กทม. 26 ธ.ค.- ศาลฎีกาจำคุก “เบญจา” อดีต รมช.คลัง และอดีตข้าราชการกรมสรรพากร 2 ปี ไม่รอลงอาญา กรณีช่วยครอบครัว “ชินวัตร” เลี่ยงภาษีขายหุ้นชินคอร์ป ญาติร้องไห้โผกอด ก่อนถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางเบญจา หลุยเจริญ อดีต รมช.คลัง สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง อดีตผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย, น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีตผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย, นายกริช วิปุลานุสาสน์ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย กรมสรรพากร และ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ คนใกล้ชิดเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยานายทักษิณ ชินวัตร เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการประเมินภาษีเอื้อประโยชน์ให้นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร ไม่ต้องเสียภาษีอากร หรือเสียภาษีน้อยกว่า จากกรณีซื้อหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด เมื่อปี 2549
คดีนี้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1-4 คนละ 3 ปี และจำคุกจำเลยที่ 5 เป็นเวลา 2 ปี โดยทั้งหมดไม่รอลงอาญา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยนั้นแอบแฝงเจตนาที่จะช่วยให้นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ไม่ต้องแจ้งรายได้ที่เป็นส่วนต่างการซื้อขายหุ้นที่ราคาต่ำกว่าทุน ซึ่งมีมูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท อีกทั้งยังฟังได้ว่า การที่จำเลยที่ 5 มีหนังสือแจ้งถามข้อหารือมายังกรมสรรพากร ก็เป็นการวางแผนที่เตรียมไว้ในการขายหุ้นกลุ่มชินคอร์ป ให้กับกลุ่มเทมาเส็ก ประเทศสิงค์โปร์ ที่ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เคยวินิจฉัยว่า เจ้าของหุ้นที่แท้จริง คือ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งจำเลยที่ 1-4 เป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรระดับสูง เคยวินิจฉัย ข้อกฎหมายต่างๆ มา และถือเป็นมันสมองของกรมสรรพากร ขณะที่จำเลยที่ 5 ก็เคยทำงานเกี่ยวกับการตรวจสอบบัญชีและตรวจสอบการประเมินภาษี จึงย่อมรู้ดีว่า การมีหนังสือถามข้อหารือดังกล่าว นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการยื่นแบบรายได้ประเมินภาษีได้
ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษว่ากระทำความผิดนั้น ศาลฏีกาเห็นพ้องด้วยในผลส่วนที่จำเลยทั้ง 5 ขอให้ลงโทษสถานเบาหรือรอลงอาญานั้น ศาลฏีกาเห็นว่า การกระทำของจำเลยทั้ง 5 คน ถือว่ามีพฤติการณ์ร้ายแรง จึงไม่สมควรให้รอการลงโทษ แต่เมื่อพิเคราะห์จากคำให้การของจำเลยที่ 1-4 แล้ว เห็นว่ายังมีประโยชน์ต่อการพิจารณา เห็นควรลดโทษให้คนละ 1 ใน 3 คงเหลือจำคุกคนละ 2 ปี
หลังคำตัดสิน จนท.ราชทัณฑ์ ได้อธิบายขั้นตอนการเยี่ยมจำเลยทั้ง 5 คน ให้แก่ญาติๆ ฟัง โดยนางเบญจา จะถูกคุมตัวไปยังทัณฑสถานหญิงกลาง ซึ่งส่วนใหญ่ต่างอยู่ในอาการเสียใจ บางคนถึงกับร้องไห้และเข้าไปโผกอด ในห้องพิจารณาคดี.-สำนักข่าวไทย
