fbpx

ดีเอสไอ เตรียมดูสำนวนอัยการไม่ฟ้อง “ชัยวัตน์”

ดีเอสไอ 24 ม.ค.-ดีเอสไอรับเอกสารจากอัยการ กรณีสั่งไม่ฟ้อง “ชัยวัตน์”และพวกใน “คดีบิลลี่”  เตรียมดูรายละเอียดทั้งหมดก่อนพิจารณาก่อนเสนอความเห็นในคดี 


พ.ต.ต.วรณัน  ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 ส่งหนังสือด่วนที่สุดถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อส่งคืนสำนวนการสอบสวนจำนวน 17 แฟ้มในคดีที่ดีเอสไอมีความเห็นสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์  ลิ้มลิขิตอักษร  อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกับพวกรวม 4 คน ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก–บางกลอย และความผิดฐานอื่นๆ ซึ่งพนักงานอัยการได้พิจารณาสำนวนคดีดังกล่าวแล้วมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ว่า ขณะนี้ สำนวนการสอบสวนและเอกสารจากสำนักงานอัยการพิเศษ ได้มาถึงสำนักงานเลขานุการกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้วอยู่ระหว่างการลงรับเอกสารและดำเนินการทางธุรการของสำนักงานเลขานุการกรม เมื่อแล้วเสร็จก็จะส่งต่อไปยังกองบริหารคดีพิเศษซึ่งรับผิดชอบในคดีนี้ 


ทั้งนี้ ตามขั้นตอนการดำเนินการเมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเอกสารจากอัยการแล้วก็ต้องมาดูว่า ทางอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องในทุกข้อหาหรือสั่งไม่ฟ้องในข้อหาใดบ้าง จากนั้นจะมาพิจารณาในข้อหาที่สั่งไม่ฟ้องว่าอัยการสั่งไม่ฟ้องด้วยเหตุผลอะไรอย่างไร ซึ่งในกรณีที่ดีเอสไอเห็นด้วยกับเหตุผลที่อัยการสั่งไม่ฟ้องก็จะไม่มีความเห็นแย้งในการสั่งคดีในข้อหานั้นและคดีในข้อหานั้นก็จะจบลงตามการสั่งคดีของอัยการ


แต่หากดีเอสไอไม่เห็นด้วยก็เป็นหน้าที่ของดีเอสไอที่จะส่งความเห็นแย้งให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาดตามกฏหมายต่อไป ซึ่งจะมีกรอบเวลาการทำงานชัดเจนอยู่แล้ว

ซึ่งเรื่องนี้เป็นคดีใหญ่มีความสำคัญและเป็นที่สนใจของสังคมทางอธิบดีกรมสอบสวนพิเศษก็จะพิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการพิจารณาเรื่องนี้ในลักษณะของคณะกรรมการหรือไม่ ยืนยันดีเอสไอคดีด้วยความโปร่งใสและทำตามพยานหลักฐานทุกขั้นตอน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ชีวิตติดลบ! ชาวแม่สายจมน้ำจมโคลน 10 วันแทบหมดตัว

หลายชุมชนชายแดนแม่สาย เผชิญน้ำท่วมและจมโคลนมา 10 วันแล้ว อยู่ในสภาพแทบหมดตัว ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่กับชีวิตที่ต้องติดลบจากน้ำท่วมครั้งนี้

อาลัย “อดีตแข้ง U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา

วงการลูกหนังอาลัย “อดีตนักเตะ U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา ชาวบ้านเผยจุดนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อย ลงสะพานอย่าขับเร็ว

สอบเพิ่ม “ไอ้แม็ก” ฆ่าชิงทรัพย์หญิงขับโบลท์ ฝากขังพรุ่งนี้

ตำรวจคุมตัว “ไอ้แม็ก” สอบปากคำเพิ่มคดีฆ่าชิงทรัพย์โชเฟอร์สาวขับโบลท์ เจ้าตัวปฏิเสธไปชี้จุด อ้างปวดท้องไม่สบาย เตรียมฝากขังพรุ่งนี้