กรุงเทพฯ 15 ส.ค. – นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ.เตรียมปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าฐานใหม่ปี 2560-2563 เพื่อประกาศใช้ปี 2561 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะแผนการลงทุนของ 3 การไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินและระบบส่ง รวมถึงจะมีการพิจารณาอัตราค่าบริการที่รวมเก็บอยู่ในบิลค่าไฟประชาชน 38 บาทต่อเดือน เพื่อให้โครงสร้างค่าไฟมีความเป็นธรรมต่อทั้งผู้ลงทุนและผู้บริโภค
ทั้งนี้ โครงสร้างค่าไฟฐานที่ปรับใหม่จะปรับทุก ๆ 3-5 ปีให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ซึ่งที่ผ่านมาเคยปรับแล้วเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558 ค่าไฟฐานจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 3.7556 บาท ส่วนค่าไฟฐานจะปรับขึ้นหรือไม่คงต้องดูหลายปัจจัย แต่ยอมรับว่ามีการลงทุนของ 3 การไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 500,000-600,000 ล้านบาท โดยเฉพาะระบบส่ง ส่วนบิลค่าไฟที่ผ่านมายอมรับว่าต้นทุนสูงกว่า 38 บาทต่อบิล จึงลดให้ไม่ได้ แต่ก็ต้องไปดูระยะยาวจะลดได้หรือไม่
สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันที่เริ่มขยับขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ทำให้คาดว่าต้นปี 2560 ราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าหลักจะเริ่มเป็นขาขึ้นและอยู่ในภาวะทรงตัวมากกว่าปีนี้ที่ลดลงต่อเนื่องตามราคาน้ำมันย้อนหลัง 6-12 เดือน อย่างไรก็ตาม ค่าเอฟทีงวดเดือนกันยายน-ตุลาคม 2559 จะพิจารณาวันที่ 17 สิงหาคมนี้ โดยยอมรับว่าต้นทุนสูงขึ้นเล็กน้อย โดยเอฟที -33.29 สตางค์ต่อหน่วย
นายพรเทพ ธัญญพงศ์ชัย ประธาน กกพ.กล่าวว่า การดำเนินงานของ กกพ.ที่จะครบรอบ 2 ปีมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมพลังงานทดแทน การปรับโครงสร้างค่าไฟฐาน การพัฒนากองทุนรอบโรงไฟฟ้า และค่าเอฟที ที่ลดลงต่อเนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดต่ำลง การเตรียมพร้อมเพื่อรองรับรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) โดยประกาศค่าไฟฟ้าชั่วคราวสำหรับรถอีวีแล้ว ซึ่งตลอดเวลา กกพ.มีส่วนสำคัญต่อการสร้างความมั่นคงระบบไฟฟ้า
นายไกรสีห์ กรรณสูต กรรมการ กกพ.กล่าวว่า กกพ.ได้มีการดำเนินงานเพื่อรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนซึ่งขณะนี้รวมรับซื้อแล้ว 9,223 เมกะวัตต์ ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) ซึ่งถือว่ามีการดำเนินงานที่ไปเร็วพอสมควรและปลายเดือนนี้เตรียมเปิดซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนอีก 100 เมกะวัตต์ เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย