รัฐบาลปรับลดกรอบงบฯ ปี 63 รายได้ 2.731 ล้านล้านบาท

ทำเนียบฯ 1 ส.ค. – รัฐบาลปรับลดกรอบงบประมาณปี 63 รายได้  2.731 ล้านล้านบาท ขาดดุลงบประมาณ เป็น 469,000 ล้านบาท หาช่องทางกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 เดือนสุดท้ายปลายปี 


นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า  นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 เป็นการหารือระหว่าง 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงบประมาณ ที่ประชุมเห็นชอบปรับกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 จากเดิมรายจ่าย 3.2 ล้านล้านบาท ประมาณการณ์รายได้เดิม 2.75 ล้านล้านบาท ลดลง 19,000 ล้านบาท เหลือ 2.731 ล้านล้านบาท ทำให้ยอดขาดทุนงบประมาณเพิ่มจาก 450,000 ล้านบาท เป็น 469,000 ล้านบาท ภายใต้สมมติฐานจีดีพีขยายตัวร้อยละ 6 ในปี 2563 รายได้ของรัฐบาลหายไปเนื่องจากรายได้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ลดลงจากการชดเชยคืนช่องทีวีดิจิทัลหลายราย 

“ครม.เตรียมพิจารณากรอบงบประมาณปี 2563 ในวันอังคารที่ 6 สิงหาคมนี้ ในช่วงรอการพิจารณางบประมาณจากสภา ช่วง3 เดือนสุดท้ายปลายปี อาจต้องเสนอรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเหลือหลายส่วน เบื้องต้นใช้แนวทางให้ส่วนราชการลงนามสัญญาลงทุนกับผู้รับเหมา เมื่อกรรมาธิการงบพิจารณาเสร็จแล้ว โดยกำหนดเงื่อนไขในสัญญาเอาไว้ว่าสัญญาจะมีผลเมื่อได้รับงบประมาณลงทุน นอกจากนี้ ยังมีงบประมาณลงนามสัญญาไปแล้ว เป็นงบลงทุนผูกพันประมาณ  200,000 ล้านบาท บวกกับเงินลงทุนรัฐวิสาหกิจ มองว่ายังเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อีกทาง อีกทั้งยังต้องจัดหาเงินมารองรับการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี โดยหลายหน่วยงานกำลังศึกษาออกมาตรการช่วยเหลือ” นายเดชาภิวัฒน์  กล่าว 


ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเงินใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการฯ ของประชาชนรายย่อยยังใช้ได้ต่อเนื่อง เพราะได้เสนอจัดสรรงบปี 2563 เอาไว้ในงบประมาณ รายย่อยจึงไม่ได้รับผลกระทบ สำหรับปฏิทินการจัดทำงบประมาณ  หลังจากประชุม 4 หน่วยงานกำหนดกรอบงประมาณวันนี้แล้ว จากนั้นวันที่ 9 สิงหาคม สำนักงบประมาณเปิดรับคำขอจัดสรรงบประมาณจากส่วนรายการ วันที่ 17 ตุลาคม เสนอสภาพิจารณาวาระแรก วาระ 2-3 ประมาณต้นเดือนมกราคม 2563 จากนั้นเสนอวุฒิสภาพิจารณา ช่วงกลางเดือนมกราคม 2563 คาดว่าเสนอทูลเกล้าฯ งบประมาณปี 2563 ช่วงปลายเดือนมกราคม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

วันประวัติศาสตร์ สมรสเท่าเทียมวันแรก

วันนี้เป็นวันแรกที่กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ ใน กทม. มีการจัดงานวันสมรสเท่าเทียมอย่างยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองให้กับเส้นทางการต่อสู้อันยาวนานกว่าที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ไม่ว่าจะเพศใดก็จะได้รับสิทธิการสมรสอย่างเท่าเทียมกัน

นาทีประวัติศาสตร์! นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา

นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา ฉบับแรกไทยกับยุโรป ความสำเร็จรัฐบาลแพทองธาร สร้างโอกาสยุคทองการค้า-ลงทุน ทำเงินเข้าประเทศ

ตำรวจ ปปป.ซ้อนแผนบุกจับนายช่างโยธา เรียกรับเงิน 4 แสน

ตำรวจ ปปป. บุกจับนายช่างโยธาปฏิบัติงาน ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตพระโขนง เรียกรับเงินค่าออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร 400,000 บาท

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม