กรุงเทพฯ 24 ก.ค.- นายกฯ ยืนยันเดินหน้าแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างเต็มที่ ประสานประเทศเพื่อนบ้านปล่อยน้ำจากเขื่อนเพิ่มขึ้น คาดปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นสิ้นเดือนนี้พร้อมเตรียมหามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ ย้ำ ต้องจัดโซนนิ่งทางการเกษตรให้ชัดเจนมากขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ ถึงการขอความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านให้มีการปล่อยน้ำจากเขื่อน ว่า กระทรวงการต่างประเทศได้พูดคุยกับทั้งจีน ลาว และเมียนมา แล้ว ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีการปล่อยน้ำมากขึ้น ขณะที่ ทำฝนหลวงไปแล้วกว่า 5,000ครั้ง และจะทำอย่างต่อเนื่องต่อไป ซึ่งรัฐบาลพยายามทำทุกมาตรการแล้ว รอต่อเพียงฝนที่จะตกลงมา โดยคาดว่า ปริมาณฝนจะเพิ่มมากขึ้นในช่วงสิ้นเดือนนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนแนวทางแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมจัดตั้งศูนย์บรรเทาภัยพิบัติและภัยแล้ง ซึ่งได้เริ่มทำงานแล้ว ทั้งในเรื่องการจ่ายน้ำ ขุดลองคูคลองเพิ่มเติมในช่วงที่รอน้ำ และจะนำปัญหาภัยแล้งหารือในที่ประชุมคระรับมนตรีต่อไป เพื่อจัดสรรงบประมาณให้
“สิ่งสำคัญคือการบริหารจัดการน้ำที่มีทั้งหมด โดยแบ่งเป็นน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค น้ำเพื่อการเกษตร น้ำเพื่ออุตสาหกรรม น้ำเพื่อใช้ในการรักษาระบบนิเวศน์ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญในทุกด้าน และแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงราคาพืชผลทางการเกษตรจากผลกระทบภัยแล้ง เพราะเกษตรกรได้ลงทุนไปมาก รัฐบาลจะหามาตรการช่วยเหลือต่อไป เช่น การช่วยเหลือการแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว และยอมรับว่า ปัญหาผลผลิตทางการเกษตร แก้ไขได้ยาก หากเกษตรกรยังปลูกข้าวมากจนเกินไป ประเทศไทยปลูกข้าวโดยระบบชลประทานไม่เกินร้อยละ 40 เท่านั้น ส่วนอีก ร้อยละ 60 มาจากการปลูกโดยใช้น้ำฝน ซึ่งเมื่อเกิดปัญหาภัยแล้ง ก็ส่งผลกระทบต่อผลผลิต จึงควรหันมาปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยบ้าง เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ ดังนั้น แนวทางในการจัดโซนนิ่งทางการเกษตร ต้องพิจารณาให้มีความชัดเจนมากกว่านี้ .-สำนักข่าวไทย