เปิดข้อมูลอาม่าฟ้องลูก-พนง.แบงก์ ปลอมเอกสารถอนเงิน 250 ล้าน ทนาย 2 ฝ่ายงัดหลักฐานสู้

กทม. 20 พ.ย.-เปิดข้อมูล “อาม่าฮวย” ยื่นฟ้องศาลถูกลูกสาวและพนักงานธนาคารปลอมแปลงเอกสารถอนเงินกว่า 25 ล้านบาท วันนี้ทนายความของลูกสาวอาม่าเผยถูกใส่ร้าย มีคนทำให้แม่กับลูกเข้าใจผิดต่อกัน ยืนยันเอกสารเบิกเงินทำตามขั้นตอน

นายอนันตชัย ไชยเดช ทนายความ กล่าวถึงกรณีนางฮวย ศรีวิรัตน์ หรืออาม่าฮวย ถูกลูกสาวร่วมมือกับพนักงานธนาคารปลอมแปลงเอกสารไปถอนเงินออกจากบัญชีธนาคาร 3 บัญชี มูลค่ากว่า 250 ล้านบาทว่า คดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2557 เป็นช่วงที่อาม่าฮวยป่วยติดเตียง แขนขาอ่อนแรง ลูกสาวได้ร่วมกับพนักงานธนาคารอีก 4 คน เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการเบิกถอนเงินของอาม่าฮวย จากลายมือชื่อเป็นพิมพ์ลายนิ้วมือแทน หลังจากนั้นมีการเบิกถอนเงินจาก 3 บัญชี กว่า 360 ครั้ง และอาม่าฮวยได้แจ้งความที่ สน.อุดมสุข ตั้งแต่ปี 2560 แต่คดีไม่คืบหน้า กระทั่งตนมาเป็นทนายความให้เมื่อปีที่ผ่านมา จนนำไปสู่การยื่นฟ้องคดีอาญาและแพ่ง โดยคดีอาญาพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องลูกสาวและพนักงานของธนาคารอีก 4 คน ฐานลักทรัพย์และปลอมและใช้เอกสารปลอม ส่วนคดีแพ่งศาลประทับรับฟ้องไปแล้ว ส่วนธนาคารพยายามติดต่อมาเพื่อขอเคลียร์เรื่องนี้ แต่ยังไม่ได้พูดคุยกัน

ที่ผ่านมาธนาคารชี้แจงว่าการเบิกถอนเงินออกจากบัญชีอาม่าฮวย ทางธนาคารไม่ได้ทุจริต เป็นการทำตามความต้องการของลูกค้าผ่านคนสนิท ตนยอมรับว่าทางธนาคารพูดถูก แต่พนักงานของธนาคารไม่สุจริต ทำไมการเบิกถอนเงินไม่คุยกับเจ้าของบัญชี อีกทั้งการเปลี่ยนเงื่อนไขการเบิกถอนเงินยังกระทำนอกสถานที่ซึ่งเป็นโรงพยาบาล ดังนั้น ในคดีอาญามั่นใจว่ามีคนติดคุกแน่ แต่ไม่รู้จะกี่คน ส่วนคดีแพ่ง ทางธนาคารชี้แจงและตอบข้อสงสัยให้ได้ก็แล้วกัน พร้อมขอให้คดีนี้เป็นอุทาหรณ์แก่ลูกค้าธนาคารว่าไม่ควรฝากเงินโดยไม่มีการตรวจสอบยอดเงินเป็นเวลานาน พร้อมฝากถึงสถาบันการเงินว่าควรเป็นผู้เฝ้าระวังให้กับลูกค้าใช่หรือไม่ หากเกิดเหตุลักษณะนี้บ่อยครั้งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือ ซึ่งจนถึงขณะนี้อาม่าฮวยยังไม่รู้ว่าเงินในบัญชี 3 บัญชีเหลืออยู่เท่าไร ทั้งที่ขอตรวจสอบหลายครั้ง แต่ทางธนาคารไม่ยอมเปิดเผยข้อมูล


“ทนายกฤษฎา” ชี้ลูกสาวอาม่าถูกใส่ร้าย
ด้านนายกฤษฎา อินทามระ ทนายความของนางมาวดี ศรีวิรัตน์ บุตรสาวของอาม่าฮวย ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวไทยว่า ธุรกิจครอบครัวกงสี มีอาม่าฮวยเป็นผู้มีสิทธิเบิกเงินแต่เพียงผู้เดียว เมื่ออาม่าฮวยล้มป่วยในปี 2557 กล้ามเนื้ออ่อนแรง เซ็นเอกสารไม่ได้ นางมาวดีจึงนำใบรับรองแพทย์ไปปรึกษาธนาคารได้รับคำแนะนำว่าให้เปลี่ยนเงื่อนไขการสั่งจ่าย ซึ่งธนาคารได้มาสอบถามอาม่าถึงโรงพยาบาล ยืนยันว่าขณะนั้นอาม่ายังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ยอมรับว่าเซ็นเอกสารไม่ได้ และยอมเปลี่ยนจากลายเซ็นเป็นพิมพ์ลายนิ้วมือ จากนั้นมีการถอนเงินไปเปิดบัญชีธนาคารออมทรัพย์ที่มีชื่อร่วมกันระหว่างอาม่าฮวย และนางมาวดี และซื้อกองทุนที่มีชื่อร่วมเช่นกัน รวมเงินที่ถอนออกมาประมาณ 100 ล้านบาท เอกสารการเปลี่ยนแปลงจากลายมือชื่อเป็นลายพิมพ์นิ้วมือทำตามขั้นตอน รวมทั้งมีใบรับรองแพทย์ถูกต้อง ซึ่งได้ยื่นประกอบสำนวนคดีไปแล้วทั้งหมด  

กระทั่งปี 2559 อากงเสียชีวิต อาม่าฮวยไปอยู่กับนายมานพ ศรีวิรัตน์ บุตรชายคนโต นางมาวดีจึงแยกตัวออกมาทำธุรกิจของตัวเอง ทางครอบครัวจึงตกลงขายกองทุน โดยนายมานพ และนางมาวดี แบ่งเงินไปคนละ 30 ล้านบาท ส่วนที่เหลือนำไปเป็นค่าเลี้ยงดูอาม่า  

นายกฤษฎามั่นใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีคนกลางเข้ามาแทรกแซง เป็นการกล่าวหาใส่ร้ายนางมาวดี ทำให้อาม่าเข้าใว่านางมาวดีไม่เลี้ยงดู ทั้งที่ผ่านมานางมาวดีพยายามขอเข้าพบอาม่าที่เป็นแม่ตลอด แต่กลับถูกกีดกันไม่ให้เข้าพบ จนถึงขั้นอาม่าฟ้องลูกสาวในคดีประพฤติเนรคุณในปี 2560 และแจ้งความลักทรัพย์ 250 ล้านบาท ซึ่งทางลูกสาวก็พยายามจะนำหลักฐานต่างๆ มายื่นต่อศาลว่าเธอดูแลแม่มาโดยตลอด


ต่อมานางมาวดียื่นฟ้องนายมานพ ขอเรียกคืนเงิน 5 ล้านบาท ที่ให้ไว้เลี้ยงดูอาม่า หลังทราบว่าอาม่าไม่ได้รับเงินดังกล่าว ศาลพระโขนงตัดสินให้นางมาวดีชนะคดี ให้นายมานพจ่ายคืนเงิน 5 ล้านบาท หลังจากนั้น 1 เดือน ผู้รับมอบอำนาจจากอาม่ายื่นถอนฟ้องในคดีประพฤติเนรคุณ

หลังจากนี้ต้องให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ขณะนี้ยังไม่มีการเตรียมฟ้องกลับ ส่วนผู้ที่มีการเผยแพร่เรื่องราวที่ทำให้สังคมเข้าใจผิดจนเสียชื่อเสียง ได้รับความเสียหาย จะมีการพิจารณาว่าจะมีการดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาท และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ต่อไป.-สำนักข่าวไทย
    
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อาม่าฟ้องลูกสาว-พนง.แบงก์ ปลอมเอกสารถอนเงินกว่า 250 ล้าน


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เอกภพ” เข้าพบ พนง.สอบสวน หลังถูกออกหมายจับ

“เอกภพ สายไหมต้องรอด” เข้าพบ พนง.สอบสวน หลังถูกออกหมายจับปมพยานเท็จดิไอคอน ยันบริสุทธิ์ใจ หากช่วยเหลือประชาชนแล้วโดนจับก็พร้อมรับ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบนายกฯ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบ “แพทองธาร” นายกฯ ชื่นชมเป็นคนเก่ง-มองโลกบวก เป็นหน้าตาของประเทศ นำเสนอวัฒนธรรม-ซอฟต์พาวเวอร์ ผ่านการประกวด พร้อมชวนร่วมงานรัฐบาล สร้างแรงบันดาลใจเด็กๆ ขณะที่ นายกฯ เขินถูกชมว่าตัวจริงสวย

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่