เชียงใหม่ 1 ธ.ค. – “จุรินทร์” kick off จ่ายประกันรายได้มันสำปะหลัง กก.ละ 2.50 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 100 ตัน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน kick off โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2562/2563 ครั้งที่ 1 ห้องประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ โดยระบุว่าโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังปี 2562/2563 ที่มีการโอนเงินส่วนต่างครั้งแรกวันนี้เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังตามนโยบายรัฐบาล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังกรณีราคามันสำปะหลังตกต่ำ และเพิ่มรายได้และสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร
นายจุรินทร์ กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลชุดแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก็ได้เร่งดำเนินนโยบายประกันรายได้เกษตรผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจสำคัญ 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ซึ่งได้เริ่มการโอนเงินส่วนต่างแล้ว สำหรับข้าวโพดไปเป็นประธานการหารือ 3 ฝ่ายเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และเคาะราคาประกันราคา 8.50 บาท ความชื้น 14.5% และจะนำเข้า ครม. เพื่อขอความเห็นชอบและเริ่มโอนเงินได้ในวันที่ 20 ธันวาคมนี้
สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังจะประกันรายได้หัวมันสำปะหลังสด เชื้อแป้ง 25% ในพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังทั่วประเทศ ณ หัวมันสดเชื้อแป้ง 25% กก.ละ 2.50 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 100 ตัน โดยคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังมีมติเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 เห็นชอบราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง กก.ละ 2.27 บาท โดยมีส่วนต่างราคาที่จะต้องชดเชยให้เกษตรกร กก.ละ 0.23 บาท ซึ่งเกษตรกรจะสามารถได้รับเงินส่วนต่างชดเชยมากที่สุด 23,000 บาทต่อครัวเรือน มีเกษตรกรที่คาดว่าจะได้รับสิทธิ์ครั้งนี้กว่า 40,000 ครัวเรือน
ทั้งนี้ เกษตรกรผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินส่วนต่างต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกมันสำปะหลังและแจ้งปริมาณผลผลิตและระยะเวลาเก็บเกี่ยวกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 เป็นต้นมา และต้องปลูกมันสำปะหลังจริง คาดว่ามีทั้งหมด 470,000 ครัวเรือนทั่วประเทศ เกษตรกรที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ก็สามารถได้รับเงินส่วนต่างได้ หากขึ้นทะเบียนและปลูกจริง ดังนั้น ขอให้เกษตรกรแจ้งข้อมูลการเพาะปลูกจริง ก็จะสามารถได้รับเงินส่วนต่างได้แน่นอน
นายจุรินทร์ กล่าวว่า นอกจากมาตรการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังแล้ว รัฐบาลยังดำเนินมาตรการคู่ขนานอื่น ๆ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคามันสำปะหลังแบบยั่งยืน โดยรัฐบาลจะพยายามเพิ่มการใช้มันสำปะหลังในประเทศ เช่น การส่งเสริมให้นำมันไปทำพลาสติกชีวภาพเหมือนในอินเดียที่มีนโยบายส่งเสริมพลาสติกชีวภาพ และห้ามใช้ถุงพลาสติก และหลอดดูดพลาสติก ซึ่งอินเดียผลิตไม่ทันกับความต้องการใช้ในประเทศ จึงเป็นโอกาสของไทย และรัฐบาลก็มีนโยบายส่งเสริมพลาสติกชีวภาพในประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มการใช้ในประเทศได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ยังได้นำคณะเดินทางไปลงนาม MOU และเจรจาการค้าเพื่อส่งออกมันที่เมืองหนานหนิง ประเทศจีนปริมาณ 2.68 ล้านตัน มูลค่า 18636.2 ล้านบาท และเจรจาขายมันที่เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย 1000 ตัน และเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี ปริมาณ 150,000 ตัน มูลค่า 690 ล้านบาท โดยอินเดียและตุรกีถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพมาก โดยตุรกีผู้ประกอบการต้องเสียภาษีนำเข้าแป้งมันถึง 7-9% ซึ่งขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าเจรจาเอฟทีเอระหว่างไทยและตุรกีให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อลดภาษีนำเข้าแป้งมันให้เหลือ 0% ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์พยายามทำ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร รักษาเสถียรภาพราคามันและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร
นอกจากนี้ ในช่วงที่ราคามันตกต่ำรัฐบาลมีมาตรการเสริมชะลอการขายมัน โดย ครม.เห็นชอบให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้สินเชื่อเกษตรกรกู้ดอกเบี้ยต่ำรายละไม่เกิน 230,000 บาท วงเงิน 1,500 ล้านบาท โดยรัฐจะช่วยจ่ายภาระดอกเบี้ย 3% เพื่อให้เกษตรกรเก็บผลผลิตหัวมันไว้ และปล่อยขายเมื่อราคามันสูงขึ้น และรัฐบาลยังมีมาตรการให้การซื้อขายมันที่ลานมันมีความยุติธรรม เนื่องจากการนำมันไปขายมักจะมีเศษดินติดไป จึงข้อพิพาทระหว่างลานมันกับเกษตรกรถึงน้ำหนักของดิน ต่อไปนี้จะให้มีการติดตั้งเครื่องร่อนมัน โดยกระทรวงพาณิชย์จะช่วยเรื่องเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและชดเชยภาระดอกเบี้ย รวมทั้งการให้ใช้เครื่องชั่งและเครื่องวัดเชื้อแป้งที่ผ่านมาตรฐานของกรมการค้าภายใน
สำหรับการแก้ไขปัญหาโรคใบด่าง รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณ 248 ล้านบาท เร่งกำจัดโรคใบด่างที่เกิดจากแมลงหวี่ขาว และการจ่ายเงินชดเชยให้กับเกษตรกรในการทำลายหัวมันที่ติดโรค โดยครอบคลุมทั้งแปลงที่มีกรรมสิทธิ์และที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ รวมทั้งการควบคุมการเคลื่อนย้ายหัวมัน เพื่อขจัดโรคใบด่างให้หายไปทั้งหมด
นายจุรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากการเริ่มโอนเงินส่วนต่างมันสำปะหลังเป็นครั้งแรกวันนี้ ยังมีการลงนาม MOU ระหว่างสมาคมภาคเอกชน 4 สมาคม ได้แก่ สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย สมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังไทย และสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันลำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อร่วมมือกันไม่ให้เกิดการตัดราคาส่งออกมันไปต่างประเทศ ทำให้ราคาตกต่ำและส่งผลมายังเกษตรกร และจะร่วมกันทำราคาส่งออกแนะนำ เพื่อให้เกษตรกรสามารถขายหัวมันได้ที่ราคาที่ดีขึ้น หลังจากนี้จะมีการประชุมทั้ง 4 สมาคมและกรมการค้าต่างประเทศทุกเดือน เพื่อผลักดันและติดตามโครงการนี้
สำหรับข้าว กระทรวงพาณิชย์จะนำมาตรการเสริมเพื่อไม่ให้ข้าวราคาตกต่ำ ได้แก่ มาตรการลดต้นทุนการผลิต ช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพ และมาตรการชะลอการขายข้าว เข้าสู่การพิจารณาที่ประชุมคณะกรรมการและบริหารจัดการข้าว (นบข.) และรัฐบาลจะจ่ายเงินส่วนต่างการประกันรายได้ชาวนาเร็วขึ้น จากวันที่ 15 ธันวาคม เป็นวันที่ 7 ธันวาคมนี้
“ขอแสดงความยินดีกับเกษตรกรทุกคนที่จะได้รับเงินส่วนต่างการประกันรายได้ และขอชื่นชมกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ตั้งใจทำงานมาโดยตลอดเพื่อพี่น้องเกษตรกร และขอให้เกษตรกรทุกคนสบายใจได้ว่านโยบายประกันรายได้จะยังคงดำเนินต่อไปตลอดช่วงอายุรัฐบาลนี้ ” นายจุรินทร์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย