ทำเนียบรัฐบาล 26 พ.ย. – เครือข่ายเกษตรกรยื่นหนังสือคัดค้านการแบน 3 สารเคมีกำจัดศัตรูพืช และขอให้บังคับใช้มาตรการจำกัดการใช้ ระหว่างการหาแนวทางลดผลกระทบ
เครือข่ายเกษตรกร สมาพันธ์ ผู้ประกอบการ และแนวร่วมผู้ได้รับผลกระทบจากการแบน 3 สารเคมีกำจัดศัตรูพืช รวมตัวแต่งกายด้วยชุดดำ เดินเท้าไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นแถลงการณ์คัดค้านมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 ที่ให้ยกเลิกการใช้พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ในภาคการเกษตร ที่ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป
นายจารึก ศรีพุทธชาติ นายกสมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร ในฐานะตัวแทนผู้ประกอบการ อ่านแถลงการณ์ ระบุว่าสมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร สมาคมอารักขาพืชไทย และสมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อเกษตรไทย ขอให้ยุติการเลิกใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด จนกว่าจะมีการศึกษาทบทวนข้อมูลหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรอบด้าน และให้บังคับมาตรการจำกัดการใช้ตามประกาศของกระทรวงเกษตรระหว่างที่มีการศึกษาทบทวน เพื่อส่งเสริมการใช้สารเคมีเกษตรอย่างถูกต้องปลอดภัย ภายใต้แนวทางเกษตรปลอดภัย เนื่องจากเห็นว่ามติคณะกรรมการวัตถุอันตราย เมื่อ 22 ตุลาคม 2562 ไม่ได้มีการพิจารณาข้อมูลหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใหม่ และไม่ได้พิจารณาผลกระทบต่อเกษตรกรและเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ การยกเลิกสารเคมีทั้ง 3 ชนิด จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรมากกว่า 2 ล้านครัวเรือน ไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้ จากการที่ผลผลิตในประเทศลดลง 20-30% ขณะที่ต้นทุนเกษตรเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า นอกจากนี้ ยังทำให้ขาดแคลนวัตถุดิบทั้งในประเทศและการส่งออก สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 1.7 ล้านล้านบาท และการจ้างงานในอุตสาหกรรมเกษตรกว่า 12 ล้านคน
นายชัยพัฎ จันทร์วิไล ประธานเครือข่ายเกษตรกรและแนวร่วมผู้ได้รับผลกระทบจากการแบน 3 สารเคมีเกษตร ระบุว่า การดำเนินงานเพื่อศึกษาผลกระทบจากการแบน 3 สารเคมี อาจยังขาดการศึกษาผลกระทบและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นหลายภาคส่วน ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยก้าวสู่หายนะทางการเกษตรกระทบต่อเนื่องไปทุกด้านแบบคลื่นสึนามิ จึงขอให้นายกรัฐมนตรีสั่งการไปยังผู้เกี่ยวข้องให้ดำเนินการยับยั้ง ชะลอการแบน 3 สารเคมี จนกว่าจะมีสารเคมีเกษตร หรืออื่นใดที่สามารถให้เกษตรกรได้ทำการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้ผลผลิตคุณภาพสูง ต้นทุนต่ำ และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
นางสาวอัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง ในฐานะตัวแทนเกษตรกร อ่านแถลงการณ์ ให้ยุติการยกเลิกใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด เนื่องจากกเกษตรกรยังจำเป็นต้องใช้เป็นปัจจัยในการผลิตและเหตุผลยกเลิกไม่เพียงพอไม่มีสารทดแทนอื่นที่ให้ผลเทียบเท่า ขณะที่ผลการรับฟังความเห็นประชาชนต่อร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องบัญชีวัตถุอันตรายประเภทที่ 4 ว่า 470,000 คน มีผู้ไม่เห็นด้วยยกเลิกการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด ถึง 75% และขอเรียกร้องให้ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยุติการปฎิบัติหน้าที่ พร้อมเรียกร้องนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณุสข และนายแพทย์ธีรวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข นำเอกสารรายงานผลกระทบมาแสดง นอกจากนี้ ขอสนับสนุนมาตรการจำกัดการใช้ตามประกาศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีการอบรมผู้ใช้ ผู้ฉีดพ่น และผู้ขายแล้วมากกว่า 500,000 คน
โดยมีนายสมพาศน์ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับเรื่อง และดำเนินการต่อไป
นายอรรควุฒิ ทัศน์สองชั้น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ภาควิชาพืชไร่นา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แต่งชุดดำหาบพาราควอตและไกลโฟเซต เดินร่วมขบวนกับเกษตรกรที่ค้านการออกกฎหมายยกเลิกสารเคมีทางการเกษตร 3 ชนิด โดยระบุว่า การบังคับใช้กฎหมายยกเลิกสารเคมีทางการเกษตร 3 ชนิด จำเป็นต้องชะลอออกไปก่อน เนื่องจากรัฐบาลยังไม่สามารถหาสารที่มีประสิทธิภาพทัดเทียมมาให้เกษตรกรใช้ และมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย รวมทั้งนโยบายของรัฐมนตรีบางคนนั้น ตัดสินใจโดยไม่ใช้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ได้มาตรฐานสากล หากรัฐยังคงยืนยันที่จะออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมยกเลิก 3 สารวันที่ 1 ธันวาคมนี้ เกษตรกรกรจะเดือดร้อนจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นและผลผลิตต่ำลง รวมถึงเกิดความเสียหายร้ายแรงต่อเศรษฐกิจประเทศ.-สำนักข่าวไทย