กรมชลฯ เร่งส่งน้ำช่วยพื้นที่เกษตรประสบภัยแล้ง

กรุงเทพฯ 17 ก.ค. – กรมชลฯ เร่งช่วยพื้นที่ขาดแคลนน้ำ หลังฝนทิ้งช่วงจนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ พบอ่างขนาดใหญ่มีน้ำต่ำกว่าร้อยละ 30 มากถึง 18 แห่ง กำชับโครงการชลประทานทุกแห่งบริหารจัดการน้ำตามแผนอย่างเคร่งครัด พร้อมรณรงค์ทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างประหยัด


นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า หลายจังหวัดประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง จึงสั่งการให้สำนักงานโครงการชลประทานทั่วประเทศช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่โดยด่วน ได้แก่ ตัวเมืองจังหวัดบุรีรัมย์นั้น สำนักงานชลประทานที่ 8 เร่งวางแนวทางจัดหาแหล่งน้ำช่วยผลิตประปา ด้วยการขุดร่องชักน้ำเข้าสู่หัวงานของการประปาส่วนภูมิภาค พร้อมกับสูบน้ำบริเวณรอบอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด-ห้วยจระเข้มาก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำดิบ 


นอกจากนี้ ยังเตรียมผันน้ำผ่านทางลำจังหัน-ลำนางรองไปช่วยอีกประมาณ 3 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน ส่วนพื้นที่ลุ่มน้ำชีตอนล่าง สำนักงานชลประทานที่ 6 เพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นวันละ 800,000 ลบ.ม. เขื่อนร้อยเอ็ดเป็นวันละ 350,000 ลบ.ม. และเขื่อนมหาสารคามอีกวันละ 400,000-450,000  ลบ.ม. เพื่อเติมให้กับแม่น้ำชีเหนือเขื่อนวังยาง รวมถึงหยุดสูบน้ำที่สถานีเขื่อนวังยางตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคมเป็นต้นมา และยังนำเครื่องจักร-เครื่องมือเข้าไปขุดเปิดร่องชักน้ำ กำจัดวัชพืชและขุดลอกตะกอนดินบริเวณด้านท้ายเขื่อนร้อยเอ็ด ส่งผลให้ปัจจุบันสถานการณ์น้ำในแม่น้ำชีตอนล่างเริ่มดีขึ้น  

ด้านโครงการชลประทานอุตรดิตถ์รายงานผลการติดตามสถานการณ์น้ำและการทำงานของเครื่องสูบน้ำ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟผ.) เขื่อนสิริกิติ์ 4 เครื่องและเครื่องสูบน้ำของกรมชลประทาน 2 เครื่อง เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งพื้นที่อพยพท้ายเขื่อนสิริกิติ์ในเขตอำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อสูบน้ำส่งให้พื้นที่การเกษตรที่น้ำส่งไม่ถึง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนในพื้นที่ โดยคาดว่าจะสูบน้ำช่วยเหลือต่อเนื่องประมาณ 1 เดือน ที่จังหวัดนครราชสีมา สำนักงานชลประทานที่ 8 นำเครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว 1 เครื่อง ติดตั้งและสูบน้ำช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปี 1,000 ไร่ ในพื้นที่บ้านสะกาด ตำบลรังกา และบ้านวังหิน บ้านขี้เหล็ก ตำบลในเมือง อำเภอพิมาย และโครงการชลประทานฉะเชิงเทราสนับสนุนรถบรรทุกน้ำขนาด 6,000 ลิตร 1 คัน เพื่อนำน้ำดิบไปจ่ายเข้าระบบผลิตน้ำประปาหมู่บ้านในหมู่ที่ 9 บ้านเขาจันทร์ ตำบลทุ่งพระยา อำเภอสนามชัยเขต 4 เที่ยวแล้วเพื่อช่วยเหลือราษฎรที่มีอยู่ 154 ครัวเรือน ประชากร 523 คน ปัจจุบันมีปริมาณน้ำสะสม ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 792,000 ลิตร โดยจะช่วยเหลือไปจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ


นายทองเปลว กล่าวถึงการเพาะปลูกข้าวนาปีในเขตชลประทานทั้งประเทศ ซึ่งวางแผนเพาะปลูกรวม 16.68 ล้านไร่ ปัจจุบันเพาะปลูกไปแล้ว 10.77 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 64.55 ของแผน ส่วนลุ่มเจ้าพระยา วางแผนเพาะปลูกข้าวนาปีรวม 7.71 ล้านไร่ ปัจจุบันเพาะปลูกไปแล้ว 6.09 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 78.97 ของแผน จากสภาวะฝนทิ้งช่วงคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำไหลผ่านลุ่มน้ำปิงที่สถานี P.17 อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์มีแนวโน้มลดลง เช่นเดียวกับลุ่มน้ำน่านที่สถานี N.67 อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ จะมีแนวโน้มลดลง ทำให้น้ำแม่น้ำเจ้าพระยาไหลมายังเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท มีแนวโน้มลดลง จึงเน้นย้ำให้โครงการชลประทานทุกแห่งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรทยอยเพาะปลูกตามปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่และให้ใช้น้ำฝนเป็นหลัก ทั้งนี้ กรมชลประทานจะส่งน้ำแบบรอบเวรหมุนเวียนแต่ละพื้นที่ รวมทั้งขอให้สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าที่ตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำปิง น่าน และแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมดสูบน้ำตามรอบเวรอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ได้เตรียมเครื่องจักร-เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ และรถบรรทุกน้ำพร้อมสนับสนุนในพื้นที่ที่ต้องการทันที 

สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำใช้การได้จริงน้อยกว่าร้อยละ 30 มี 18 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำแม่งัดสมบูรณ์ชลมีน้ำร้อยละ 25 แม่กวงอุดมธารามีน้ำร้อยละ 25  กิ่วลมมีน้ำร้อยละ 29 แควน้อยบำรุงแดนมีน้ำร้อยละ 25  ห้วยหลวงมีปริมาณน้ำร้อยละ 25  น้ำพุงมีน้ำร้อยละ 13  จุฬาภรณ์มีน้ำร้อยละ 5  อุบลรัตน์มีน้ำร้อยละ -0  ลำปาวมีน้ำร้อยละ 22  ลำพระเพลิงมีน้ำร้อยละ 14  มูลบนมีน้ำร้อยละ 25  ลำนางรองมีน้ำร้อยละ 20 ป่าสักชลสิทธิ์มีน้ำร้อยละ 5  ทับเสลามีน้ำใช้การร้อยละ 13  กระเสียวมีน้ำร้อยละ 10  ขุนด่านปราการชลมีน้ำร้อยละ 13  คลองสียัดมีน้ำร้อยละ 6 และนฤบดินทรจินดามีน้ำร้อยละ 16 ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์วิกฤติ

“มาตรการสำคัญที่สุดขณะนี้ คือ ได้ให้โครงการชลประทานทุกแห่งเร่งทำความเข้าใจและขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้ร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้มีปริมาณน้ำสำรองไว้ใช้ให้มากที่สุด” นายทองเปลว กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดโผตำรวจ ประชุม ก.ตร. กว่า 8 ชม. แต่งตั้งนายพล 250 ตำแหน่ง

1 ก.ย. – เปิดโผตำรวจ ประชุม ก.ตร. กว่า 8 ชม. บัญชีแต่งตั้งนายพลตำรวจ 250 ตำแหน่ง “บิ๊กเต่า” แห้ว “นพศิลป์” ได้ขึ้น พล.ต.ท. เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 31 สิงหาคม 2568 ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (รองประธาน ก.ตร.) เป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 8/2568 วาระแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ระดับผู้บังคับการ (ผบก.) ถึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ประจำปี 2568 โดยแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และโยกย้ายสับเปลี่ยน กว่า 250 ตำแหน่ง ทั้งนี้ ก.ตร.ครบองค์ประชุม ขาดเพียงนายภูมิธรรม […]

“บิ๊กเต่า” ยอมรับมีอดีต ผอ.พศ.-ตลกชื่อดัง ถือครองโฉนดที่ดินแทนอดีตพระอลงกต

กรุงเทพฯ 1 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” ยอมรับมีอดีต ผอ.พศ. ร่วมถือครองโฉนดที่ดินแทน “อดีตพระอลงกต” ส่วน “สมปอง” ยังอยู่ในข่ายถูกดำเนินคดี แม้จะอ้างว่าเป็นการยืมเงินและคืนไปบางส่วนแล้ว ขณะที่วง “พิงค์แพนเตอร์” ประสานเข้าพบตำรวจเร็วๆ นี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนคดี “อลงกตการละคร” ระบุว่า คดีมีความคืบหน้าไปพอสมควร และมีตัวละครที่สามารถดำเนินคดีได้หลายคน แต่ตำรวจต้องการพยานหลักฐานมาประกอบข้อมูลตรงนี้ให้ชัดเจนมากขึ้นก่อน ซึ่งตอนนี้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามทยอยเรียกสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องมากขึ้นเรื่อย ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบขยายผลเส้นทางการเงินและทรัพย์สิน โดยเฉพาะประเด็นที่มีคนใกล้ชิด อักษรย่อ นางสาว ว. ถือครองโฉนดที่ดินมูลค่ารวม 140 ล้านบาทนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่าตำรวจอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบบุคคลเกี่ยวข้องทั้งหมด โดยในจำนวนนั้นยอมรับว่ามีอดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และตลกชื่อดัง ถือครองโฉนดที่ดินแทน “อดีตพระอลงกต” ด้วย โดยทั้งคู่มีพฤติกรรมคล้ายๆ กัน คือ เข้าไปหาผลประโยชน์ และไม่ใช่เพียงผลประโยชน์จากเงินวัดก้อนเดียว แต่หาผลประโยชน์จากกลุ่มเครือข่ายด้วย ซึ่งมีมูลค่าเงินจำนวนมาก และทางอดีตพระอลงกต ก็มองว่าตนเองถูกรังแก ถูกโกงเงินไป ทั้งเรื่องคอนเสิร์ต เรื่องที่ดิน และถือครองทรัพย์สินแทน […]

พรรคกล้าธรรม ออกแถลงการณ์โหวตหนุน “อนุทิน” นั่งนายกฯ

พรรคกล้าธรรม 30 ส.ค.-พรรคกล้าธรรม ออกแถลงการณ์ โหวตหนุน “อนุทิน” นั่งนายกฯ ชี้ปล่อยให้ประเทศเกิดสุญญากาศไม่ได้ เผยภูมิใจไทยรับข้อเสนอ แก้ กม.ต้องไม่กระทบสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อเวลา 15.55 น. พรรคกล้าธรรม (กธ.) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรี จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งทำให้คณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ และจะต้องมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ต่อไปว่า คณะกรรมการบริหารพรรค ร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ได้ร่วมกันพิจารณารับฟังความคิดเห็นของสมาชิกพรรคทุกท่าน เพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินการของพรรค รวมถึงพิจารณาข้อเสนอของพรรคภูมิใจไทย โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า พรรคกล้าธรรม จะลงมติในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สนับสนุนให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 เนื่องด้วยสถานการณ์ของประเทศไทยขณะนี้ จำเป็นที่จะต้องมีฝ่ายบริหารมาขับเคลื่อนและแก้ปัญหาให้กับประชาชนในทุกด้าน ทั้ง ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ปัญหาเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ ปัญหาสังคมด้านต่าง ๆ อย่างเร่งด่วน โดยไม่สามารถประวิงเวลาไปได้อีก พรรคกล้าธรรม ได้แสดงจุดยืนของพรรคให้กับพรรคภูมิใจไทยทราบ คือ 1.พรรคกล้าธรรม ยึดถือ […]

“เดชอิศม์” ปิดประตูจับมือ “ภูมิใจไทย” ตั้งรัฐบาล

พรรคประชาธิปัตย์ 31 ส.ค.- “เดชอิศม์” ปิดประตูจับมือ “ภูมิใจไทย” ตั้งรัฐบาล กร้าว ถ้าหนุนก็ไม่เหลือความเป็นคน บอก รัฐประหาร 100 ครั้ง ก็ไม่เลวร้ายเท่าฮั้ว สว. ยกอำนาจให้คนเดียวชี้ขาดประเทศ ย้ำคดีเขากระโดง ต้องเอาผิดให้เด็ดขาด บอก 2-3 เดือน ก็ยุบสภาได้ ไม่ต้องรอ 4 เดือน นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุภายหลังการเจรจากับพรรคประชาชน ที่พรรคร่วมรัฐบาลรับเงื่อนไขทั้งหมดของพรรคประชาชน ว่า จริงๆ เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาชน ตนไปเป็นเพื่อนเขา ส่วนประเด็นเป็นเรื่องของทั้งสองพรรคต้องคุยกัน เมื่อถามย้ำว่า หมายถึงพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้รับเงื่อนไขทั้งหมดใช่หรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ปฏิบัติตามเงื่อนไขของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด ส่วนจะนำข้อหารือระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน เข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ด้วยหรือไม่ นายเดชอิศม์ ยอมรับว่า อาจอยู่ในวาระอื่นๆ เนื่องจากมีวาระสำคัญอยู่แล้ว เมื่อถามว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับข้อเสนอของพรรคประชาชนและและข้อเสนอเพิ่มเติมของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายเดชอิศม์ ยืนยันว่า […]

ข่าวแนะนำ

เพื่อไทย ยังไม่มีแกนนำเข้าพรรค รอลุ้นมติ ปชน.บ่ายนี้

พรรคเพื่อไทย 1 ก.ย.-เพื่อไทย ยังไม่มีแกนนำเข้าพรรค แยกปฏิบัติภารกิจแต่ละกระทรวง รอลุ้นมติ ปชน.บ่ายนี้ ด้าน “ชัยเกษม” ลั่นไม่ต้องห่วงเรื่องความพร้อม เพื่อชาติบ้านเมืองไม่มีปัญหา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเมื่อวานนี้ (31 ส.ค.) แกนนำ ซึ่งนำโดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะปฏิบัติหน้านายกรัฐมนตรี นำคณะเจรจาแกนนำไปพูดคุยขอเสียงสนับสนุนจากพรรคประชาชน บรรยากาศที่พรรคเพื่อไทยตั้งแต่ช่วงเช้าไม่พบแกนนำพรรคเดินทางเข้ามา โดยจากการสอบถามทุกคนยังคงปฏิบัติภารกิจตามงานของกระทรวง มีเพียงสื่อมวลชนที่เข้ามาเกาะติดสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลังพรรคประชาชนมีมติออกมาว่าจะสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ ฝ่ายใดนั้น แกนนำพรรคเพื่อไทย จะมีความเคลื่อนไหวออกมาแน่นอน ด้านนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตนเองมีความพร้อมในการเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยมีมติอย่างไร ก็ว่ากันไปตามนั้น “ไม่ต้องห่วงเรื่องความพร้อม ตนพร้อมทำหน้าที่ เพื่อชาติบ้านเมือง ไม่มีปัญหา” นายชัยเกษม กล่าว ส่วนเรื่องการยอมรับเงื่อนไขจากพรรคประชาชน นั้น นายชัยเกษม ระบุว่า ก็เป็นไปตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้ให้สัมภาษณ์ไปแล้วเมื่อวานนี้ และถือว่าให้เป็นไปตามมติของแกนนำพรรค.-316.-สำนักข่าวไทย

วางบึ้ม-เผายางรถยนต์ 5 อำเภอ 6 จุด จ.นราธิวาส

นราธิวาส 1 ก.ย.-ใต้ป่วนหนัก วางระเบิด-เผายางรถยนต์ 5 อำเภอ 6 จุดในพื้นที่นราธิวาส กล้องวงจรปิดจับภาพชัด เจ็บ 2 ราย รายงานข่าวจากพื้นที่ จ.นราธิวาส แจ้งว่า ในช่วงคืนที่ผ่านมาตั้งแต่เวลา 19.50 น. ของคืนวันที่ 31 ส.ค.68 ถึงเวลา 00.30 น. ของคืนวันที่ 1 ก.ย.68 ได้มีกลุ่มสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรง ได้มีการประชุมวางแผนกระจายกำลังกันก่อเหตุเผายางรถยนต์ และลอบวาระเบิดในพื้นที่ 5 อำเภอ ของ จ.นราธิวาส ประกอบด้วย อ.สุไหงปาดี, จะแนะ, บาเจาะ, เจาะไอร้องและศรีสาคร ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตรวจพบ จำนวน 6 จุด มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย รถยนต์ได้รับความเสียหาย 1 คัน พร้อมกันพื้นที่จุดเกิดเหตุและได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อเข้าทำการตรวจสอบในช่วงสายของวันนี้ โดยจุดแรก เกิดขึ้นเมื่อเวลา 19.50 น. ของคืนวันที่ […]

“บิ๊กเต่า” ยันไม่น้อยใจ หลังหลุดโผแต่งตั้ง-โยกย้าย

กทม. 1 ก.ย.-“บิ๊กเต่า” ยันไม่น้อยใจ หลังหลุดโผแต่งตั้ง-โยกย้าย เผยชีวิตนี้ผ่านอะไรมาเยอะ ยันทำเพื่อส่วนรวมไม่ใช่เพื่อตนเอง หลังจากนี้จะเดินหน้าทำงานต่อไปและทำงานให้หนักขึ้น จากการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เมื่อวานนี้ใช้เวลานานถึง 8 ชั่วโมงจัดทำบัญชีรายชื่อ ซึ่งมีตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ 250 นาย แต่ปรากฎว่า พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไม่มีชื่อในการแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งก่อนหน้านี้ออกมาเปิดหน้ายื่นขอความเป็นธรรมกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ เปิดเผยว่า ไม่น้อยใจที่ไม่ได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าอยากให้คนทำงานมีโอกาสได้รับการแต่งตั้ง สำหรับคนที่ได้รับการแต่งตั้งก็ยินดีและดีใจด้วย อย่าง พลตำรวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะเป็นคนเก่งและมีความสามารถ ทำงานด้านสืบสวน มองว่าหากตนเองไม่ออกมาให้สัมภาษณ์และให้มีการแก้ไขก็คงแก้ยากเพราะทุกคนไม่มีรายชื่อเข้าไป เพราะฉะนั้นตนเองก็เห็นด้วยที่ ก.ตร. เข้ามาแก้ไขปัญหา ส่วนที่ตนเองไม่ได้เลื่อนตำแหน่งก็ไม่เป็นไร เพราะเชื่อว่าการทำเพื่อส่วนรวมและให้ระบบเดินต่อไปได้เป็นสิ่งที่ดี และอยากสร้างมาตรฐานอีกหนึ่งอย่างคือ อยากเห็นแนวทางการพิจารณาเรื่องการแต่งตั้งในหมวดความรู้ความสามารถ อยากให้คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) หาแนวทางในการให้ความเป็นธรรมกับตำรวจที่จะมีการแต่งตั้งในระดับผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการในปีต่อไป หลังจากนี้จะต้องปรึกษากับฝ่ายกฎหมายว่าการพิจารณาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในการประชุมคณะกรรมการชุดเล็กและชุดใหญ่ ควรนำหลักการอะไรมาพิจารณาเพื่อความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และเพื่อประโยชน์กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการเป็นขวัญกำลังใจ ทำให้ตำรวจและส่วนรวมได้มีความมุมานะในการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน […]

เปิดโผตำรวจ ประชุม ก.ตร. กว่า 8 ชม. แต่งตั้งนายพล 250 ตำแหน่ง

1 ก.ย. – เปิดโผตำรวจ ประชุม ก.ตร. กว่า 8 ชม. บัญชีแต่งตั้งนายพลตำรวจ 250 ตำแหน่ง “บิ๊กเต่า” แห้ว “นพศิลป์” ได้ขึ้น พล.ต.ท. เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 31 สิงหาคม 2568 ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (รองประธาน ก.ตร.) เป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 8/2568 วาระแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ระดับผู้บังคับการ (ผบก.) ถึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ประจำปี 2568 โดยแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และโยกย้ายสับเปลี่ยน กว่า 250 ตำแหน่ง ทั้งนี้ ก.ตร.ครบองค์ประชุม ขาดเพียงนายภูมิธรรม […]