กรุงเทพฯ 4 มี.ค. – PwC เผยผลสำรวจผู้นำธุรกิจครอบครัวไทยปี 62 กังวลภัยแล้ง-โควิด-19 กระทบธุรกิจปิดตัว
นายนิพนธ์ ศรีสุขุมบวรชัย หัวหน้าสายงาน Clients and Markets หัวหน้ากลุ่มลูกค้าธุรกิจครอบครัว และหุ้นส่วนสายงานภาษีและกฎหมาย บริษัท PwCประเทศไทย ระบุว่าปีนี้นอกจากผลกระทบอย่างหนักจากภาวะภัยแล้งแล้ว ภาคธุรกิจยังได้รับผลกระทบการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน และการผลิตในบางกลุ่มอุตสาหกรรม รวมถึงการบริโภคภายในประเทศ กำลังซื้อที่หดตัวจากการขาดรายได้ของแรงงานภาคการขนส่งและท่องเที่ยว เกษตรกรมีรายได้ลดลงจากภัยแล้งและกลุ่มผู้ใช้แรงงานภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากการที่โรงงานหรือภาคการผลิตทยอยปิดตัวชั่วคราวและถาวร
พร้อมยอมรับว่ามีความกังวลหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 เดือนนี้ จะส่งผลให้ธุรกิจครอบครัว หรือ บริษัทขนาดเล็กต้องปิดกิจการจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ เพราะมีต้นทุนทางธุรกิจสูงกว่าโดยเฉพาะต้นทุนทางการเงินจากข้อจำกัดการระดมทุนและการดึงบุคลากรที่มีศักยภาพมาร่วมธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณดีขึ้นโดยเฉพาะจีนที่เป็นศูนย์กลางของไวรัส ซึ่งอัตราการติดเชื้อเริ่มชะลอตัวลง ขณะที่การแพร่ระบาดในยุโรปแม้ขยายวงกว้างขึ้น แต่เชื่อว่าจากสถานการณ์จะทำเกิดความตื่นตัวในการรับมือและป้องกันมากขึ้น และยังเชื่อว่าจะสามารถคุมสถานการณ์ได้
ส่วนความกังวลว่าการระบาดของไวรัสจะทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกรอบใหม่นั้น ยอมรับว่าแม้มีความเสี่ยง แต่ขณะนี้หลายประเทศเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งนโยบายการเงินและการคลังที่สามารถนำออกมาใช้ประคองภาวะเศรษฐกิจได้มากกว่าในอดีตที่เคยเกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลก ซึ่งล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% เพื่อช่วยประคองภาวะเศรษฐกิจ
ขณะที่ไทยแม้ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ในระดับต่ำ แต่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกก็จะช่วยประคองภาวะเศรษฐกิจได้ แต่จะต้องทำควบคู่กับการใช้มาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่น รวมทั้งต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนและการบริโภค .- สำนักข่าวไทย