กรุงเทพฯ 23 ม.ค. – กฟผ.จับมือ กรอ. ดีเดย์จัดการซากแผงเซลล์แสงอาทิตย์และแบตเตอรี่ในไทย ขานรับเศรษฐกิจหมุนเวียน
กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการศึกษาการบริหารจัดการซากแผงเซลล์แสงอาทิตย์และแบตเตอรี่ในประเทศไทยกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แสดงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นในการบูรณาการความร่วมมือบริหารจัดการซากแผงเซลล์แสงอาทิตย์และแบตเตอรี่ที่เกิดจากการใช้งานภายในประเทศ
นายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดี กรอ. กล่าวว่า รัฐบาลมีแผนส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ให้ได้ 15,574 เมกะวัตต์ ภายในปี 2580 และส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศให้ได้ 1.2 ล้านคัน ภายในปี 2579 ทำให้เกิดซากเซลล์แสงอาทิตย์และอุปกรณ์ประกอบและซากแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าจำนวนมาก ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีเทคโนโลยีและการบริหารจัดการซากแผงเซลล์แสงอาทิตย์และแบตเตอรี่อย่างเป็นระบบและครบวงจร ซึ่งอายุการใช้งานของแผงโซลาเซลล์ โดยเฉลี่ยประมาณ 20 ปี คาดว่าปี 2565 จะมีซากจากแผงโซลาเซลล์ 112 ตัน และเพิ่มเป็น 1.55 ล้านตันในปี 2600 หากไม่มีการวางแผนที่เหมาะสม นอกจากจะส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศแล้ว ยังจะเป็นปัญหาอุปสรรคต่อแผนการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์และการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยตามนโยบายรัฐบาล
นายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟผ. กล่าวว่า การผลิตไฟฟ้าจากแผงเซลล์แสงอาทิตย์ รวมถึงการใช้แบตเตอรี่ทั้งจากอุปกรณ์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฟฟ้ามีการเติบโตอย่างรวดเร็วนั้น กระทรวงพลังงานจึงได้มีนโยบายให้ กฟผ.ในฐานะหน่วยงานซึ่งมีส่วนส่งเสริมและผลักดันการใช้เทคโนโลยีพลังงาน ทั้งการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และรถยนต์ไฟฟ้า ศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินการบริหารจัดการซากแผงเซลล์แสงอาทิตย์และแบตเตอรี่หลังสิ้นสภาพการใช้งานอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อการบริหารการใช้ทรัพยากรภายในประเทศตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ด้วยการนำแผงเซลล์แสงอาทิตย์และแบตเตอรี่ที่ใช้แล้วมาแปรรูปและนำกลับไปใช้อีกในอนาคต มีส่วนเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันด้านเศรษฐกิจของประเทศ และส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่ง กฟผ.คำนึงถึงและดำเนินการควบคู่กับภารกิจหลักในการรักษาความมั่นคงในระบบไฟฟ้าของประเทศมาโดยตลอด.-สำนักข่าวไทย