กทม.26 ก.ย.- ตำรวจยังสอบปากคำ”น้ำอุ่น”ในประเด็นที่ยังสงสัยและทุกมิติที่คิดว่าเกี่ยวข้องการตาย”ลัลลาเบล”ก่อนยื่นขอฝากขัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวน สน.บุคคโล ควบคุมตัว นายรัชเดช วงศ์ทะบุตร หรือ น้ำอุ่น พริตตี้บอย ผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิตของนางสาวธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ หรือ ลัลลาเบล พริตตี้สาว ออกจากห้องคุมขังผู้ต้องหาชั้น 2 มาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ห้องประชุมชั้น 3 ประเด็นช่วงเวลาการเสียชีวิตของลัลลาเบล
อย่างไรก็ตาม ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ตำรวจได้เชิญนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงข้อมูลเวลาการเสียชีวิต และชุดที่ลัลลาเบลสวมวันเกิดเหตุ สามารถเชื่อมโยงกรณีอนาจาร ล่วงละเมิดผู้ตาย การตรวจหาลายนิ้วมือ, คราบอสุจิ , เส้นผม , เส้นขนจากอวัยวะเพศ หรือวัตถุพยานที่เกี่ยวข้องในงานปาร์ตี้ ปรากฎอยู่หรือไม่
จากการสอบถามทราบว่า นายน้ำอุ่น มีอาการเครียดเล็กน้อย สีหน้าเรียบเฉย แต่ทานข้าวและนอนได้ตามปกติ เมื่อคืนมีญาตินำอาหารมาให้ และผู้ต้องหาไม่ได้ร้องขออะไรพิเศษจากตำรวจ และเจ้าตัวยังปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
ล่าสุดบิดาและมารดานายน้ำอุ่น เดินทางมาที่ สน.บุคคโล เพื่อสอบถามสารทุกข์สุกดิบ และรับฟังขั้นตอนการคุมตัวไปขออำนาจศาลเพื่อฝากขัง พลตำรวจตรีสัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 เปิดเผยขั้นตอนวันนี้ว่า จะไม่มีการนำตัวไปชี้จุดเกิดเหตุที่คอนโดมิเนียม ย่านตลาดพลู เนื่องจากนายน้ำอุ่นประสงค์ว่าจะไปชี้จุดเกิดเหตุที่จัดงานปาร์ตี้ ในอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรีเท่านั้น ส่วนที่คอนโดมิเนียมนายน้ำอุ่น เห็นว่าตำรวจได้เข้าไปตรวจสอบ ตรวจค้นแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องไปชี้จุดตามคำแนะนำของทนายความส่วนตัว ตำรวจยังจะสอบปากคำนายน้ำอุ่นในประเด็นที่ตำรวจยังข้องใจสงสัย รวมถึงจะไล่ขั้นตอน ลำดับเวลาที่บ้านจัดงานปาร์ตี้ จนถึงคอนโดมิเนียมอีกครั้ง รวมถึงประเด็นต่างๆ ที่มีการสอบปากคำพยานไว้ ต้องนำมาสอบเทียบเคียงกัน
ส่วนการประกันตัวทางพนักงานสอบสวนได้คัดค้านในชั้นศาลเนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงและเกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ส่วนศาลจะอนุญาตหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ส่วนการขยายผลไปยังบุคคลอื่นที่อาจเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของลัลลาเบล หรือการกระทำความผิดอื่น ทราบว่าชุดสืบสวนอยู่ระหว่างลงพื้นที่เก็บรวบรวมพยานหลักฐานทั้งทางเทคนิคและพยานหลักฐานอื่น ซึ่งจะต้องนำไปตรวจสอบกับข้อเท็จจริง ก่อนพิจารณาเรื่องขอหมายจับหรือแจ้งข้อกล่าวหากับบุคคลอื่นต่อไป.-สำนักข่าวไทย