ลุ้นทองแตะ 25,000 หากโควิด-19 ยังไม่จบ

กรุงเทพฯ 3 มี.ค. – มองทองคำไทยมีโอกาสแตะ 25,000 บาท เร็ว ๆ นี้ หากสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่หยุดลุกลาม ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจ ควรเน้นประคับประคองก่อนในช่วงต้น ก่อนคิดถึงมาตรการกระตุ้นในระยะต่อไป



นายสัญญา หาญพัฒนกิจพานิช รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก มองสถานการณ์ราคาทองคำขณะนี้ว่า ยังถือว่าเป็นขาขึ้นอยู่จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจทั่วโลก แม้ว่าจะมีบางช่วงที่ราคาทองคำในตลาดโลกจะลดลงมาบ้างก็ตาม  โดยมองแนวรับหลัก ๆ ที่ไม่ควรหลุดเลย คือ 1,515 เหรียญต่อออนซ์ ถ้าราคาทองในตลาดโลกต่ำกว่าระดับดังกล่าวจะถือว่าขาขึ้นรอบใหญ่ของทองคำหมดไปแล้ว   


สำหรับแนวคิดการลดดอกเบี้ย หากเกิดขึ้นจริง จะเป็นผลดีต่อราคาทองคำ หากย้อนกลับไปตอนวิกฤติซับไพร์ม จะพบว่าเมื่อมีการปรับลดดอกเบี้ย  ตลาดหุ้นขึ้น และทองคำราคาขึ้นด้วย ที่สำคัญมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังมีกระสุนให้ใช้อีกไม่น้อย เพราะดอกเบี้ยสหรัฐขณะนี้อยู่ที่ร้อยละ 1.75 ยังมีช่องว่างให้ใช้นโยบายลดดอกเบี้ยได้อยู่ ดังนั้น ทองคำจึงถือว่ายังมีปัจจัยหนุนอยู่  

“โอกาสที่ราคาทองจะลงไปที่ 22,500 บาทต่อบาททองคำ ก็มีโอกาสจะเป็นไปได้ แต่ไม่ควรต่ำกว่านี้ ส่วนแนวต้าน 25,000 บาทต่อบาททองคำ  ก็มีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะขึ้นไปทดสอบที่ระดับดังกล่าวได้เช่นกัน โดยปัจจัยสำคัญ คือ โควิด 19 ถ้าสถานการณ์ระบาดยังมีในประเทศอื่น ๆ ก็มีโอกาสที่ราคาทองคำอาจจะขึ้นไปทดสอบที่ 25,000 เร็ว ๆ นี้” นายสัญญา กล่าว 

ทั้งนี้ ราคาทองคำล่าสุด (12.00 น.) ที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำ ทองคำแท่งขายออกบาทละ 23,900 บาท และทองคำรูปพรรณขายออกที่บาทละ 24,400 บาท


นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย คาดการณ์ว่าผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 น่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจไทยประมาณ 1-2 ไตรมาส อาจจะตัวเลขจีดีพีชะลอตัว ตัวเลขการท่องเที่ยวชะลอลง การส่งออกก็ชะลอตัว การบริโภคก็จะลดลง แต่เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยระยะสั้น ขณะนี้เริ่มเห็นการฟื้นตัวของธุรกิจจีนบ้างแล้ว เชื่อว่าจะมีทางออกและฟื้นตัวได้ในที่สุด ซึ่งที่ต้องติดตาม คือ การฟื้นตัวจะเป็นรูปแบบใด ส่วนใหญ่เมื่อเกิดปัญหาเศรษฐกิจการฟื้นตัวจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว เช่น เป็นตัว V แต่ถ้าสถานการณ์ยืดเยื้อ การฟื้นตัวอาจจะไม่เร็วนัก สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ทุกฝ่ายคงต้องช่วยกันออกแบบให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างรวดเร็ว

สำหรับมาตรการการเงิน เช่น การลดดอกเบี้ย แม้ว่าจะไม่ได้ทำให้เกิดการกู้ยืมเพิ่มขึ้น แต่อย่างน้อยก็จะลดภาระทางการเงิน และช่วยทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้ ซึ่งจะมีผลบวกต่อการส่งออกของประเทศในที่สุด ขณะที่มาตรการการคลัง จะเป็นส่วนสำคัญขณะนี้ โดยมองว่าควรเป็นลักษณะการประคองเศรษฐกิจระยะเริ่มต้น ก่อนจะใช้มาตรการกระตุ้นในช่วงต่อไป 

“ตัวอย่างของการใช้มาตรการประคองเศรษฐกิจ เช่น 1.โครงการงานแลกเงิน  แทนที่จะแจกเงิน เปลี่ยนเป็นการสร้างงานให้คนทั่วประเทศ แล้วมีค่าจ้างให้ จะเกิดผลทั้งทางเศรษฐกิจและความภาคภูมิใจ 2. คือ การเสริมสภาพคล่อง เพราะหากเอสเอ็มอีขาดเงินทุนอาจจะล้มได้ 3.หนุนการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ให้ลงไปในระดับชุมชน กระจายไปให้ได้มากที่สุด และ 4.ใช้มาตรการลดภาษีให้กับบุคคลธรรมดา เพื่อลดค่าใช้จ่าย และมนุษย์เงินเดือนเหล่านี้จะเป็นแรงผลักดันสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย” นายอมรเทพ กล่าว – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

มติกฤษฎีกา “กิตติรัตน์” คุณสมบัติไม่ผ่านนั่งประธานบอร์ด ธปท.

คณะกรรมการกฤษฎีกา 3 คณะ มีมติไม่ผ่านคุณสมบัติ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” เป็นประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย

เครื่องบินโดยสาร อาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ ตกในคาซัคสถาน

เครื่องบินโดยสารเอ็มบราเออร์ ของสายการบินอาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ ที่บินจากอาเซอร์ไบจาน ไปยังประเทศรัสเซีย เกิดอุบัติเหตุตกที่บริเวณใกล้กับเมืองอัคเทา ในคาซัคสถาน โดยมีผู้โดยสาร 62 คน และลูกเรือ 5 คน บนเครื่อง เจ้าหน้าที่คาซัคสถานกล่าวว่า มีผู้รอดชีวิต 28 ราย