“อนุทิน” ไม่เห็นด้วยให้นายกฯ ออก พ.ร.ก.ห้ามใช้สารเคมีเกษตร

กทม. 14 ต.ค. – “อนุทิน” แจงข่าวบิดเบือนยกคณะลาออก หากคณะกรรมการวัตถุอันตรายไม่แบนสารเคมี และไม่เห็นด้วยที่จะให้นายกรัฐมนตรีออก พ.ร.ก.พิเศษห้ามใช้สารเคมีเกษตร



นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารสุข กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าตนพร้อมนำรัฐมนตรีสังกัดพรรคภูมิใจไทยลาออก หากคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติไม่แบนสารเคมีอันตรายในภาคเกษตร ว่า เรื่องนี้มีการนำเสนอข่าวบิดเบือนไปมาก ข้อเท็จจริงคือพรรคภูมิใจไทยลงพื้นที่ จ.พัทลุง และก่อนหน้านี้นายธาดา ไทยเศรษฐ์ ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ว่า ถ้าดูแลข้าราชการไม่ได้ รัฐมนตรีก็ควรลาออกไป หลังจากนั้นก็มีผู้สื่อข่าวมาถามถึงเรื่องนี้ ตนก็ตอบว่าใช่ ถ้าข้าราชการในกระทรวงที่รัฐมนตรีแต่ละคนดูแลอยู่ต้องไปโหวตในคณะกรรมการวัตถุอันตราย เช่น กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีปลัดกระทรวงสาธารณสุข และเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นกรรมการไปโหวตสนับสนุนทั้งๆ ที่กระทรวงสาธารณสุขมีมติอย่างชัดเจนว่าให้มีการแบนสารเคมีเหล่านี้ รมว.ธารณสุข ก็ต้องลาออก กรรมการที่มาจากกระทรวงไหน ลงมติสวนกับนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนั้นก็ต้องลาออก อย่างกระทรวงคมนาคมมี 2 คน คือ อธิบดีกรมขนส่งทางบก และอธิบดีกรมเจ้าท่า ซึ่ง รมว.คมนาคม เห็นว่าควรแบน แต่ถ้าผู้แทนทั้งสองท่านโหวตสนับสนุน รมว.คมนาคม ก็ต้องลาออกจากตำแหน่ง เพราะถือว่าไม่สามารถกำกับดูแลได้


ส่วนกรณีที่มีข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจพิเศษออกพระราชกำหนดห้ามใช้สารเคมีในภาคเกษตรไปเลยนั้น ตนไม่เห็นด้วย เพราะนายกรัฐมนตรีมีคณะรัฐมนตรี 30 กว่าคน ของแค่นี้ทำไม่ได้ต้องส่งให้ท่านทำ ก็นับว่าเราไม่ได้ทำงานอย่างเต็มที่ถึงต้องส่งไปให้ท่านทำ เรื่องที่เรามีคณะกรรมการก็มีการกำหนดชัดเจนว่าจะออกนโยบายไหนต้องทำอย่างไร ดังนั้นทางที่ดีต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ ไม่ใช่การมัดมือชกโดยไม่มีมติอะไรคงไม่ใช่วิสัยที่ดี


ด้าน น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้รวบรวมเอกสารเพื่อแบน 3 สารเคมี คลอร์ไพริฟอส พาราควอต ไกลโฟเซต เสร็จสมบูรณ์แล้ว และได้ยื่นให้ รมว.เกษตรฯ เมื่อวันที่ 10 ต.ค. เพื่อลงนามตามขั้นตอน ก่อนส่งนายกรัฐมนตรี พร้อมประสานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นประธานที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ทราบว่าที่ประชุมคมีมติ 9 ต่อ 0 ให้แบนสาร 3 ชนิด 

ทั้งนี้ วันที่ 22 ต.ค.62 ที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งมีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย ฉบับเดิม พ.ศ.2535 จะพิจารณาเรื่องการแบน 3 สารกำจัดวัชพืชที่เป็นอันตรายต่อประชาชน ขณะนี้ค่อนข้างมั่นใจ 90% จะมีมติแบนแน่นอน แม้มีข่าวว่าจะเปลี่ยนตัวแทนของบางหน่วยงาน หรือไม่มาร่วมประชุม แต่หากมีการพลิกโผ ฟันธงว่าต้องรับรับสิ่งที่ทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงได้. – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง