มอบนโยบายผู้บริหารระดับสูงช่วยเกษตรกร

เมืองทองธานี 8 ส.ค. – “จุรินทร์” มอบนโยบายรัฐบาลผู้บริหารระดับสูง ลุยช่วยเกษตรกรและแก้อุปสรรคปัญหาร่วมทุกฝ่าย ขอกรมศุลกากรตรวจน้ำมันปาล์มหก พร้อมแจ้งผู้ว่าทุกจังหวัดเช็คสินค้าท้องถิ่นจดสิทธิ GI โดยโมบายเคลื่อนที่ไปบริการ 


นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในการประชุมชุมชี้แจงนโยบายรัฐบาลต่อผู้บริหารระดับสูง ที่อิมแพคเมืองทองธานี โดยประกาศใช้นโยบายประกันรายได้เกษตรกร รัฐบาลเขียนเป็นนโยบายเร่งด่วนชัดเจน มีพืชสำคัญ 5 ตัวคือ ข้าว มันสำปะหลัง ปาล์ม ยางพารา และ ข้าวโพด โดยใช้ส่วนต่างของราคาเพื่อช่วยเกษตรกร 

อย่างไรก็ตาม ในการประชุมร่วม 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ภาครัฐ เอกชนและตัวแทนเกษตรเมื่อวานที่ผ่านมาได้ข้อสรุปประกันรายได้ปาล์มน้ำมันที่กิโลกรัมละ 4 บาทที่น้ำมัน 18% โดยจัดประกันรายได้ให้ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ เพราะเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย การคิดคำนวณส่วนต่างนี้ดำเนินโดยคณะกรรมการฯ แล้วโอนผ่านเงินส่วนต่างเข้าบัญชีของเกษตกรโดยตรงด้วยธนาคาร ทุกระยะ 3 เดือน แต่ถ้าสถานการณ์ราคาปาล์มสูงกว่าหลักรายได้ที่ประกันเกษตรสามารถขายได้ราคาที่ไม่มีเงินส่วนต่างไม่มีภาระงบประมาณ 


ทั้งนี้ ถือเป็นมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลโดยจะมีมาตรการเสริมเข้ามาทำให้ราคาดีขึ้น หากราคาดีขึ้นก็จะลดภาระรัฐบาล แต่ถ้าราคาเกินรายได้ที่ประกันรัฐบาลก็จะไม่มีภาระงบประมาณ แต่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร และพร้อมมาตรการใช้ไบโอดีเซล ที่ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงพลังงานที่จะร่วมผลักดันมาตรการใช้น้ำมันบี 10 เป็นภาคบังคับโดยเปลี่ยนจากน้ำมันบี7 เป็นบี 10 ให้ได้ และต้องขอบคุณนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หากสามารถใช้มาตรการร่วมกันได้จะทำให้ราคาปาล์มผลผลิตเข้าสู่ดุลยภาพ อีกมาตรการคือ นำปาล์มไปใช้เป็นเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าซึ่งเป็นมติจากคณะรัฐมนตรีชุดก่อนหน้านี้แต่ยังสามารถทำต่อเนื่องได้ ซึ่งจะได้รับความร่วมมือจากกระทรวงพลังงานการแก้ไขปัญหาจะเดินหน้าได้

ส่วนมาตรการต่อมา คือ การนำเข้าน้ำมันปาล์มจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่เปลี่ยนเป็นการส่งออกผ่านไปประเทศที่ 3 นั้น ซึ่งในกรณีนี้เรียกว่า “น้ำมันปาล์มหก” เหลือไว้ในประเทศทำให้มีการมากดราคาผลปาล์มในประเทศเพราะการรับซื้อจะน้อยลง ดังนั้นจึงฝากกรมศุลกากร ให้ช่วยตรวจสอบตัวเลขการนำเข้ากับการส่งออกไม่ให้เกิดปัญหา มาตรการต่อมา คือ การกำกับสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มที่ฟอกแล้วจะใช้เครื่องมือทางอิเล็คทรอนิกส์ หรือ ใช้เกวัด เข้ามาตรวจวัดแทนการใช้กำลังคนเพื่อมาตรฐานการตรวจสอบที่แม่นยำ


นอกจาก น้ำมันปาล์มแล้วยังได้สั่งการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปดูและหามาตรการช่วยเหลือผลไม้ อื่นๆ ที่จะออกสู่ตลาดทั้ง ลำไย ทุเรียนและหลายชนิดให้สามารถกระจายไปจังหวัดต่างๆให้รวดเร็วขึ้น รวมทั้งเร่งผลักดันส่งออกตลาดผลไม้เหล่านี้ให้รวดเร็วเช่นกัน ซึ่งตลาดผลไม้ไทยดังกล่าวพึ่งพาการส่งออกและตลาดใหญ่ โดยเฉพาะตลาดประเทศจีน แต่เกิดปัญหา คือ ตอนนี้ทางประเทศจีนเริ่มขึ้นผลักดันมาตรฐานผลไม้และสินค้าเกษตรส่งออกโดยขอเอกสาร GAT หรือมาตรฐานสินค้า เอกสารนี้กระทรวงเกษตรเป็นผู้ออกโดยกรมวิชาการเกษตร แต่ที่ผ่านมามีเกษตรกรจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะผู้ส่งออก อยากให้เร่งรัดดำเนินการออกเอกสาร ในทางที่ไม่ต้องการให้เรื่องนี้ติดเป็นคอขวดเพราะจะกลายเป็นปัญหาต่อการส่งออก จึงขอให้กระทรวงเกษตรไปดำเนินการแก้ไขปัญหา และขอฝากเรื่องข้อตกลงระหว่างประเทศ หรือ เซฟการ์ด กรณีสินค้าที่นำเข้ามาอย่างผิดปกติสามารถใช้มาตรการนี้ตรวจสอบได้เพื่อไม่ให้กระทบกับสินค้าเกษตรภายในประเทศแต่กระทรวงเกษตรจะต้องเป็นผู้ดำเนินการออกมาตรการนี้ ขอให้ดำเนินการโดยเร่งรัด

ส่วนมาตรการด้าน การส่งออกสินค้าและบริการ ซึ่งแม้เป็นโจทย์ยากท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนแต่เป็นเรื่องที่จะต้องทำนอกจากตั้งยุทธศาสตร์รักษาตลาดเดิมขยายตลาดเดิมแล้ว ต้องเพิ่มตลาดใหม่และพื้นตลาดเก่า เช่น ตลาดข้าวอิรัก กับการเปิดตลาดที่จอร์แดน เซาท์แอฟริกา อินเดีย เป็นต้น และสิ่งสำคัญ คือ การเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนเพื่อเพิ่มตัวเลขการส่งออกที่เร็วได้อีกทางหนึ่งเป็นช่องทางที่มีศักยภาพถ้าหากได้รับความร่วมมือในทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดในเขตจังหวัดชายแดน โดยจะบูรณาการร่วมทุกประเทศที่เกี่ยวข้องและทุกฝ่ายซึ่งอยู่ในองค์การประโยชน์ของประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งที่ติดขัดให้สามารถผ่านไปได้

อย่างไรก็ตาม ยังขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้ช่วยรวบรวมจัดทำบัญชีรายการสินค้าท้องถิ่นของตนเองที่เป็นสินค้าสุดยอด และเป็นสินค้ามาจากสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ จีไอ ให้เข้ามาเป็นสินค้าเด่นเพื่อสร้างมูลค่าสินค้าเหล่านี้ให้มีมูลค่าสูงขึ้น ซึ่งจะให้กระทรวงพาณิชย์จัดรถโมบายไปให้บริการประชาชน อำนวยความสะดวกถึงที่กันต่อไป . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์แนวทางดำเนินคดีกัมพูชา

10 ส.ค. – ฟังการวิเคราะห์ปมดำเนินคดีกัมพูชา กับ รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากหลักฐานที่มีชัดเจน กระสุนกัมพูชายิงตกฝั่งไทย เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินพลเรือน และมีกระสุนที่ต้องเก็บกู้มากกว่า 800 นัด ขณะที่หลังการเจรจา GBC ผ่านไป พบกัมพูชายังเสริมกำลังทหารต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้านศรีสะเกษสุดช้ำ บ้านเรือนถูกกัมพูชายิงถล่มเหลือแต่ซาก

ศรีสะเกษ 10 ส.ค. – ชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กลับจากศูนย์อพยพเจอสภาพบ้านเหลือแต่ซาก หลังถูกลูกปืนใหญ่กัมพูชายิงถล่ม ขณะที่พบหัวจรวด BM-21 กลางทุ่งนา อีก 2 จุด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายเรียบร้อย ปลัดอำเภอน้ำยืน เน้นย้ำหากชาวบ้านพบหลุมลึก-ปากหลุมแคบ ให้รีบแจ้งทันที ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นนาทีกระสุนโจมตีของกัมพูชายิงตกใส่บ้านเรือนประชาชนอย่างรุนแรงจนฝุ่นฟุ้งกระจาย จากภาพจะเห็นว่ามีรถอีแต๋นคันหนึ่งวิ่งผ่านจุดที่กระสุนพุ่งตกลงมาเพียงเสี้ยววินาที เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วันนี้ นายกุลนที อายุ 45 ปี เดินทางกลับมาบ้าน หลังอพยพออกจากพื้นที่ไปกว่า 2 สัปดาห์ ในช่วงเหตุปะทะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทันทีที่เห็นบ้าน นายกุลนทีถึงกับน้ำตาคลอ เพราะบ้านเสียหายอย่างหนัก ทั้งโครงสร้างไม้และปูนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ประตู หน้าต่าง กระจก และหลังคาถูกกระสุนถล่มจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม […]

มทภ.2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด

10 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ จากการตรวจสอบพบเป็นทุ่นใหม่ ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภายหลังการรับมอบสิ่งของช่วยเหลือทหารและเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน จากภาครัฐและเอกชน ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ เมื่อวานว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นใหม่ที่ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานเพื่อป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ก่อนที่จะถอนกำลังออกไป ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง จึงสั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร เช่น รถไถ รถตักในการเคลียร์เส้นทางและค้นหาทุ่นระเบิดบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับอันตรายซ้ำ สำหรับพื้นที่แนวปะทะที่มีการวางกำลังของทหารกัมพูชายังถือว่าไม่ปลอดภัยสำหรับทหาร เนื่องจากมีการวางระเบิดไว้มาก ส่วนพื้นที่ชาวบ้านซึ่งอยู่นอกแนวชายแดนลึกเข้ามา ไม่น่าเป็นห่วงจากทุ่นระเบิดบุคคล แต่ยังมีความเสี่ยงจากจรวดที่ยิงเข้ามาแล้วไม่ระเบิด หากประชาชนพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ห้ามเข้าไปจับ ดึง หรือเก็บเอง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ เช่น ภูมะเขือ อานม้า ซำแปร และตาเมือนธม ไทยสามารถครอบครองได้ […]

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]