บทสรุปซีเกมส์ “กรีฑา-จักรยาน-เทควันโด-เรือใบ” ผลงานทะลุเป้า

12 ธ.ค.62- นายศิริ สาระผล
อุปนายกสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานจัดงาน
มีทเดอะเพรสเปิดเผยว่า
จากการที่สมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาฯ ได้จัดงาน
มีทเดอะเพรสการแข่งขันกีฬาซีเกมส์
ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ โดยเชิญสมาคมกีฬาต่าง ๆ ที่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันจำนวน
50 สมาคม มาแถลงถึงความหวังในการคว้าเหรียญทอง ซึ่งการประเมินในงาน
มีทเดอะเพรสทั้ง 7 ครั้ง
มีเพียงสมาคมกีฬาเนตบอลฯ ที่ไม่ได้มาร่วมแถลงข่าว จึงเหลือ 49 สมาคม โดยทั้ง 49
สมาคม ตั้งเป้าไว้ว่าจะได้เหรียญทองรวมกันทั้งสิ้น 121 เหรียญทอง แต่เมื่อผลการแข่งขันกีฬาซีเกมส์
เสร็จสิ้นลง จำนวนเหรียญรางวัลที่ทำได้คือ 92 เหรียญทอง 103 เหรียญเงิน 123
เหรียญทองแดง ได้อันดับ 3 ของตารางสรุปเหรียญ ทำเหรียญทองได้น้อยกว่าเวียดนาม
ที่ได้อันดับ 2 ถึง 6 เหรียญทอง


นายศิริ กล่าวว่า หลายสมาคมทำผลงานได้อย่างทะลุเป้า
ที่ต้องชื่นชมอย่างมากคือ กรีฑา ตั้งเป้าไว้ 6 เหรียญทอง แต่ทำได้ 12 เหรียญทอง
, เทควันโด
ประเมินไว้ 4 เหรียญทอง ทำได้ 7 เหรียญทอง
, จักรยาน ประเมินไว้ 2 เหรียญทอง
ทำได้ 6 เหรียญทอง
, เรือใบ ประเมินไว้ 3 เหรียญทอง ทำได้ 5
เหรียญทอง ขณะที่หลายสมาคมกีฬาทำผลงานได้น่าผิดหวังมาก เช่น ฟุตบอล ประเมิน 2
เหรียญทอง
, เทนนิส
ประเมินไว้ 3 เหรียญทอง
, บาสเกตบอล ประเมินไว้ 2 เหรียญทอง แต่ทั้ง 3
สมาคมดังกล่าวไม่สามารถคว้าเหรียญทองมาได้เลย หรืออย่าง กอล์ฟ ประเมินไว้ 4
เหรียญทอง ทำได้แค่ 1 เหรียญทอง
, เรือพาย ประเมินไว้ 7 เหรียญทอง ทำได้แค่ 2
เหรียญทอง และมีเพียงสมาคมกีฬาซอฟท์บอลฯ
สมาคมเดียวที่ไม่ได้เหรียญรางวัลอะไรติดมือกลับมาเลย

 


สำหรับการประเมินผลจากงาน
มีทเดอะเพรส ที่สมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาฯ จัดขึ้น เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเท่านั้น
แต่ผลงานของสมาคมกีฬาต่าง ๆ ที่ทำไว้ในซีเกมส์หนนี้ ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า
เราควรจะต้องพัฒนาตัวเพิ่มมากน้อยขนาดไหน โดยเฉพาะกีฬาที่เป็นสากล
ไม่ใช่กีฬาพื้นบ้าน เมื่อเทียบกับเวียดนาม เขาพัฒนาหนีเราไปมากพอสมควร
ขณะที่หลายสมาคมที่ทำผลงานไว้ดีแล้ว ก็ต้องรักษามาตรฐานเอาไว้ให้ดี
และต้องพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
นายศิริ กล่าว

บทสรุปผลงานของสมาคมกีฬาต่าง ๆ จากงาน มีทเดอะเพรสทั้ง 51 สมาคม
แบ่งไว้ 4 กลุ่ม คือ 1.เกินเป้าหมาย
, 2.ตามเป้าหมาย, 3.ต่ำกว่าเป้าหมาย, 4.ไม่ได้ตามเป้าหมาย
ดังนี้ 
เกินเป้าหมาย 1.กรีฑา ประเมิน 6 ได้ 12 ทอง, 2.จักรยาน
ประเมิน 2 ได้ 6 ทอง
, 3.เทควันโด ประเมิน 4 ได้ 7 ทอง, 4.เรือใบ
ประเมิน 3 ได้ 5 ทอง
, 5.มวยไทย ประเมิน 2 ได้ 4 ทอง, 6.ยิงปืน
ประเมิน 3 ได้ 4 ทอง
, 7.ยิงธนู ประเมิน 2 ได้ 3 ทอง, 8.ยูโด/แซมโบ
ประเมิน 6 ได้ 7 ทอง 
ตามเป้าหมาย 1.รักบี้ฟุตบอล ประเมิน 1 ได้ 1 ทอง, 2.คาราเต้/คิกบ็อกซิ่ง
ประเมิน 3 ได้ 3 ทอง
, 3.มวยสากล ประเมิน 5 ได้ ทอง, 4.หมากรุก
ประเมิน 1 ได้ 1 ทอง
, 5.ตะกร้อ ประเมิน 3 ได้ 3 ทอง, 6.เทเบิลเทนนิส
ประเมิน 1 ได้ 1 ทอง
, 7. เปตอง ประเมิน 2 ได้ 2 ทอง, 8. แบดมินตัน
ประเมิน 1 ได้ 1 ทอง
, 9.บิลเลียด สนุกเกอร์ ประเมิน 1 ได้ 1 ทอง, 10.ฟิกเกอร์สเก็ต
และสปีดสเก็ตติ้ง ประเมิน 2 ได้ 2 ทอง
, 11.ฮอกกี้น้ำแข็ง ประเมิน 1 ได้ 1
ทอง
, 12.คูราช
ประเมิน 2 ได้ 2 ทอง
, 13.ไตรกีฬา ประเมิน 1 ได้ 1 ทอง, 14.วอลเลย์บอล
ประเมิน 2 ได้ 2 ทอง



ต่ำกว่าเป้าหมาย 1.เรือพาย เรือแคนู
และเรือประเพณี ประเมิน 7 ได้ 2ทอง
, 2.ฟันดาบ ประเมิน 3 ได้ 2 ทอง, 3.วินด์เซิร์ฟ
ประเมิน 2 ได้ 1 ทอง
, 4.ยูยิตสู ประเมิน 5 ได้ 2 ทอง, 5.กอล์ฟ
ประเมิน 4 ได้ 1 ทอง
, 6.ว่ายน้ำ กระโดดน้ำ และโปโลน้ำ ประเมิน 3 ได้ 2
ทอง
, 7. อี-สปอร์ต
ประเมิน 3 ได้ 2 ทอง
, 8.เอ็กซ์ตรีม (สเก็ตบอร์ด / เวคบอร์ด /
จักรยานบีเอ็มเอ็กซ์ผาดโผน) ประเมิน 6 ได้ 3 ทอง
, 9.ยิมนาสติก ประเมิน 2 ได้ 1 ทอง, 10.ฮอกกี้/ฟลอร์บอล
ประเมิน 2 ได้ 1 ทอง
, 11.ปันจักสีลัต ประเมิน 2 ได้ 1 ทอง

 

ไม่ได้ตามเป้าหมาย
ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่มีเหรียญทอง 1.เบสบอล ประเมิน 1 ทอง
, 2.ซอฟท์บอล
ประเมิน 2 ทอง (ไม่มีเหรียญรางวัล)
, 3.มวยปล้ำ ประเมิน 2 ทอง, 4.ลอนโบว์
ประเมิน 2 ทอง
, 5.ปัญจกีฬาสมัยใหม่
ประเมิน 3 ทอง
, 6.ซอฟท์เทนนิส
ประเมิน 2 ทอง
, 7.สควอช
ประเมิน 1 ทอง
, 8.กระดานโต้คลื่น
ประเมิน 1 ทอง
, 9.เทนนิส
ประเมิน 3 ทอง
, 10.วูซู
ประเมิน 1 ทอง
, 11.บาสเกตบอล
ประเมิน 2 ทอง
, 12.โบว์ลิ่ง
ประเมิน 1 ทอง
, 13.ลีลาศ
ประเมิน 3 ทอง
, 14.แฮนด์บอล
ประเมิน 1 ทอง
, 15.ฟุตบอล
ประเมิน 2 ทอง และ 16.เนตบอล ซึ่งไม่ได้ร่วมงานแถลง แต่ก็ไม่มีเหรียญทอง.สำนักข่าวไทย.

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สภาถกงบฯ 69 วันแรก “พิชัย” แจงหั่นงบ 8,920 ล้าน

รัฐสภา 13 ส.ค. – ที่ประชุมสภาฯ เริ่มถกงบฯ 69 วันแรกแล้ว “พิชัย” แจงรายงาน กมธ. เหตุหั่นงบ 8,920 ล้านบาท เพราะไม่สอดคล้องภาาวะปัจจุบัน-การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย ในการประชุมสภาฯ เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระสอง ซึ่งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาแล้วเสร็จเป็นวันแรก โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้พิจารณาร่างงบประมาณ 69 เรียบร้อยแล้ว โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ให้ความสำคัญกับการดำเนินภารกิจเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคแห่งชาติ เป้าหมายพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งแผนปฏิบัติราชการของกระทรวง โดยพิจารณาตามความจำเป็นและภารกิจของหน่วยรับงบประมาณ และแผนพัฒนาพื้นที่ตามความต้องการของประชาชน […]

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็น เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 13 ส.ค.- “มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็นอ้างไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้ เชื่อยูเอ็นเข้าใจ เผยคุยมิตรประเทศ บอก พฤติกรรมเขมรวางทุ่นระเบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เร่งประชุมร่วมรัฐภาคี-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเก็บหลักฐานให้คณะทำงานดูข้อมูลจริงจากพื้นที่ ขอช่วยผลักดันเขมรร่วมวงเก็บกู้ทุ่นระเบิด-ทำตามอนุสัญญาออตตาวา นายมาริษ เสงี่ยมพงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาส่งจดหมายร้องเลขาฯ UN และ UNSC อ้างไทยละเมิดอธิปไตยและข้อตกลงหยุดยิงว่า เป็นการกล่าวอ้าง ซึ่งตนยังไม่เห็นหลักฐานที่ชัดเจน ของกัมพูชาว่าเราละเมิดตรงไหน ในขณะที่ทางกัมพูชาเองใช้วิธีที่ไม่จริงใจต่อความพยายามในการแก้ไขปัญหา ตามกรอบข้อตกลงหยุดยิงที่ได้ทำร่วมกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยั่วยุด้วยสงครามข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นการใช้ โอกาสในการมาฝังลูกระเบิดสังหารบุคคลในดินแดนของประเทศไทย ในขณะที่ประเทศไทยมีหลักฐานที่ชัดเจน ที่ชี้ให้เห็นว่ากัมพูชาไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามความตกลงหยุดยิงระหว่างกัน อย่างไรก็ตามการที่กัมพูชาส่งหนังสือไปถึงยูเอ็น ทางฝ่ายยูเอ็นก็ไม่ได้มีการเปิดประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ ในขณะเดียวกัน ไทยก็ได้มีหนังสือชี้แจง เลขาธิการสหประชาชาติไปในทุกโอกาส และทุกกรณีที่มีการขัดแย้งเกิดขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวด้วยว่า ในเรื่องของอนุสัญญาออตตาวา ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือผลักดันในเรื่องนี้ไปถึง ทูต ญี่ปุ่น ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก และเจนีวา ในฐานะที่เป็นประธานของรัฐภาคีอนุสัญญาออตาวา 3 ฉบับและอีกหนึ่งฉบับก็กำลังจะส่งตามไป เพื่อกดดันหรือผลักดันให้รัฐภาคี ดำเนินตามมาตรการ อนุสัญญาออตตาวาโดยเร็ว ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบขอข้อมูลหลักฐาน ที่ชัดเจนซึ่งตรงนี้รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพได้ร่วมมือกันอย่างดี และสนับสนุน […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]