กรมสรรพากร 25 ก.ค. – ตลท.จับมือกรมสรรพากร มุ่งผลักดันการทำตราสารอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ สนับสนุน e-Business เพื่อตอบสนองนโยบาย “Thailand 4.0”
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลท.จับมือกับกรมสรรพากร เพื่อให้บริการรับชำระอากรแสตมป์ทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์เป็นรายแรก โดยร่วมพัฒนาเชื่อมต่อระบบการนำส่งข้อมูลตราสารอิเล็กทรอนิกส์ทาง API ที่มีปริมาณข้อมูลจำนวนมาก เพื่อใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง ตลท.มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับตลาดทุนยุคดิจิทัล โดยบริษัท ฟินเน็ต อินโนเวชั่น เน็ตเวิร์ค จำกัด (FinNet) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ตลท.เปิดให้บริการชำระอากรแสตมป์เป็นตัวเงินสำหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์เป็นรายแรก ชำระอากรแสตมป์ได้โดยเรียกใช้ชุดคำสั่งคอมพิวเตอร์ที่เป็นมาตรฐาน (Application Programming Interface) โดยความร่วมมือครั้งนี้เป็นต้นแบบของการเป็นพันธมิตรระหว่างภาครัฐและเอกชน (public private partnership) เพื่ออำนวยความสะดวกทางธุรกิจ โดย ตลท.จะขยายความร่วมมือไปยังหน่วยงานราชการอื่น เพื่อเป็นสะพานเชื่อมให้เป็นประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน
ทั้งนี้ ระบบการทำงานของ FinNet จะเชื่อมต่อกับกรมสรรพากร โดยผู้ใช้บริการจะได้รหัสรับรองการชำระอากรแสตมป์ผ่านระบบออนไลน์หลังจากทำการชำระค่าอากรแสตมป์ไปใช้อ้างอิงในเอกสารสัญญาเพื่อให้สัญญามีผลทางกฎหมาย โดยเริ่มเปิดให้บริการสำหรับธุรกรรม 3 ประเภท ได้แก่ 1. การมอบฉันทะเข้าประชุมผู้ถือหุ้น 2.การเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ และ 3.การกู้ยืมเงินเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ เบื้องต้นจะมีค่าธรรมเนียมประมาณ 1 บาทต่อธุรกรรมและเตรียมจะขยายไปยังธุรกรรมทุกประเภทปี 2563
ทั้งนี้ ระบบ FinNet จะให้บริการระบบเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มดิจิทัลไอดี ประกอบกับบริการอื่นด้านการชำระเงินที่จะเปิดตัวในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทำให้บริการในตลาดทุนลดการใช้กระดาษและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมสรรพากรเพิ่มการให้บริการชำระอากรแสตมป์ทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ 5 ตราสาร ได้แก่ การจ้างทำของ การกู้ยืมเงินหรือการตกลงให้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคาร ใบมอบอำนาจ ใบมอบฉันทะสำหรับให้ลงมติในที่ประชุมของบริษัท และค้ำประกัน
ทั้งนี้ ตราสารอิเล็กทรอนิกส์ ทั้ง 5 ประเภท สามารถยื่นขอชำระอากรได้ทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร และทาง Application Programming Interface (API) ผู้เสียอากรสามารถยื่นขอชำระอากรด้วยตนเอง หรือผ่านผู้ให้บริการ (Service Provider) ให้เป็นผู้ชำระอากรแทนก็ได้ โดยเปิดให้บริการชำระอากรแสตมป์ทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป ซึ่งจะสามารถชำระอากรได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ลดขั้นตอนการจัดทำเอกสารด้วยกระดาษ ลดปัญหาการคำนวณมูลค่าอากรแสตมป์ผิดพลาด ส่งเสริมให้การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์เป็นไปอย่างสมบูรณ์ครบวงจร . – สำนักข่าวไทย