มท.2 รับกังวล จ.น่าน ที่สุด เหตุ 1 ชม. น้ำขึ้น 30 ซม.

ก.มหาดไทย 23 ก.ค.-มหาดไทย ถกวอรูมติดตามสถานการณ์ “พายุวิภา” ห่วงพื้นที่เหนือ-อีสาน พื้นที่ราบเชิงเขา เสี่ยงน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลัน ด้าน มท.2 กำชับพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่ม-ความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน เผยเตรียมลงพื้นที่เชียงราย-น่าน รับกังวลน่านที่สุด เหตุ 1 ชม. น้ำขึ้น 30 ซม. สั่ง ปภ.-กรมชลฯ เร่งสูบน้ำ

นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยแห่งชาติหรือ บกปภ.ช. ประชุมตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์พายุ “วิภา” โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ร่วมรับฟัง และมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ เข้าร่วมประชุมติดตามสถานการณ์ ได้ติดตามภาพรวมสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งจังหวัดแถบภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ให้หลายจังหวัดจากอิทธิพลพายุวิภาในที่ประชุม กล่าวว่า ได้มีการรายงานสถานการณ์เป็นรายพื้นที่ ประกอบด้วยพื้นที่ติดภูเขา ที่ราบเชิงเขา โดยให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และการตรวจสอบสภาพดินที่ได้รับการสะสมของปริมาณฝนที่ตกลงมา ซึ่งมีลักษณะอุ้มน้ำ และความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำป่าไหลหลาก และเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันขณะที่หลายพื้นที่ปริมาณน้ำฝน ไปเพิ่มระดับน้ำในแม่น้ำสายหลัก หลายจุดใกล้ล้นตลิ่ง และบางจุดเสี่ยงเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนที่อาศัยบริเวณริมแม่น้ำ


นางสาวธีรรัตน์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมกล่าวว่า หลังการติดตามสถานการณ์พายุวิภาที่เกิดขึ้น เป็นที่คาดการณ์จากที่บอกก่อนหน้านี้ว่าจะมีความรุนแรงอยู่ในระดับที่ประชาชนได้รับผลกระทบในวงกว้างโดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ จากการประชุมและได้รับรายงานโดยตรงจากพื้นที่ในหลายๆจังหวัดด้วยกัน เช่นพื้นที่จังหวัดน่าน ที่ตอนนี้ให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ เตรียมความพร้อมรับมือ ขนของขึ้นที่สูงเพื่อที่จะไม่ให้ได้รับความเสียหาย รวมถึงพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต้องอพยพไปอยู่ในศูนย์ที่ทางหน่วยงานราชการจัดเตรียมไว้ให้ โดยเป็นการขอความร่วมมือเพื่อให้ทุกคนได้รับความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน

นางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่าในส่วนของจังหวัดน่าน ขณะนี้มณฑลทหารบกที่ 38 ได้นำกำลังลงพื้นที่จังหวัดน่านเพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดได้จัดเตรียมเรื่องของระบบการทำงานทุกระบบเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนและขอย้ำเตือนว่าขณะนี้น้ำที่กำลังจะเข้าสู่พื้นที่เศรษฐกิจ จ. น่านมีปริมาณ ที่ 1 ชั่วโมง 30 เซนติเมตร ถือว่าเป็นปริมาณที่สูง โดยตนได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย(ปภ.)นำเครื่องสูบน้ำลงพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อบรรเทาน้ำที่จะเข้าสู่ในพื้นที่ส่วนกลางให้มีระดับน้อยลงมากที่สุด แต่อย่างไรก็ตามน้ำมาแน่นอน จึงอยากให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือ


ขฯะที่ในส่วน จ. พะเยา ได้มีการประชุมผ่านZoom ในพื้นที่จริง พบว่าในบางอำเภอยังมีฝนตกอย่างต่อเนื่องและน้ำอยู่ในระดับที่ต้องเฝ้าระวัง แม้จะยังไม่สูงแต่ก็ต้องเตรียมพร้อม และมีความเป็นไปได้หากมีฝนตกต่อเนื่องก็จะมีปริมาณน้ำที่สูงขึ้นได้อีก

ส่วนจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายทางพื้นที่ได้มีการเตรียมความพร้อมรับมือไว้อยู่แล้ว และอย่างน้อยการเตรียมการที่ดีขึ้นเชื่อว่าอาจจะมีการระบายน้ำได้อย่างรวดเร็ว โดยทางกรมชลประทานได้มีการเตรียมพร้อมในเรื่องของเขื่อนเพื่อให้รับน้ำเรับหมาะสมกับน้ำที่กำลังจะมาและมั่นใจว่าประชาชนจะได้รับผลงกระทบน้อยที่สุด

สำหรับภาพรวมและการพยากรณ์น้ำในช่วงของ3-5 วัน ที่จะถึงนี้ ได้ฟังรายงานจากกรมชลประทานในเรื่องของน้ำเหนือที่จะไหลสู่ลำน้ำต่างๆได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้เตรียมพร้อมหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางที่อาจมีน้ำท่วมพื้นผิวจราจร


อีกทั้งได้มีการเตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยให้มีความรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ตามแนวทางประกอบด้วยให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยดูในเรื่องของหลักการรักษาชีวิตของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญลำดับแรกที่จะต้องดำเนินการ และการดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปปฏิบัติงานต้องได้รับความปลอดภัยเช่นกัน

นางสาวธีรรัตน์ กล่าวถึงการเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยโดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกปริมาณมากและพื้นที่สำคัญที่เคยเกิดน้ำท่วมขังอยู่แล้ว ขอให้ทางจังหวัดได้เข้าไปป้องกันไม่ให้น้ำท่วมเข้าสู่พื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพบว่ามีฝนตกต่อเนื่อง การที่มีฝนตกต่อเนื่องต้องป้องกันเรื่องของดินโคลนถล่มเพราะดินอุ้มน้ำหลายวันมีความชุ่มฉ่ำมาก อาจทำให้เกิดดินโคลนถล่มได้ และให้ทางจังหวัดที่มีความเสี่ยงอพยพประชาชนออกมาโดยเร็ว เพราะดินโคลนถล่มคาดการณ์ได้ยากแต่ถ้าหากรู้ว่ามีจุดไหนที่เสี่ยงอยู่แล้วทางเจ้าหน้าที่สามารถที่จะเข้าไปในจุดนั้นได้ทันที

นางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่าการทำงานครั้งนี้บูรณาการกับหลายหน่วยงานเพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ หลายจังหวัดมีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดและอำเภอเพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินในท้องถิ่นเพื่อควบคุมสั่งการ อำนวยการให้การระดมกำลังเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และดูแลในเรื่องของการดำรงชีพ ตั้งโรงครัว แจกถุงยังชีพ และดูแลสภาพจิตใจประชาชน ให้ดีที่สุด สั่งการให้บุคลากรลงไปดูแลประชาชนไม่ให้เกิดปัญหาอาชญากรรมและการป้องกันการลักขโมย ที่จะเป็นการซ้ำเติมผู้ประสบภัยต้องไม่เกิดขึ้น และถ้าหากจะมีการปิดเส้นทางในเรื่องของถนนจะมีการแจ้งประชาชนก่อน เพื่อไม่ให้ประชาชนติดอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งถ้าหากพบว่า บางพื้นที่มีความเสี่ยงที่น้ำจะเข้าสูงสามารถที่จะตัดไฟได้เลยเพื่อที่จะป้องกันปัญหาไฟรั่วหรือไฟดูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขตพื้นที่ชุมชนหรือพื้นที่การศึกษา ในส่วนของพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปสำรวจความเสียหายและช่วยเหลือประชาชนในการทำความสะอาดบ้านเรือนเพื่อบรรเทาความเสียหายที่จะเกิดขึ้น

สำหรับการรายงานสถานการณ์ให้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดรายงานสถานการณ์อุทกภัยและดินโคลถล่ม ผลกระทบและการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ให้กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติในทุกวัน ตอนเช้าเวลา 09:00 น. ซึ่งจะมีการประชุมสรุปสถานการณ์ในแต่ละวันเพื่อประเมินเพิ่มกำลังในแต่ละพื้นที่ให้ทันต่อสถานการณ์มากที่สุด

ส่วนทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้ส่งเซลล์บอร์ดแคสส่งข้อความผ่านศูนย์กระจายข่าวในระดับพื้นที่และจังหวัดให้ประชาชนได้ทราบ และขอความร่วมมือสื่อมวลชนกระจายข่าวสาร ยอมรับว่าพื้นที่ที่กังวลคือจังหวัดน่านที่มีน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากน้ำที่เสริมเข้ามา จึงอยากให้ประชาชนเฝ้าระวังสูงสุด

นางสาวธีรรัตน์ กล่าวต่อว่า เซลล์บรอดคาสต์ใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และส่งแจ้งเตือนประชาชนไปแล้วตั้งแต่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันจำนวน 56 ครั้ง แบ่งเป็นแผ่นดินไหว 2 ครั้ง อุทกภัย 45 ครั้ง ดินโคลนถล่ม 9 ครั้ง ในช่วงของวันที่ 20 กรกฎาคม 68 สถานการณ์พายุวิพาส่งแจ้งเตือนไปแล้ว 24 ครั้ง อุทกภัย 15 ครั้ง ดินโคถล่ม 9 ครั้ง ส่วนวันที่ 22 กรกฎาคม ส่งแจ้งเตือนเพิ่มเติม 12 ครั้ง ในเรื่องของอุทกภัย

นางสาวธีรรัตน์ ระบุว่า ศูนย์เตือนภัยของกระทรวงมหาดไทย ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ส่งสัญญาณเตือนภัยรวมถึงส่งข้อความเตือน ในช่วงเวลาเกิดเหตุจริงทุกช่วงเวลา และมีการแจ้งเตือนเตรียมพร้อมเส้นทางน้ำที่จะมาถึงแต่ละพื้นที่ ส่วนดินโคลนถล่มจุดเสี่ยงต่างๆได้ประกาศออกไปตามพื้นที่ต่างๆก่อนหน้านี้ ได้มีการขนย้ายและอพยพประชาชนออกมาจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงแล้ว โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยทหารที่สนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนพาไปอยู่ศูนย์อพยพ

เมื่อถามว่าในเรื่องของการเดินทางจังหวัดน่านเข้ามาตัวเมือง บางจุดเส้นทางเริ่มสัญจรลำบากทางกระทรวงมหาดไทยได้มีการประสานกับกระทรวงคมนาคมในเรื่องของการเดินทางโดยเฉพาะสายการบิน บ้างหรือไม่ นางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่า จากที่ได้รับรายงาน ผู้ว่าราชการจังหวัดน่านรายงานว่า ยังมีถนนบางส่วนที่กระทบ แต่ในเรื่องของการบินหรือการเดินทางยังสามารถที่จะดำเนินการได้ตามปกติ ซึ่งคาดการณ์ว่าถ้ามีถนนหลายเส้นที่เกิดผลกระทบกับเรื่องของผู้เดินทางอาจจะต้องแจ้งให้ทราบเพื่อที่จะได้มีการเตรียมการเผื่อเวลาในการเดินทาง และอยากให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีการเตรียมความพร้อมติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการและได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้เตรียมในเรื่องของยานพาหนะช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ถูกตัดขาด

ส่วนสถานการ์ณวันที่ 23 -25 ก.ค. 68 ตามกรมอุตุนิยมวิทยามีความกังวลในช่วงวันใดเป็นพิเศษหรือไม่ นางสาวธีรรัตน์ ระบุว่า วันนี้น่าจะหนักที่สุด มีความกังวลมากที่สุด ประกอบกับปริมาฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องตลอดในพื้นที่โดยเฉพาะจังหวัด น่าน แม้ว่าตอนนี้ระดับของพายุวิพา จะลดความรุนแรงลงแต่ในพื้นที่จะต้องมีการเตรียมความพร้อม และก็ต้องมีการเฝ้าระวังสูงสุด หากทิศทางหรือความรุนแรงของพายุเกิดการเปลี่ยนแปลง

นางสาวธีรรัตน์ กล่าวถึงในเรื่องของพื้นที่จังหวัดเชียงรายที่ประชาชนมีความกังวลในเรื่องของสารปนเปือนในแม่น้ำกกและพื้นที่ในอำเภอแม่สาย ขอยืนยันว่าตอนนี้อำเภอแม่สายได้รับผลกระทบน้อยมากเช่นเดียวกับเนื้อเรื่องของสารปนเปื้อนของแม่น้ำกที่ปริมาณฝนตกลงมาทำให้สารปนเปื้อนค่อนข้างเจือจาง ประชาชนในพื้นที่ไม่ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน

ทั้งนี้นางสาวธีรรัตน์ เตรียมเดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์พายุวิภาในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดน่าน เพื่อรับฟังรายงานเพิ่มเติมจากในพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ที่เดือดร้อน และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

EOD ลุยค้นหาจรวด หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง

13 ส.ค. – EOD ลุยค้นหา-เก็บกู้จรวดในพื้นที่บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง ขณะที่คณะ ICRC ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบเหตุปะทะ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ยางพาราของชาวบ้านและอีกหลายจุด ในเขต ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหลุมต้องสงสัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง จากการตรวจสอบพบสะเก็ดระเบิด และอีกหลายจุดพบเป็นหลุมคล้ายหลุมจรวด BM21 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ชาวบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้าน ยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังมีทหารเหยียบทุ่นระเบิดเป็นรายที่ 5 EOD เร่งตรวจสอบ–กู้ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ชายแดน ส่วนที่ศรีสะเกษเจ้าหน้าที่ EOD สนธิกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขต ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน เบื้องต้นพบ 7 จุด บริเวณสวนยางพาราและใกล้เขตชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดตรวจพิสูจน์ พบว่าหลายลูกระเบิดไปแล้ว เหลือเพียงเศษซาก และยังพบอีก 1 จุดในพื้น […]

อึ้งพระอยู่กับสีกา เปิดบนรถเจอกองทิชชูใช้แล้ว

สกลนคร 13 ส.ค. – วงการผ้าเหลืองฉาวอีก ตำรวจตรวจรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง พบพระกับสีกาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 คุยไปคุยมา สุดท้ายไปจบที่ลาสิกขา หลังตำรวจ สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถเก๋งต้องสงสัยสีดำ จอดผิดปกติบริเวณ ริมคลอง บ.พาน ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ตำรวจต้องอึ้ง เมื่อเจอพระอยู่กับสีกา 2 ต่อ 2 ในรถ ต่อมาทราบว่า คือ พระชัยณรงค์ อายุ 53 ปี สังกัด วัดแห่งหนึ่ง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงเชิญตัวไปยังวัดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีลาสิกขา และนำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสารเสพติด แต่รถที่พระเเละสีกาดังกล่าวอยู่ด้วยกัน พบเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ขมิ้น พบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสถานที่เก็บของกลาง กระจกด้านข้างและด้านหลังติดฟิล์มดำสนิท แต่ด้านหน้าฟิล์มใสมองเห็นถึงภายใน ที่เบาะนั่งข้างคนขับ ยังพบกองจีวรของทิดชัยณรงค์ […]

สถานการณ์ชายแดนสุ่มเสี่ยงปะทะรอบ 2

สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จ.สุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน […]

คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำ ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัว

มุกดาหาร 13 ส.ค.- คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา หลังศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 26 ปี คดีน้องชมพู่ จากกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาเพิ่มโทษให้จำคุก “ลุงพล” 26 ปี ฐานเจตนาฆ่าเด็ก พรากผู้เยาว์ และอำพรางศพ ขณะที่ “ป้าแต๋น” พิพากษายืนยกฟ้อง ในคดีฆาตกรรม น้องชมพู่ ทั้งนี้ภายหลัง ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ “ลุงพล” ได้ยื่นขอประกันตัว โดยศาลจังหวัดมุกดาหาร เสนอไปยังศาลฎีกา ล่าสุด ช่วงเย็นที่ผ่านมา ศาลฎีกายังไม่มีคำตอบลงมาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ทำให้ “ลุงพล” ถูกคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา ย้อนไปคดีนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ หายไปจากบ้านพักภาย ในหมู่บ้านกกกอก ทำให้ชาวบ้านมากกว่า 200 ชีวิต รวมถึง ตัวลุงพล ช่วยกันออกตามหา […]