ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 16 ต.ค. – สภาธุรกิจตลาดทุนไทย คาดเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปีนี้ขยายตัวดีขึ้น หวังมาตรการกระตุ้นภาครัฐ ฟื้นเศรษฐกิจไทย
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า คาดเศรษฐกิจไตรมาส 4 มีแนวโน้มดีขึ้นกว่าไตรมาส 3 เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่เริ่มส่งผลชัดเจนขึ้น ซึ่งช่วง 2 เดือนกว่าของปีนี้ยังคงต้องพึ่งพาปัจจัยในประเทศเป็นหลัก โดยฝากความหวัง ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นขึ้นมาบ้าง ขณะที่การส่งออกในไตรมาสนี้ก็ยังคงติดลบ เพราะเศรษฐกิจโลกยังไม่ดีขึ้น ปัจจัยต่างประเทศยังไม่เปลี่ยนแปลง แม้จะมีข่าวดีว่าจีนและสหรัฐฯจะสามารถเจรจาตกลงกันได้ แต่ยังคงต้องจับตากันต่อไป
ทั้งนี้ มองว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล หรือ Bond Yield ของเกือบทุกประเทศในเวลานี้ อยู่ในระดับต่ำที่สุดแทบจะเป็นประวัติการณ์ โดยสาเหตุหลักเกิดจากการใช้มาตราการ QE ของสหรัฐฯ ยุโรป อังกฤษ และญี่ปุ่น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินใหม่จำนวนมากในระบบการเงินโลก ในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น ทุกอย่างไม่มีปัญหา แต่เมื่อเศรษฐกิจโลกเริ่มชะลอตัว และภาคธุรกิจเริ่มลดการลงทุน สภาพคล่องจึงล้นระบบ ทำให้เม็ดเงินส่วนเกินจำนวนมากไหลกลับเข้าสู่ตลาดพันธบัตรรัฐบาล
ขณะเดียวกัน ปีนี้ยังเป็นปีที่ธนาคารกลางกว่า 40 แห่งทั่วโลกพร้อมใจกันลดดอกเบี้ยถึงเกือบ 100 ครั้ง ซึ่งยิ่งกดดันให้ Bond Yield ปรับลดลงไปอีก แต่สิ่งที่กังวล คือ การที่นักลงทุนยอมลงทุนในพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนติดลบสูงถึง 15 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นราว 25% ของจำนวนพันธบัตรที่มีในตลาด ซึ่งสะท้อนถึงภาวะตลาดการเงินที่ผิดปกติ และการดำเนินนโยบายการเงินที่ไม่ถูกทาง มั่นใจว่า ยังไม่ใช่สัญญานเตือนภัยเศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยแต่อย่างใด พร้อมมองว่า เศรษฐกิจโลกมีโอกาสชะลอตัวต่อเนื่อง หากการเจรจาการค้าสหรัฐฯ – จีน ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้
สำหรับเศรษฐกิจไทยนั้นจำเป็นต้องเร่งสร้างความมั่นใจ และกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภคและการลงทุนอย่างเต็มที่ เพื่อประคองไม่ให้เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากการส่งออกที่หดตัวมากเกินไป พร้อมมองว่าในภาวะแบบนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เช่นเดียวกันในการเลือกใช้มาตรการต่างๆ เพื่อลดการแข็งค่าของเงินบาท และเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่กันไป . – สำนักข่าวไทย