ก.คลัง 13 พ.ย. – คลังจับมือกรมสรรพากร กรมศุลกากร กรมบัญชีกลาง พัฒนาระบบการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว ยกระดับระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ผ่านบล็อกเชน เริ่ม 28 พ.ย.นี้
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) กรมสรรพากร กรมศุลกากร กรมบัญชีกลาง สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ทั้งการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐภายใน 2 สัปดาห์ กำชับให้ทุกหน่วยงานสรุปแผนดำเนินการรองรับการเริ่มใช้ระบบในวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้
โครงการแรกเริ่มทดลองนำร่องการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว (VAT Refunds for Tourists) เป็นความร่วมมือกันระหว่างกรมสรรพากร กรมศุลกากร และธนาคารกรุงไทย ในการนำระบบบล็อกเชนมาใช้ในการคืนภาษีให้กับนักท่องเที่ยว ผ่าน Mobile Application ( ชื่อ VRT Blockchain) หลังจากมีนักท่องเที่ยวที่มาขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคนต่อปี ยอดมูลค่าการซื้อสินค้า 50,000 ล้านบาท เฉลี่ยนักท่องเที่ยวขอคืนภาษี 200,000 รายต่อเดือน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจีนขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสูงสุด สัดส่วนร้อยละ 70 เพราะชาวจีนส่วนใหญ่ไม่นิยมใช้เงินสด เข้าสู่ยุคสังคมไร้เงินสด และยังช่วยดูแลระบบการออกใบกำกับภาษี ผ่านร้านค้าลงทะเบียน ลดปัญหาการออกใบกำกับภาษีปลอม
ส่วนกรมศุลกากรจากนี้ไปการสำแดงนำสินค้าเข้าออกประเทศจะมีข้อมูลการค้าขายทั้งหมด จึงไม่ต้องยื่นแบบเอกสารหน่วยงานไทยจึงต้องนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้คืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะช่วยลดเรื่องการตรวจเอกสาร ลดการใช้กระดาษได้สูงสุด 10 ล้านใบต่อปี ลดต้นทุนจัดการ คัดแบบข้อมูลการเดินทางเข้า-ออกได้ทันที จากเดิมใช้เวลาประมาณ 2 เดือน
โครงการที่ 2 ระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้กับระบบ การออกหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ประกอบการในระบบ e-GP ช่วยลดขั้นตอนและการตรวจสอบหลักประกันของผู้ประกอบการ การใช้บล็อกเชนของ e-GP รวบรวมข้อมูลประวัติของผู้ประกอบการนิติบุคคล จากข้อมูลปี 2562 ภาครัฐจัดซื้อจัดจ้างกว่า 3.6 ล้านโครงการ วงเงินกว่า 1.4 ล้านล้านบาท ลดภาระให้ผู้ประกอบการ 270,000 ราย เพื่อเชื่อมโยงกับระบบของสถาบันการเงิน เอกชนสามารถขอหนังสือรับรองวงเงินสินเชื่ออิเล็กทรอนิกส์ของธนาคารกรุงไทยผ่านระบบ e–GP ได้ทันที นับว่าธนาคารกรุงไทยเป็นแบงก์แห่งแรกให้บริการดังกล่าว
โครงการที่ 3 การออมผ่านพันธบัตรรัฐบาล ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (DLT Scripless Bond) รองรับการออกพันธบัตรรัฐบาล การจำหน่าย รวมถึงการรับฝากหลักทรัพย์ อนาคตพร้อมขยายในตลาดแรกและขยายตัวสู่ตลาดรองในอนาคต เพื่อนักลงทุนรายย่อยซื้อขายด้วยกันเอง เพราะช่วยลดขั้นตอนการจองซื้อพันธบัตร ลดระยะเวลาการออกใบพันธบัตรจากเดิม 15 วันเหลือไม่ถึง 2 วัน รัฐบาลทดลองออกพันธบัตรออมทรัพย์รัฐบาลผ่านระบบบล็อกเชนในช่วงเดือนเมษายนปี 2563 และแนาคตยังสามารถปรับลดวงเงินจาก 1,000 บาทต่อหน่วยให้มีราคาลดลง ประชาชนรายย่อยเข้าถึงพันธบัตรรัฐบาลง่ายขึ้น ความร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นก้าวแรกของกระทรวงการคลังนำดิจิทัลสร้างเศรษฐกิจสู่ชุมชนรองรับนโยบาย Thailand 4.0 อย่างเต็มรูปแบบ.-สำนักข่าวไทย