ตลท. 17 ต.ค. – ตลท.มอง Green Bond แนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง หลังทุกฝ่ายใส่ใจสิ่งแวดล้อม คาดมูลค่าตลาดปี 63 ทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวในงานสัมมนา Capital Market Research Forum ครั้งที่ 6/2562 “Seminar on development of green bond in Thailand” ว่า ตลาด Green Bond มีการเติบโตอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยปี 2561 มีมูลค่าประมาณ 580,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตถึง 4 เท่า จากปี 2557 และปี 2563 คาดว่ามูลค่าตลาด Green Bond จะสามารถทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและการตระหนักถึงปัญหาต่าง ๆ จากนักลงทุนและผู้ออกตราสาร รวมทั้งการจัดทำเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ เพื่อมุ่งหวังจะช่วยแก้ปัญหาโลกที่กำลังเผชิญอยู่ อาทิ ความยากจน ความไม่เท่าเทียม สภาวะโลกร้อน และสันติสุข โดยวางเป้าหมายว่าจะทำสำเร็จให้ได้ภายในปี 2573
ทั้งนี้ องค์กรต่าง ๆ ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนหันมาเน้นการทำนโยบายด้าน ESG การรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม ป้องกันการเกิดมลภาวะ การแก้ปัญหาสภาพวิกฤติทางภูมิอากาศ ขณะที่ด้านการลงทุนก็ออกตราสารหนี้แบบเฉพาะ เพื่อนำเงินทุนไปใช้ในโครงการที่มุ่งพัฒนาและแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม เช่น Green Bond เป็นต้น
สำหรับแนวโน้มตลาด Green Bond ในอนาคตนั้น เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น ช่วยสนับสนุนให้เกิดสภาพคล่องเพิ่มขึ้น และสามารถใช้เป็นตราสารหนึ่งในการกระจายพอร์ตการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ มีความผันผวนของราคาต่ำเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ทั่วไป อีกทั้งยังเกิดความสบายใจและมั่นใจว่าเงินที่นำไปลงทุนได้นำไปใช้ในการป้องกันและแก้ปัญหาสภาพแวดล้อมที่โลกกำลังเผชิญ ก่อให้เกิดความยั่งยืนและมั่นคงระยะยาวต่อไป
ขณะที่ผู้ออกตราสารสามารถออกตราสารที่มีอายุยาวและต้นทุนต่ำกว่าตราสารทั่วไป เพราะได้รับสิทธิประโยชน์ เช่น ในประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ยกเว้นค่าธรรมเนียมการยื่นคำขออนุญาตเสนอขายตราสารหนี้ GreenBond ,Social Bond , Sustainability Bond ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2562 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563
ทั้งนี้ ภายในงานสัมมนามีพิธีลงนามซื้อขายหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อม (green bond) มูลค่า 3,000 ล้านบาท หรือ 98.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ระหว่างธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) และบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) โดย Mr. Christopher Thieme Deputy Director General, Private Sector Operations Department, ADB และนายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ เป็นตัวแทนร่วมลงนาม ซึ่งการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปลงทุนโครงการระยะยาว ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมหนุมานในประเทศไทย ซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้าสูงถึง 260 เมกะวัตต์ เพื่อสร้างพลังงานทดแทนและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง . – สำนักข่าวไทย