นายกฯ ย้ำส่วนราชการนำนโยบายรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติ

เมืองทองธานี 8 ส.ค.-  นายกฯ ชี้แจงนโยบายรัฐบาลกับส่วนราชการ ขอทุกภาคส่วนนำไปสู่การปฎิบัติ ให้ประเทศเดินหน้าด้วยความต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ขอโทษในเรื่องที่บกพร่อง และขอรับผิดชอบเพียงผู้เดียว  ยืนยัน ทำทุกอย่างเต็มที่ และมีความสุขที่ได้ทำงานร่วมกับทุกคน 


 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมชี้แจงนโยบายรัฐบาลต่อผู้บริหารระดับสูง ณ ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี มีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 800 คน  ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ข้าราชการการเมือง ปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี อธิบดี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บริหารหัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หน่วยงานอิสระ ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้แทนพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล  


ย้ำ นโยบายต้องสอดคล้องกับงบประมาณ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ป็นการมอบนโยบาย เพื่อให้การทำงานเกิดความต่อเนื่อง แก้ปัญหาทุกมิติ  รัฐบาลมีทั้งนโยบายเร่งด่วน นโยบายระยะสั้น และระยะยาว  ทุกอย่างต้องสอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่  ขอให้ทุกคนช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้นำไปสู่การปฎิบัติ และต้องทำความเข้าใจบนพื้นฐานกฎหมาย สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ วินัยการเงินการคลัง ทั้งหมดอาจมีปัญหาอยู่บ้าง ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ประสานงานและแก้ไขปัญหาที่ติดขัด  การเปลี่ยนแปลงประเทศต้องเปลี่ยนไปพร้อมๆ กัน ทุกอย่างต้องสอดคล้องกัน

“วันนี้ ขอโทษ ไม่ค่อยสบาย เป็นไข้หวัด แต่ใจเกินร้อย ขอให้ทุกคนใจเกินร้อยไปกับผมด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว


ขอโทษ รมต.ยืนยันทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง ประเด็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ ที่ขณะนี้กังวลว่า จะทำอย่างไรให้ทำงานได้ พร้อมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว และขอโทษรัฐมนตรี ยืนยันทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว 

“เรื่องแรกประเด็นสำคัญ ผมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว นั่นคือเรื่องรัฐธรรมนูญ หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมเป็นห่วงอยู่อย่างเดียว ว่าจะทำอย่างไรให้ทำงานได้ ผมก็ขอให้ทุกคนทำงานต่อไป อย่างไรก็ตาม ก็ต้องไปศึกษาในรัฐธรรมนูญดูว่าเขียนไว้อย่างไร อย่างไรก็ตาม ยังคงมีรัฐบาลอยู่ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็ขอโทษบรรดารัฐมนตรีด้วย เพราะผมถือว่า ผมได้ทำของผมเต็มที่แล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ไม่ขัดข้องแก้ไข รธน. แต่ต้องดูว่าได้ประโยชน์อะไร

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญของไทยมีมาแล้วหลายฉบับ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละช่วง  รัฐธรรมนูญทำให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยและเป็นสากล  แต่สำคัญที่สุด ปัญหาไม่ได้อยู่ที่รัฐธรรมนูญ แต่คือการนำไปสู่การปฎิบัติ ซึ่งทั้งหมดอยู่ที่ตัวผู้ปฎิบัติว่าจะทำอย่างไรให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ต้องทำด้วยความสุจริต ไม่เอื้อประโยชน์ หรือทำให้เกิดความขัดแย้ง 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น มีกฎหมายและกรอบไว้แล้ว ซึ่งตนไม่ขัดข้อง แต่ต้องสอบถามประชาชนด้วยว่า ถ้าแก้แล้วได้ประโยชน์อย่างไร  ในอดีตมีปัญหามามาก วันนี้บ้านเมืองเป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตยแล้ว ดังนั้น เรื่องเก่าๆ ขอร้องว่าอะไรควรพูดและไม่ควรพูด ตนเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดอยู่แล้ว 


ระบุ ได้คนดีมาทำงาน ขอให้พิสูจน์ฝีมือ

“วันนี้ได้คนดีๆ มาทำงาน ต้องให้ทุกคนพิสูจน์ฝีมือ ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ผมอยากบอกว่า วันนี้ผมมีความสุขในการทำงานกับคณะรัฐมนตรีทั้งหมดในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่นานนี้  ไม่ว่าในการประชุม ครม. หรือเยี่ยมเยียนประชาชน ผมเห็นถึงแววตาของทุกท่าน เห็นถึงความตั้งใจในการที่จะทำงานให้กับประชาชนร่วมกับผมอย่างแท้จริง ก็ฝากไปถึงบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้าน เราต้องคำนึงถึงประเทศชาติ ประชาชนเป็นหลักสำคัญ เรื่องอื่นๆ ก็ให้เป็นเรื่องการเมืองไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอฝากทุกกระทรวงสร้างชุดความรู้ให้ข้าราชการและประชาชน ได้รับทราบถึงแนวปฎิบัติต่างๆ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต 

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ปัญหาการเกษตร เรื่องการปลูกพืชเชิงเดี่ยว  พร้อมแนะให้จัดสรรพื้นที่เพาะปลูกให้เหมาะสม  โดยรัฐบาลจะส่งเสริมตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง และเน้นลดต้นทุนเป็นสำคัญ  ส่วนเรื่องที่ดินทำกิน รัฐบาลเร่งดูแลช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องของระบบภาษีการเงินการคลัง ตนได้รับทราบมติการลดดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งได้ให้แนวทางกับรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจว่า จะต้องนำเรื่องการช่วยเหลือภาคเอกชน เพื่อเตรียมการรับมือจากภาวะเศรษฐกิจโลก เข้าหารือในคณะรัฐมนตรี เศรษฐกิจต่อไป พร้อมเน้นย้ำเรื่องการเสียภาษี โดยขอให้ทุกคนมีจิตสำนึกเสียภาษีให้ถูกต้อง 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ส่งผลการค้าขาย  ที่ปัจจุบันมีการค้าขายออนไลน์มากขึ้น ส่งผลต่อการค้าปลีก และการค้าขายออนไลน์ก็ควรจะมีการเสียภาษีอย่างเป็นธรรมตามสัดส่วนรายได้  ซึ่งเป็นไปตามกฎกติกาทั่วไปตามสากล ยืนยันไม่ได้เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะไปรีดภาษีจากใคร

ยืนยัน การเงินการคลังเข้มแข็ง

“ส่วนที่มีข้อกล่าวหาว่า รัฐบาลมีเงินคงคลังไม่เพียงพอ ยืนยันว่าสถานการณ์การเงินการคลังของประเทศเข้มแข็ง เงินทุนสำรองอยู่ในระดับสูง  แต่รัฐบาลต้องจับตาผลกระทบเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้า ว่าจะส่งผลต่อค่าเงินบาทอย่างไร   แต่ขณะนี้ค่าเงินบาทของไทยได้นับการยอมรับจากต่างประเทศ ว่ามีความปลอดภัยที่สุดในเวลานี้ เพราะทุกคนมั่นใจในระบบการเงินของเรา” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  การท่องเที่ยวและบริการ ยังคงเป็นรายได้หลักของประเทศ  รัฐบาลจะต้องมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น แข่งขันกับต่างประเทศ เนื่องจากทุกประเทศพยายามสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่  ต้องส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับชุมชน เพื่อเพิ่มรายได้ให้พื้นที่มากขึ้น 

“วันนี้เป็นเวทีที่จะทำให้ข้าราชการได้พบปะกับคณะรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่า คนทุกคนคาดหวังว่า ประเทศไทยจะเดินหน้าไปได้ด้วยความสงบเรียบร้อย  เรื่องใดก็ตามที่บกพร่อง และมีปัญหา ก็ต้องขอโทษ และรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว  อย่างไรก็ตาม ประเทศต้องเดินหน้า และรัฐบาลนี้ต้องทำงานให้ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมเชื่อมั่นและตั้งใจไว้ และจะไม่ตอบคำถามเรื่องนี้อีกแล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว 

ระบุ มีความสุขที่ได้ร่วมงานกับทุกคน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ตนยิ้มแย้มแจ่มใส  หลายคนสงสัยว่า ตนเป็นอะไร  แต่เป็นเพราะมีความสุข ที่ได้บรรดาเพื่อนๆ มาทำงานร่วมกับตน  ซึ่งจะเข้ามาดูแลข้าราชการต่อไปในอนาคต  ข้าราชการก็ต้องให้ความร่วมมือ และทำงานให้มีประสิทธิภาพ และหวังว่าทุกคนจะเข้าใจในเจตนารมย์ของตน 

“ขอขอบคุณความมั่นคง และ ครม.ฝ่ายเศรษฐกิจ  ผมไม่ได้เป็นคนเก่งเพียงคนเดียว แต่จะเป็นผู้นำพาให้ทุกคนทำงานให้ได้ ในการบูรณาการการทำงานกัน ไม่มีใครทำงานสำเร็จได้เพียงผู้เดียว ไม่มีวีรบุรุษ มีเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ตายไปหมดแล้ว  เพราะฉะนั้นกล้าคนเดียวไม่ได้ ต้องไปด้วยกันทั้งหมด” นายกรัฐมนตรี กล่าว . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แฟนนางงามแห่ต้อนรับ “โอปอล” กลับไทยสุดอบอุ่น

กรุงเทพฯ 14 มิ.ย. – แฟนนางงามแห่รับ “โอปอล สุชาดา” Miss World 2025 กลับไทยสุดอบอุ่น ก่อนขึ้นรถแห่ฉลองทั่วกรุง “โอปอล” สุชาตา ช่วงศรี มิสเวิลด์ 2025 เดินทางกลับถึงไทย ด้วยเที่ยวบิน TG603 ร่วมงาน ‘Home Coming 72nd Miss World 2025’ ท่ามกลางการต้อนรับสุดอบอุ่นจากแฟนนางงามแน่นสนามบินสุวรรณภูมิ โอปอล กล่าวขอบคุณคนไทย และบอกว่ามงกุฎนี้เป็นของพวกเราทุกคน ตั้งเป้าใช้ตำแหน่งเพื่อช่วยเหลือสังคม หลังจบพิธี โอปอลขึ้นรถโรลส์-รอยซ์เปิดประทุน โบกธงชาติไทย มุ่งหน้าท้องฟ้าจำลอง ร่วมขบวนแห่ฉลองชัยมิสเวิลด์คนแรกของประเทสไทยอย่างสมเกียรติ บรรยากาศที่ท้องฟ้าจำลองมีประชาชนมารอต้อนรับโอปอล บรรดาแฟนนางงามต่างแสดงสัญลักษณ์ด้วยการใส่ชุดสีฟ้า บางคนมีการทำมงกุฎ Miss World มาใส่ และทันทีที่รถของโอปอลเลี้ยวเข้ามายังท้องฟ้าจำลอง มีการโห่ร้องต้อนรับอย่างอบอุ่น ส่วนแรงบันดาลใจในการทำรถขบวนแห่ของ Miss World 2025 นี้ นายธีรฉัตร อินถา ผู้ออกแบบขบวน ระบุว่า ได้มีการนำวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างสากลและวัฒนธรรมไทย […]

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย