ปลาในกระชังริมน้ำโขงตายแล้วกว่า 100 ตัน

กรุงเทพฯ 27 ก.ค. – กรมประมงสำรวจ เร่งสำรวจความเสียหายของผู้เลี้ยงปลาในกระชังที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งที่เกิดขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  พบปลาเลี้ยงในกระชิงริมน้ำโขง ตายแล้วกว่า 100 ตัน


นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ตรววจสอบผลกระทบที่เกิดขึ้นกับกลุ่มประมง เช่น ผู้เพาะเลี้ยงปลาในกระชังที่จังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับแม่น้ำโขง  ใน 3 อำเภอได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอท่าบ่อ และอำเภอศรีเชียงใหม่ จำนวน 282 ราย รวมกว่า 4,160 กระชัง มีผลผลิตกว่า 18,000 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี  

ทั้งนี้ สถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจากภาวะฝนทิ้งช่วง ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงลดลงจากระดับปกติ 3 – 4 เมตร   โดยในช่วงวันที่ 18 – 19 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา มีอากาศร้อนจัด ทำให้ผู้เพาะเลี้ยงปลานิลในกระชังจำนวน 80 – 100 ราย ได้รับผลกระทบ เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้ปลาขาดออกซิเจนจนตาย ผลผลิตเสียหายกว่า 100 ตัน รวมมูลค่าประมาณ 6 ล้านบาท ซึ่งกรมประมงแนะนำให้เกษตรกรนำปลานิลที่ได้รับความเสียหายที่ลอยหัวใกล้ตายหรืออ่อนแอ ไปแปรรูปทำปลาร้าส่งขายให้พ่อค้าในจังหวัดใกล้เคียงกิโลกรัมละ 25 บาท เพื่อบรรเทาความเสียหาย จากที่ปกติปลานิลขนาด 1 – 1.2 กิโลกรัมต่อตัวมีราคากิโลกรัมละ 60 บาท 


ส่วนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อดินภายในจังหวัดหนองคายเช่น การเลี้ยงปลาหมอ ปลาดุก ปลานวลจันทร์ ขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบ  

  นายอดิศร กล่าวว่า แนะนำให้เกษตรกรที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในกระชังเฝ้าระวังพร้อมรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้ง โดยเลือกแหล่งน้ำที่ตั้งกระชังที่มีระดับน้ำลึกเพียงพอ จัดวางกระชังให้เหมาะสม และไม่หนาแน่นจนเกินไป ปล่อยสัตว์น้ำลงเลี้ยงในปริมาณหนาแน่นน้อยกว่าปกติและปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่เพื่อลดระยะเวลาการเลี้ยงให้น้อยลง เลือกใช้อาหารสัตว์น้ำที่มีคุณภาพและลดปริมาณให้อาหารสัตว์น้ำลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารสดเพื่อป้องกันปัญหาน้ำเน่าเสีย หมั่นตรวจสุขภาพสัตว์น้ำและสังเกตอาการต่างๆ อย่างส่ำเสมอเพื่อจะได้แก้ไขหรือรักษาได้ทันท่วงทีกรณีเกิดอาการผิดปกติ ทำความสะอาดกระชังอย่างสม่ำเสมอเพื่อกำจัดตะกอนและเศษอาหารซึ่งเป็นการตัดวงจรชีวิตปรสิตและเชื้อโรค นอกจากนี้ยังช่วยให้กระแสน้ำไหลผ่านกระชังได้ดีซึ่งมีผลต่อการเจริญเติบโตและสุขภาพสัตว์น้ำ จับสัตว์น้ำที่ได้ขนาดขึ้นมาจำหน่ายหรือบริโภคเพื่อลดปริมาณสัตว์น้ำภายในกระชัง เพิ่มปริมาณออกซิเจนให้แก่ปลาในกระชัง โดยการติดตั้งเครื่องพ่นน้ำลงในกระชังเลี้ยงปลา หรือเดินท่อเติมอากาศให้กับปลาที่เลี้ยงในกระชังโดยตรง ส่วนช่วงหน้าแล้งอาจต้องงดเลี้ยง แล้วทำความสะอาดและซ่อมแซมกระชังเพื่อเตรียมเลี้ยงสัตว์น้ำในรอบต่อไป . – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง