กรุงเทพฯ 14 ส.ค. – บีกริมเผยไตรมาส 2 มีรายได้ 10,866 ล้านบาท กำไรโต 191% จ่ายปันผล 0.15 บาทต่อหุ้น
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ หรือ BGRIM เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2562 ว่า มีรายได้จากการขายและการให้บริการ เป็น 10,866 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 23.4% โดยมีสาเหตุหลักมาจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น 989 เมกะวัตต์ ในช่วงระยะเวลาประมาณตั้งแต่ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้ามาจนถึงไตรมาส 2/2562 จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ 12 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าแบบ SPP 2 โครงการ, โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย 7 โครงการ, โครงการน้ำแจ 1 ใน สปป. ลาว และโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนาม 2 โครงการ รวมถึงการซื้อหุ้นของบริษัท บี.กริม ยันฮี โซลาร์ เพาเวอร์เพิ่มเติมเป็น 100% ในเดือนกรกฎาคม 2561 และการเข้าซื้อโครงการ SPP1 จาก บมจ. โกลว์ พลังงาน ในเดือน มีนาคม 2562 และการปรับขึ้นของราคาขายไฟฟ้าต่อหน่วย
ขณะที่กำไรสุทธิจากงบการเงินรวมอยู่ที่ 1,038 ล้านบาท เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ 626 ล้านบาทสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 191.2% และเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า 17.7% หากไม่รวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงและรายการที่ไม่เกิดขึ้นประจำแล้ว บริษัทมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานจากงบการเงินรวมไตรมาส 2/2562 อยู่ที่ 886 ล้านบาท เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ 557 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 25.7% จากไตรมาสก่อนหน้า มีสาเหตุหลักมาจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าใหม่โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนาม 2 โครงการรวมกำลังการผลิต 677 เมกะวัตต์และโครงการน้ำแจ 1 กำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์ รวมถึงการรับรู้ผลดำเนินงานเต็มไตรมาสของโครงการ SPP1 อีกทั้งราคาก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยลดลง 2.4% ขณะที่ค่า Ft คงที่ และมีการปรับปรุงประสิทธิภาพของโครงการ SPP อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานที่ผ่านทำให้ BGRIM ติดอันดับหุ้นยั่งยืน ESG 100 ต่อเนื่อง 2 ปีซ้อนบริษัทได้รับมอบประกาศนียบัตร ESG 100 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งเป็น 1 ใน 100 ของบริษัทจดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ในกลุ่มทรัพยากร การได้รับคัดเลือกครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีความมุ่งมั่นและให้ความสำคัญกับเรื่องธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการคำนึงถึงประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อก้าวเป็นบริษัทพลังงานชั้นนำระดับสากลที่มีฐานการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
ขณะเดียวกันที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังอนุมัติการจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.15 บาทต่อหุ้น โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิ์ได้รับปันผล 28 สิงหาคม 2562 และวันจ่ายปันผล 10 กันยายน 2562.-สำนักข่าวไทย