันการรระบายน้ำออกจากพื้นที่นิคมฯบางปู สามารถระบายออกจากพื้นที่ได้บริเวณทางด้านทิศเหนือและทิศตะวันออก โดยทางด้านทิศเหนือระบายน้ำออกสู่คลองหกส่วน และด้านทิศตะวันออกระบายออกสู่คลองลำสลัด และเพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการระบายน้ำที่อาจเกิดขึ้นกับชุมชน ได้มอบหมายให้ กนอ.หารือร่วมกับหน่วยงานราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาจัดทำแผนปรับปรุงแก้ไขการระบายน้ำออกจากนิคมฯบางปูเพื่อลดผลกระทบต่อชุมชน โดยให้หาวิธีลดการระบายน้ำลงสู่คลองลำสลัดและคลองหกส่วน โดยอาจเป็นการระบายน้ำจากพื้นที่นิคมฯบางปูลงสู่คลองชายทะเลหรือระบายน้ำลงสู่ทะเลโดยตรง ซึ่ง กนอ.จะนำไปพิจารณาหาแนวทางเพื่อดำเนินการในระยะยาวต่อไป” นายกอบชัย กล่าว


ด้านนางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า สิ่งที่คณะกรรมการ กนอ.เป็นห่วงอีกเรื่อง คือการจัดการระบบบำบัดน้ำเสีย ที่อยากให้นิคมฯบางปู ได้ทำความเข้าใจกับชุมชนรอบนิคมฯ อย่างชัดเจนว่าน้ำที่ผ่านการบำบัดของนิคมฯบางปู เป็นน้ำที่มีคุณภาพตามมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ นิคมฯบางปู จังหวัดสมุทรปราการ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 5,000 ไร่ มีผู้ประกอบการจำนวน 370 โรงงาน เป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป 324 โรงงาน เขตประกอบการค้าเสรี 46 โรงงาน มีผู้ใช้แรงงานในพื้นที่นิคมฯ ประมาณ 58,000 คน มูลค่าการลงทุน (ทั้งนิคมฯ) ประมาณ 203,595 ล้านบาท มูลค่าการส่งออกต่อปีประมาณ 45,833 ล้านบาท โดยนักลงทุนในนิคมฯบางปู ประกอบไปด้วย นักลงทุนญี่ปุ่น 24 % นักลงทุนไต้หวัน 20% นักลงทุนอเมริกา 5 % นักลงทุนสิงคโปร์ มาเลเซีย และยุโรป 12% รวมทั้งนักลงทุนชาวไทยอีก 39% โดยอุตสาหกรรมหลักในนิคมฯ ประกอบด้วย  อุตสาหกรรมปุ๋ย สีและเคมีภัณฑ์ อุตสาหกรรมเหล็ก และเหล็กกล้า อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมยางและพลาสติก อุตสาหกรรมเครื่องหนัง อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์และการขนส่ง . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เอกอัครราชทูตชี้แจงข้อเท็จจริงยูเอ็น ปมกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

31 ก.ค. – เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ขึ้นเวทียูเอ็น ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ระหว่างการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศว่าด้วยการระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีและการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ระหว่างการกล่าวถ้อยแถลง เนื่องจากกัมพูชากล่าวพาดพิงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในเวทีดังกล่าว ไทยเข้าร่วมการประชุมโดยมีเป้าหมายร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศในการผลักดันการแก้ปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีผ่านแนวทางสองรัฐ.-สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เผยประเทศไทยฝนลดลง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 31 ก.ค. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณ จ.น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดน่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง โดยบริเวณทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง […]

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย