นายกฯ ย้ำส่วนราชการนำนโยบายรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติ

เมืองทองธานี 8 ส.ค.-  นายกฯ ชี้แจงนโยบายรัฐบาลกับส่วนราชการ ขอทุกภาคส่วนนำไปสู่การปฎิบัติ ให้ประเทศเดินหน้าด้วยความต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ขอโทษในเรื่องที่บกพร่อง และขอรับผิดชอบเพียงผู้เดียว  ยืนยัน ทำทุกอย่างเต็มที่ และมีความสุขที่ได้ทำงานร่วมกับทุกคน 


 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมชี้แจงนโยบายรัฐบาลต่อผู้บริหารระดับสูง ณ ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี มีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 800 คน  ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ข้าราชการการเมือง ปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี อธิบดี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บริหารหัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หน่วยงานอิสระ ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้แทนพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล  


ย้ำ นโยบายต้องสอดคล้องกับงบประมาณ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ป็นการมอบนโยบาย เพื่อให้การทำงานเกิดความต่อเนื่อง แก้ปัญหาทุกมิติ  รัฐบาลมีทั้งนโยบายเร่งด่วน นโยบายระยะสั้น และระยะยาว  ทุกอย่างต้องสอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่  ขอให้ทุกคนช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้นำไปสู่การปฎิบัติ และต้องทำความเข้าใจบนพื้นฐานกฎหมาย สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ วินัยการเงินการคลัง ทั้งหมดอาจมีปัญหาอยู่บ้าง ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ประสานงานและแก้ไขปัญหาที่ติดขัด  การเปลี่ยนแปลงประเทศต้องเปลี่ยนไปพร้อมๆ กัน ทุกอย่างต้องสอดคล้องกัน

“วันนี้ ขอโทษ ไม่ค่อยสบาย เป็นไข้หวัด แต่ใจเกินร้อย ขอให้ทุกคนใจเกินร้อยไปกับผมด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว


ขอโทษ รมต.ยืนยันทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง ประเด็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ ที่ขณะนี้กังวลว่า จะทำอย่างไรให้ทำงานได้ พร้อมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว และขอโทษรัฐมนตรี ยืนยันทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว 

“เรื่องแรกประเด็นสำคัญ ผมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว นั่นคือเรื่องรัฐธรรมนูญ หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมเป็นห่วงอยู่อย่างเดียว ว่าจะทำอย่างไรให้ทำงานได้ ผมก็ขอให้ทุกคนทำงานต่อไป อย่างไรก็ตาม ก็ต้องไปศึกษาในรัฐธรรมนูญดูว่าเขียนไว้อย่างไร อย่างไรก็ตาม ยังคงมีรัฐบาลอยู่ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็ขอโทษบรรดารัฐมนตรีด้วย เพราะผมถือว่า ผมได้ทำของผมเต็มที่แล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ไม่ขัดข้องแก้ไข รธน. แต่ต้องดูว่าได้ประโยชน์อะไร

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญของไทยมีมาแล้วหลายฉบับ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละช่วง  รัฐธรรมนูญทำให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยและเป็นสากล  แต่สำคัญที่สุด ปัญหาไม่ได้อยู่ที่รัฐธรรมนูญ แต่คือการนำไปสู่การปฎิบัติ ซึ่งทั้งหมดอยู่ที่ตัวผู้ปฎิบัติว่าจะทำอย่างไรให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ต้องทำด้วยความสุจริต ไม่เอื้อประโยชน์ หรือทำให้เกิดความขัดแย้ง 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น มีกฎหมายและกรอบไว้แล้ว ซึ่งตนไม่ขัดข้อง แต่ต้องสอบถามประชาชนด้วยว่า ถ้าแก้แล้วได้ประโยชน์อย่างไร  ในอดีตมีปัญหามามาก วันนี้บ้านเมืองเป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตยแล้ว ดังนั้น เรื่องเก่าๆ ขอร้องว่าอะไรควรพูดและไม่ควรพูด ตนเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดอยู่แล้ว 


ระบุ ได้คนดีมาทำงาน ขอให้พิสูจน์ฝีมือ

“วันนี้ได้คนดีๆ มาทำงาน ต้องให้ทุกคนพิสูจน์ฝีมือ ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ผมอยากบอกว่า วันนี้ผมมีความสุขในการทำงานกับคณะรัฐมนตรีทั้งหมดในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่นานนี้  ไม่ว่าในการประชุม ครม. หรือเยี่ยมเยียนประชาชน ผมเห็นถึงแววตาของทุกท่าน เห็นถึงความตั้งใจในการที่จะทำงานให้กับประชาชนร่วมกับผมอย่างแท้จริง ก็ฝากไปถึงบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้าน เราต้องคำนึงถึงประเทศชาติ ประชาชนเป็นหลักสำคัญ เรื่องอื่นๆ ก็ให้เป็นเรื่องการเมืองไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอฝากทุกกระทรวงสร้างชุดความรู้ให้ข้าราชการและประชาชน ได้รับทราบถึงแนวปฎิบัติต่างๆ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต 

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ปัญหาการเกษตร เรื่องการปลูกพืชเชิงเดี่ยว  พร้อมแนะให้จัดสรรพื้นที่เพาะปลูกให้เหมาะสม  โดยรัฐบาลจะส่งเสริมตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง และเน้นลดต้นทุนเป็นสำคัญ  ส่วนเรื่องที่ดินทำกิน รัฐบาลเร่งดูแลช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องของระบบภาษีการเงินการคลัง ตนได้รับทราบมติการลดดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งได้ให้แนวทางกับรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจว่า จะต้องนำเรื่องการช่วยเหลือภาคเอกชน เพื่อเตรียมการรับมือจากภาวะเศรษฐกิจโลก เข้าหารือในคณะรัฐมนตรี เศรษฐกิจต่อไป พร้อมเน้นย้ำเรื่องการเสียภาษี โดยขอให้ทุกคนมีจิตสำนึกเสียภาษีให้ถูกต้อง 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ส่งผลการค้าขาย  ที่ปัจจุบันมีการค้าขายออนไลน์มากขึ้น ส่งผลต่อการค้าปลีก และการค้าขายออนไลน์ก็ควรจะมีการเสียภาษีอย่างเป็นธรรมตามสัดส่วนรายได้  ซึ่งเป็นไปตามกฎกติกาทั่วไปตามสากล ยืนยันไม่ได้เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะไปรีดภาษีจากใคร

ยืนยัน การเงินการคลังเข้มแข็ง

“ส่วนที่มีข้อกล่าวหาว่า รัฐบาลมีเงินคงคลังไม่เพียงพอ ยืนยันว่าสถานการณ์การเงินการคลังของประเทศเข้มแข็ง เงินทุนสำรองอยู่ในระดับสูง  แต่รัฐบาลต้องจับตาผลกระทบเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้า ว่าจะส่งผลต่อค่าเงินบาทอย่างไร   แต่ขณะนี้ค่าเงินบาทของไทยได้นับการยอมรับจากต่างประเทศ ว่ามีความปลอดภัยที่สุดในเวลานี้ เพราะทุกคนมั่นใจในระบบการเงินของเรา” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  การท่องเที่ยวและบริการ ยังคงเป็นรายได้หลักของประเทศ  รัฐบาลจะต้องมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น แข่งขันกับต่างประเทศ เนื่องจากทุกประเทศพยายามสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่  ต้องส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับชุมชน เพื่อเพิ่มรายได้ให้พื้นที่มากขึ้น 

“วันนี้เป็นเวทีที่จะทำให้ข้าราชการได้พบปะกับคณะรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่า คนทุกคนคาดหวังว่า ประเทศไทยจะเดินหน้าไปได้ด้วยความสงบเรียบร้อย  เรื่องใดก็ตามที่บกพร่อง และมีปัญหา ก็ต้องขอโทษ และรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว  อย่างไรก็ตาม ประเทศต้องเดินหน้า และรัฐบาลนี้ต้องทำงานให้ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมเชื่อมั่นและตั้งใจไว้ และจะไม่ตอบคำถามเรื่องนี้อีกแล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว 

ระบุ มีความสุขที่ได้ร่วมงานกับทุกคน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ตนยิ้มแย้มแจ่มใส  หลายคนสงสัยว่า ตนเป็นอะไร  แต่เป็นเพราะมีความสุข ที่ได้บรรดาเพื่อนๆ มาทำงานร่วมกับตน  ซึ่งจะเข้ามาดูแลข้าราชการต่อไปในอนาคต  ข้าราชการก็ต้องให้ความร่วมมือ และทำงานให้มีประสิทธิภาพ และหวังว่าทุกคนจะเข้าใจในเจตนารมย์ของตน 

“ขอขอบคุณความมั่นคง และ ครม.ฝ่ายเศรษฐกิจ  ผมไม่ได้เป็นคนเก่งเพียงคนเดียว แต่จะเป็นผู้นำพาให้ทุกคนทำงานให้ได้ ในการบูรณาการการทำงานกัน ไม่มีใครทำงานสำเร็จได้เพียงผู้เดียว ไม่มีวีรบุรุษ มีเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ตายไปหมดแล้ว  เพราะฉะนั้นกล้าคนเดียวไม่ได้ ต้องไปด้วยกันทั้งหมด” นายกรัฐมนตรี กล่าว . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ข่าวแนะนำ

ซุ้มไฟเฉลิมพระเกียรติฯ สุดตระการตา รับประเพณียี่เป็ง

ยามค่ำคืนในตัวเมืองเชียงใหม่ ประดับประดาด้วยแสงไฟรับประเพณียี่เป็ง หรือลอยกระทงเชียงใหม่ โดยเฉพาะบนถนนท่าแพ มีการสร้างซุ้มประดับไฟเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 14 ซุ้ม ยาวกว่า 200 เมตร.

“ฟิล์ม รัฐภูมิ” ตั้งโต๊ะแจงปมรีดทรัพย์ รับอ้างชื่อ “หนุ่ม กรรชัย” เพื่อขายงาน

“ฟิล์ม รัฐภูมิ” ตั้งโต๊ะแจงปมเรียกรับเงิน 20 ล้านบาท จากดิไอคอน ยอมรับอ้างชื่อ “หนุ่ม กรรชัย” เพราะต้องการขายงาน

คุมตัว “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” ฝากขัง เจ้าตัวเงียบรีบเดินขึ้นรถตู้

ตำรวจกองปราบคุมตัว “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” ฝากขัง ผู้ต้องหาปัดตอบสื่อ ด้านพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เพราะมีพฤติการณ์หลบหนี