กรุงเทพฯ 24 ม.ค. – กระทรวงเกษตรฯ ตั้งคณะทำงานป้องกันและเฝ้าระวังการเผาเศษซากพืชหรือวัชพืช และเศษวัสดุทางการเกษตรในพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจ 3 ชนิดที่มีการเผามากที่สุดคือ ข้าว ข้าวโพด และอ้อย เร่งบูรณาการทุกหน่วยงานแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว
นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานคณะทำงานป้องกันและเฝ้าระวังการเผาเศษซากพืชหรือวัชพืช และเศษวัสดุทางการเกษตรในพื้นที่การเกษตร กล่าวว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สั่งการให้คณะทำงานฯ จัดทำแผนป้องกันและเฝ้าระวังเผาเศษซากพืชหรือวัชพืช และเศษวัสดุทางการเกษตรเพื่อลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในหลายพื้นที่ของประเทศ ซึ่งนำเสนอมาตรการดำเนินเงานและแนวทางกำกับดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ และรายงานผลต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทราบทุกระยะ
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดทำโครงการ/แผนงานเพื่อสนับสนุนการป้องกันและแก้ไขปัญหากาคเผาในพื้นที่เกษตรกรรม ปี 2563 จำนวน 4 โครงการ/แผนงาน ได้แก่ 1) โครงการส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตร 2 กิจกรรม คือ การถ่ายทอดความรู้แก่เกษตรกร เป้าหมาย 16,800 ราย และการสร้างเครือข่ายเกษตรกรปลอดการเผา เป้าหมาย 150 ตำบล และศูนย์เรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) 226 แห่งใน 42 จังหวัด ขณะนี้จัดกิจกรรมรณรงค์หยุดการเผาไปแล้ว 3 จังหวัดคือ เชียงใหม่ เชียงราย น่าน และจะดำเนินการกิจกรรมต่อเนื่องในจังหวัดนครปฐม ในวันที่ 28 มกราคม 2) โครงการส่งเสริมการไถกลบและการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อป้องกันมอกควันในพื้นที่เกษตรภาคเหนือ 2 กิจกรรม คือ การไถกลบตอซัง เป้าหมาย 70,000 ไร่ การผลิตปุ๋ยหมักสูตรพระราชทาน 3,645 ตัน งบประมาณการดำเนินงาน 38.994 ล้านบาท 3) โครงการส่งเสริมระบบวนเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดิน 45,000 ไร่ โดยส่งเสริมการปลูกไม้ยืนต้น ไม้ป่า ไม้หายากหรือไม้ประจำถิ่น และ 4) แผนบรรเทาปัญหาหมอกควันและไฟป่า โดยปฏิบัติการฝนหลวงและดัดแปรสภาพอากาศเพื่อลดความหนาแน่นของหมอกควันและไฟป่า ซึ่งกรมฝนหลวงและการบินเกษตรจะเปิดศูนย์ปฏิบัติการฯ ให้เร็วขึ้น โดยจะเปิดในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ รวม 7 ศูนย์
นายอนันต์กล่าวว่า มอบหมาย ให้กรมส่งเสริมการเกษตรสั่งการเกษตรจังหวัดบูรณาการแผนงานโครงการฯ ในพื้นที่การเกษตรของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และประสานการปฏิบัติการร่วมกับกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ให้เกษตรอำเภอร่วมกับหน่วยงานในสังกัดจัดชุดปฏิบัติการประจำพื้นที่ เพื่อออกตรวจ ป้องปราม ระงับ ยับยั้ง และแจ้งเหตุการณ์เผาในพื้นที่การเกษตร ให้กรมส่งเสริมการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน กรมฝนหลวงและการบินเกษตร และสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) อำนวยการ กำกับ ติดตาม ให้หน่วยงานในระดับจังหวัดปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ให้อธิบดีและหัวหน้าสนับสนุนการดำเนินงานเจ้าหน้าที่ในสังกัดที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ให้หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มอบหมายผู้ตรวจกระทรวงเกษตรฯ ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด และให้สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินงานต่อปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อย่างต่อเนื่อง
“ได้จัดตั้งคณะทำงานย่อย 3 คณะเพื่อกำกับดูแลการเผาในพื้นที่ปลูกสินค้าเกษตรที่สำคัญ 3 ชนิดคือ ข้าว ข้าวโพด และอ้อยเนื่องจากมีการเผาแปลงกันมาก โดยต้องหาพื้นที่เสี่ยงที่ยังมีการเผาและมีแนวโน้มที่จะมีการเผา และกำหนดมาตรการแก้ไขทั้งในระยะสั้นและระยะยาวด่วนที่สุด” นายอนันต์กล่าว . – สำนักข่าวไทย