ยืนยันอีก 1 หญิงไทยวัย 22 ป่วยโควิด-19 รายที่43

สธ.2 มี.ค.-สธ.เผยพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 1 คน เป็นหญิงไทยอายุ 22 ปี เป็นผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยรายที่ 37 ซึ่งอยู่ในกลุ่มเฝ้าระวังอยู่แล้ว รวมจำนวนผู้ติดเชื้อในไทย 43 คน รักษาหายกลับบ้าน 31 คนและเหลืออยู่ใน รพ. 11คน พร้อมเปลี่ยนมาตรการคัดกรองใหม่เพิ่มคนป่วยไข้หวัดเป็นกลุ่ม 5 คนขึ้นไปเพื่อการเฝ้าระวังครอบคลุม ไม่จำกัดแค่มีไข้ ไอ น้ำมูกหรือประวัติการเดินทางต่างประเทศ พร้อมจับตาดูอังกฤษ-นอร์เวย์ หลังมีผู้ป่วยเพิ่ม 


นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อม นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร  ผู้อำนวยการกองสำนักโรคติดต่อ แถลงความคืบหน้าการติดเชื้อโควิด-19 ว่าขณะนี้มีผู้รักษาหายแล้ว1คนเป็นหญิงอายุ34 ปี กลับจากประเทศญี่ปุ่น และพบผู้ติดเชื้ออีก 1 คนเป็นหญิงไทยอายุ 22 ปี อาชีพทำงานพนักงานดูแลนักท่องเที่ยว เป็นผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยรายที่ 37 อยู่ในกลุ่มเฝ้าระวังอยู่แล้ว  ทำให้มีผู้ติดเชื้อรวม 43คน หายแล้วกลับบ้าน 31 คน เหลือรักษาตัวในรพ. 11 คน


ขณะนี้แม้ไทยจะอยู่ในการระบาดในเฟส2แต่มีการระบาดและสถานการณ์เพิ่มขึ้นในต่างประเทศ ทำให้มีการปรับเกณฑ์การเฝ้าระวังคัดกรองโรคใหม่ จากเดิม มีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก หรือโรคระบบทางเดินหายใจ กลับมาจากพื้นที่เสี่ยง เป็นเฝ้าระวังในกลุ่มคนที่ป่วยไข้หวัด  แต่ติดต่อกันเป็นกลุ่มคน 5 คนขึ้นไปเพื่อให้รับกับสถานการณ์การระบาดในปัจจุบันและหากมีการเจ็บป่วยเป็นกลุ่มให้โทรศัพท์มาแจ้งที่สายด่วน 1422 และสำหรับคนที่มีการกักตนเองดูอาการที่บ้าน 14 วัน กรณีเดินทางกลับจากต่างประเทศ หากเกิดป่วยในระยะเวลานี้ ให้โทรมาที่ 1422 เพื่อแจ้ง และรับบริการรักษา เพื่อลดการเดินทางสัมผัสใกล้ชิดบุคคลอื่น 


นพ.สุขุม กล่าวว่า ขณะนี้ขอให้มีการจับตาพื้นที่ที่พบการแพร่ระบาดของโรค ที่มีการขยับตัวเลขเพิ่มขึ้นทั้งอังกฤษ นอร์เวย์และประเทศแถบสแกนดิ เนเวีย เพิ่มจากจาก 11 พื้นที่ ประกอบด้วย จีน ครอบคลุมฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ อิตาลี อิหร่าน เยอรมัน ฝรั่งเศส ทั้งนี้ที่เดินทางกลับมาต้องกักตัวเองดูอาการอยู่ที่บ้าน 14 วัน กรณีไม่พบไข้ที่สนามบิน เพื่อความปลอดภัย และรวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทย กรณีไป 11 พื้นที่เสี่ยงเช่นกัน ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558  

นพ.โสภณ กล่าวว่า สำหรับการช่วยเหลือกลุ่มคนไทยที่หลบหนีเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายอาศัยอยู่ในเมืองแทกู เกาหลีใต้ ขอความช่วยเหลือต้องการกลับไทยเพราะสถานการณ์โควิด-19 แต่กลัวดำเนินคดีทางกฎหมาย  เรื่องนี้กระทรวงการต่างประเทศ ต้องประสานร่วมกับสถานทูต เพื่อให้การช่วยเหลือคนไทยกลุ่มนี้ โดยจะมีการตรวจคัดกรองตั้งแต่ต้นทางก่อนเข้าสนามบินในเกาหลีใต้ หากป่วยก็จะได้รับการรักษา จนหายดีถึงกลับเข้าไทยได้  และกลับมาถึงไทย ก็จะต้องดูว่ามีอาการป่วยโรคระบบทางเดินหายใจหรือไม่  หากไม่มีก็ยังต้องกักตนเองดูอาการที่บ้านอีก 14 วัน

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่าสำหรับกรณีผู้เสียชีวิตรายแรกของไทยขณะนี้รอผลผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นหลักสากล อย่างไรก็ตามขอให้มั่นใจในกระทรวง  สาธารณสุข และแพทย์ผู้ทำการรักษา ส่วนครอบครัวของชายคนดังกล่าว พบมีการติดเชื้อและรักษาหายแล้ว 2 คน มีลูกชาย 3 ปี และคนใกล้ชิดอีก 1 คน คือบุคลากรทางการแพทย์ที่ใกล้ชิด ก็รักษาหายแล้วเช่นกัน 

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สำหรับการสวมหน้ากาอนามัย มีความจำเป็นในผู้ป่วย เพื่อป้องกันไม่ให้แพร่โรคสู่คนอื่น โดยวันนี้กระทรวงสาธารณสุขได้มีการแจกหน้ากากอนามัย แสนชิ้น แต่สำหรับคนไม่ป่วย ก็ไม่มีความจำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัย ยกเว้น  ไปในที่แออัด ควรใส่ป้องกัน.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้โรงอบลำไย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย

เพลิงไหม้โรงงานอบลำไย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่เร่งนำรถดับเพลิงเข้าระงับเหตุ เพื่อควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังพื้นที่ใกล้เคียง เบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้

พุ่งไม่หยุดราคาทองคำโลกนิวไฮอีก คาดไปต่อถึง 3 พันดอลลาร์/ออนซ์

ราคาทองคำตลาดโลกพุ่งแตะ 2,800 ดอลลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ นักวิเคราะห์คาดมีโอกาสพุ่งต่อถึง 3,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่งผลราคาทองไทยวันนี้ขึ้นต่อจากราคาปิดวานนี้ และทำนิวไฮเท่าวานนี้

ข่าวแนะนำ

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : คอมมาลา แฮร์ริส

รายงานศึกชิงทำเนียบขาว 2024 พาไปรู้จักกับนางคอมมาลา แฮร์ริส ที่เพิ่งได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ไม่กี่เดือนก่อนเลือกตั้ง เปรียบเหมือนการเปลี่ยนม้าใหม่กลางศึก หากชนะได้เธอจะกลายเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐด้วย

เปิดโครงการ “เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต” ครั้งที่ 10

นายกฯ ควง “คุณหญิงพจมาน-ครอบครัว” นำ ครม.-ประชาชน ร่วมโครงการเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สาว อบต.ตกใจ ตำรวจตามรอยเงิน 39 ล้านบาท ที่แท้ชื่อซ้ำกัน

สาว อบต. ตกใจ ตำรวจมาถึงที่ทำงาน ถามถึงเงิน 39 ล้านบาท ที่แท้ชื่อซ้ำกัน ยันไม่เคยรู้จัก “มาดามอ้อย-ทนายตั้ม” มาก่อน