ผอ.สำนักงบฯ แจงโอนงบกองทุนหลักประกันสุขภาพ

กรุงเทพฯ 23  เม.ย. – ผอ.สำนักงบประมาณ เผยงบกองทุนหลักประกันสุขภาพ 2,400 ล้านบาท เป็นเงินเดือนบรรจุข้าราชการวงการแพทย์ ไม่เกี่ยวกับวงเงินด้านรักษาพยาบาลช่วงโควิด-19 


นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการ สำนักงบประมาณ เปิดเผยกับสำนักข่าวไทยว่า กรณีกระแสข่าวการโอนเงินงบประมาณร้อยละ 10 ของแต่ละกระทรวงมาใช้เป็นงบกลางฉุกเฉินแก้ปัญหาโควิด-19  สำหรับประเด็นกรณีโอนเงินจากกองทุนหลักประกันสุขภาพ 2,400 ล้านบาท ตามมติ ครม.นั้น กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้จัดสรรโอนมาให้เหมือนกับทุกหน่วยงาน  ระบุว่าไม่กระทบต่อการรักษาพยาบาลของกองทุนประกันสุขภาพ เพราะกองทุนหลักประกันสุขภาพมีเงิน 2 ส่วน โดยปี 2563 จัดสรรวงเงิน 190,000 ล้านบาท รองรับการรักษาพยาบาลให้กับผู้ถือบัตรทอง 140,000 ล้านบาท จึงไม่กระทบต่อการรักษาพยาบาลของผู้ถือบัตรทองอย่างแน่นอน 

อีกส่วนหนึ่งจัดสรรสำหรับเงินเดือนเจ้าหน้าที่กองทุนฯ หรือบุคลากร วงเงิน 50,000 ล้านบาท  เมื่อ ครม.เห็นชอบบรรจุข้าราชการ “กระทรวงสาธารณสุข”  40,000 อัตราใหม่ จึงโอนวงเงินดังกล่าว 2,400 ล้านบาท มารองรับการจ่ายเงินเดือน สำหรับบรรจุบุคลากรเป็นข้าราชการอัตราใหม่ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้วงการแพทย์ ประเด็นนี้กระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม 


ทั้งนี้ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ครม.เห็นชอบจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ… วงเงิน 100,395 ล้านบาท เพื่อนำไปตั้งเป็นงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาช่วยเหลือเยียวยา และบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) และปัญหาภัยพิบัติ ภัยแล้ง อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในช่วงปลายปีงบประมาณ 2563 รวมทั้งกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือจำเป็นอื่น เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธย คาดว่าจะประกาศบังคับใช้ประมาณกลางเดือนมิถุนายน 2563

ส่วนประเด็นงบกลางปีฉุกเฉินปี 2563 จำนวน  500,000 ล้านบาทหายไปไหน เป็นคำถามของบุคคลที่รู้เรื่องแนวทางการใช้งบกลางฉุกเฉินอย่างดี แต่ทิ้งคำถามเอาไว้ ตามแผนการใช้งบกลางจำนวนดังกล่าว ประกอบด้วยหลายส่วน โดยกรมบัญชีกลางใช้ดูแลเรื่องการปรับเลื่อนขั้นเงินเดือนราชการ วงเงินประมาณ 96,000 ล้านบาท วงเงินสำหรับเบี้ยหวัดบำนาญข้าราชการเกษียณอายุ 260,000 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายกองทุนรักษาพยาบาลข้าราชการ 71,000 ล้านบาท  เงินใช้จ่ายสำรองฉุกเฉิน 62,000 ล้านบาท สำหรับภัยพิบัติในช่วงที่ผ่านมา และยังใช้สำหรับโครงการชิมช้อปใช้ เงินจึงไม่ได้หายไปไหน  

ส่วนเงินช่วยเหลือเยียว 5,000 บาท 3 เดือน เมื่อ ครม.เห็นชอบขยายจำนวนช่วยเหลือ จาก 9 ล้านคน เพิ่มเป็น 14 ล้านคน ต้องใช้เงินทั้งหมด 210,000 ล้านบาท ในช่วง 3 เดือน  และต้องกันสำหรับปัญหาภัยแล้ง อุทกภัย และภัยธรรมชาติอื่น ๆ ในยามฉุกเฉิน  ถือว่าการจัดทำงบกลางของไทยมีความคล่องตัวมากกว่าหลายประเทศในโลก เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินสามารถนำมาแก้ปัญหาได้ทันท่วงที.-สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง