มท.2 รับกังวล จ.น่าน ที่สุด เหตุ 1 ชม. น้ำขึ้น 30 ซม.

ก.มหาดไทย 23 ก.ค.-มหาดไทย ถกวอรูมติดตามสถานการณ์ “พายุวิภา” ห่วงพื้นที่เหนือ-อีสาน พื้นที่ราบเชิงเขา เสี่ยงน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลัน ด้าน มท.2 กำชับพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่ม-ความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน เผยเตรียมลงพื้นที่เชียงราย-น่าน รับกังวลน่านที่สุด เหตุ 1 ชม. น้ำขึ้น 30 ซม. สั่ง ปภ.-กรมชลฯ เร่งสูบน้ำ

นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยแห่งชาติหรือ บกปภ.ช. ประชุมตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์พายุ “วิภา” โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ร่วมรับฟัง และมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ เข้าร่วมประชุมติดตามสถานการณ์ ได้ติดตามภาพรวมสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งจังหวัดแถบภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ให้หลายจังหวัดจากอิทธิพลพายุวิภาในที่ประชุม กล่าวว่า ได้มีการรายงานสถานการณ์เป็นรายพื้นที่ ประกอบด้วยพื้นที่ติดภูเขา ที่ราบเชิงเขา โดยให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และการตรวจสอบสภาพดินที่ได้รับการสะสมของปริมาณฝนที่ตกลงมา ซึ่งมีลักษณะอุ้มน้ำ และความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำป่าไหลหลาก และเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันขณะที่หลายพื้นที่ปริมาณน้ำฝน ไปเพิ่มระดับน้ำในแม่น้ำสายหลัก หลายจุดใกล้ล้นตลิ่ง และบางจุดเสี่ยงเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนที่อาศัยบริเวณริมแม่น้ำ


นางสาวธีรรัตน์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมกล่าวว่า หลังการติดตามสถานการณ์พายุวิภาที่เกิดขึ้น เป็นที่คาดการณ์จากที่บอกก่อนหน้านี้ว่าจะมีความรุนแรงอยู่ในระดับที่ประชาชนได้รับผลกระทบในวงกว้างโดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ จากการประชุมและได้รับรายงานโดยตรงจากพื้นที่ในหลายๆจังหวัดด้วยกัน เช่นพื้นที่จังหวัดน่าน ที่ตอนนี้ให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ เตรียมความพร้อมรับมือ ขนของขึ้นที่สูงเพื่อที่จะไม่ให้ได้รับความเสียหาย รวมถึงพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต้องอพยพไปอยู่ในศูนย์ที่ทางหน่วยงานราชการจัดเตรียมไว้ให้ โดยเป็นการขอความร่วมมือเพื่อให้ทุกคนได้รับความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน

นางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่าในส่วนของจังหวัดน่าน ขณะนี้มณฑลทหารบกที่ 38 ได้นำกำลังลงพื้นที่จังหวัดน่านเพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดได้จัดเตรียมเรื่องของระบบการทำงานทุกระบบเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนและขอย้ำเตือนว่าขณะนี้น้ำที่กำลังจะเข้าสู่พื้นที่เศรษฐกิจ จ. น่านมีปริมาณ ที่ 1 ชั่วโมง 30 เซนติเมตร ถือว่าเป็นปริมาณที่สูง โดยตนได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย(ปภ.)นำเครื่องสูบน้ำลงพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อบรรเทาน้ำที่จะเข้าสู่ในพื้นที่ส่วนกลางให้มีระดับน้อยลงมากที่สุด แต่อย่างไรก็ตามน้ำมาแน่นอน จึงอยากให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือ


ขฯะที่ในส่วน จ. พะเยา ได้มีการประชุมผ่านZoom ในพื้นที่จริง พบว่าในบางอำเภอยังมีฝนตกอย่างต่อเนื่องและน้ำอยู่ในระดับที่ต้องเฝ้าระวัง แม้จะยังไม่สูงแต่ก็ต้องเตรียมพร้อม และมีความเป็นไปได้หากมีฝนตกต่อเนื่องก็จะมีปริมาณน้ำที่สูงขึ้นได้อีก

ส่วนจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายทางพื้นที่ได้มีการเตรียมความพร้อมรับมือไว้อยู่แล้ว และอย่างน้อยการเตรียมการที่ดีขึ้นเชื่อว่าอาจจะมีการระบายน้ำได้อย่างรวดเร็ว โดยทางกรมชลประทานได้มีการเตรียมพร้อมในเรื่องของเขื่อนเพื่อให้รับน้ำเรับหมาะสมกับน้ำที่กำลังจะมาและมั่นใจว่าประชาชนจะได้รับผลงกระทบน้อยที่สุด

สำหรับภาพรวมและการพยากรณ์น้ำในช่วงของ3-5 วัน ที่จะถึงนี้ ได้ฟังรายงานจากกรมชลประทานในเรื่องของน้ำเหนือที่จะไหลสู่ลำน้ำต่างๆได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้เตรียมพร้อมหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางที่อาจมีน้ำท่วมพื้นผิวจราจร


อีกทั้งได้มีการเตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยให้มีความรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ตามแนวทางประกอบด้วยให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยดูในเรื่องของหลักการรักษาชีวิตของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญลำดับแรกที่จะต้องดำเนินการ และการดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปปฏิบัติงานต้องได้รับความปลอดภัยเช่นกัน

นางสาวธีรรัตน์ กล่าวถึงการเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยโดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกปริมาณมากและพื้นที่สำคัญที่เคยเกิดน้ำท่วมขังอยู่แล้ว ขอให้ทางจังหวัดได้เข้าไปป้องกันไม่ให้น้ำท่วมเข้าสู่พื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพบว่ามีฝนตกต่อเนื่อง การที่มีฝนตกต่อเนื่องต้องป้องกันเรื่องของดินโคลนถล่มเพราะดินอุ้มน้ำหลายวันมีความชุ่มฉ่ำมาก อาจทำให้เกิดดินโคลนถล่มได้ และให้ทางจังหวัดที่มีความเสี่ยงอพยพประชาชนออกมาโดยเร็ว เพราะดินโคลนถล่มคาดการณ์ได้ยากแต่ถ้าหากรู้ว่ามีจุดไหนที่เสี่ยงอยู่แล้วทางเจ้าหน้าที่สามารถที่จะเข้าไปในจุดนั้นได้ทันที

นางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่าการทำงานครั้งนี้บูรณาการกับหลายหน่วยงานเพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ หลายจังหวัดมีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดและอำเภอเพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินในท้องถิ่นเพื่อควบคุมสั่งการ อำนวยการให้การระดมกำลังเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และดูแลในเรื่องของการดำรงชีพ ตั้งโรงครัว แจกถุงยังชีพ และดูแลสภาพจิตใจประชาชน ให้ดีที่สุด สั่งการให้บุคลากรลงไปดูแลประชาชนไม่ให้เกิดปัญหาอาชญากรรมและการป้องกันการลักขโมย ที่จะเป็นการซ้ำเติมผู้ประสบภัยต้องไม่เกิดขึ้น และถ้าหากจะมีการปิดเส้นทางในเรื่องของถนนจะมีการแจ้งประชาชนก่อน เพื่อไม่ให้ประชาชนติดอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งถ้าหากพบว่า บางพื้นที่มีความเสี่ยงที่น้ำจะเข้าสูงสามารถที่จะตัดไฟได้เลยเพื่อที่จะป้องกันปัญหาไฟรั่วหรือไฟดูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขตพื้นที่ชุมชนหรือพื้นที่การศึกษา ในส่วนของพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปสำรวจความเสียหายและช่วยเหลือประชาชนในการทำความสะอาดบ้านเรือนเพื่อบรรเทาความเสียหายที่จะเกิดขึ้น

สำหรับการรายงานสถานการณ์ให้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดรายงานสถานการณ์อุทกภัยและดินโคลถล่ม ผลกระทบและการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ให้กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติในทุกวัน ตอนเช้าเวลา 09:00 น. ซึ่งจะมีการประชุมสรุปสถานการณ์ในแต่ละวันเพื่อประเมินเพิ่มกำลังในแต่ละพื้นที่ให้ทันต่อสถานการณ์มากที่สุด

ส่วนทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้ส่งเซลล์บอร์ดแคสส่งข้อความผ่านศูนย์กระจายข่าวในระดับพื้นที่และจังหวัดให้ประชาชนได้ทราบ และขอความร่วมมือสื่อมวลชนกระจายข่าวสาร ยอมรับว่าพื้นที่ที่กังวลคือจังหวัดน่านที่มีน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากน้ำที่เสริมเข้ามา จึงอยากให้ประชาชนเฝ้าระวังสูงสุด

นางสาวธีรรัตน์ กล่าวต่อว่า เซลล์บรอดคาสต์ใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และส่งแจ้งเตือนประชาชนไปแล้วตั้งแต่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันจำนวน 56 ครั้ง แบ่งเป็นแผ่นดินไหว 2 ครั้ง อุทกภัย 45 ครั้ง ดินโคลนถล่ม 9 ครั้ง ในช่วงของวันที่ 20 กรกฎาคม 68 สถานการณ์พายุวิพาส่งแจ้งเตือนไปแล้ว 24 ครั้ง อุทกภัย 15 ครั้ง ดินโคถล่ม 9 ครั้ง ส่วนวันที่ 22 กรกฎาคม ส่งแจ้งเตือนเพิ่มเติม 12 ครั้ง ในเรื่องของอุทกภัย

นางสาวธีรรัตน์ ระบุว่า ศูนย์เตือนภัยของกระทรวงมหาดไทย ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ส่งสัญญาณเตือนภัยรวมถึงส่งข้อความเตือน ในช่วงเวลาเกิดเหตุจริงทุกช่วงเวลา และมีการแจ้งเตือนเตรียมพร้อมเส้นทางน้ำที่จะมาถึงแต่ละพื้นที่ ส่วนดินโคลนถล่มจุดเสี่ยงต่างๆได้ประกาศออกไปตามพื้นที่ต่างๆก่อนหน้านี้ ได้มีการขนย้ายและอพยพประชาชนออกมาจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงแล้ว โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยทหารที่สนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนพาไปอยู่ศูนย์อพยพ

เมื่อถามว่าในเรื่องของการเดินทางจังหวัดน่านเข้ามาตัวเมือง บางจุดเส้นทางเริ่มสัญจรลำบากทางกระทรวงมหาดไทยได้มีการประสานกับกระทรวงคมนาคมในเรื่องของการเดินทางโดยเฉพาะสายการบิน บ้างหรือไม่ นางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่า จากที่ได้รับรายงาน ผู้ว่าราชการจังหวัดน่านรายงานว่า ยังมีถนนบางส่วนที่กระทบ แต่ในเรื่องของการบินหรือการเดินทางยังสามารถที่จะดำเนินการได้ตามปกติ ซึ่งคาดการณ์ว่าถ้ามีถนนหลายเส้นที่เกิดผลกระทบกับเรื่องของผู้เดินทางอาจจะต้องแจ้งให้ทราบเพื่อที่จะได้มีการเตรียมการเผื่อเวลาในการเดินทาง และอยากให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีการเตรียมความพร้อมติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการและได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้เตรียมในเรื่องของยานพาหนะช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ถูกตัดขาด

ส่วนสถานการ์ณวันที่ 23 -25 ก.ค. 68 ตามกรมอุตุนิยมวิทยามีความกังวลในช่วงวันใดเป็นพิเศษหรือไม่ นางสาวธีรรัตน์ ระบุว่า วันนี้น่าจะหนักที่สุด มีความกังวลมากที่สุด ประกอบกับปริมาฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องตลอดในพื้นที่โดยเฉพาะจังหวัด น่าน แม้ว่าตอนนี้ระดับของพายุวิพา จะลดความรุนแรงลงแต่ในพื้นที่จะต้องมีการเตรียมความพร้อม และก็ต้องมีการเฝ้าระวังสูงสุด หากทิศทางหรือความรุนแรงของพายุเกิดการเปลี่ยนแปลง

นางสาวธีรรัตน์ กล่าวถึงในเรื่องของพื้นที่จังหวัดเชียงรายที่ประชาชนมีความกังวลในเรื่องของสารปนเปือนในแม่น้ำกกและพื้นที่ในอำเภอแม่สาย ขอยืนยันว่าตอนนี้อำเภอแม่สายได้รับผลกระทบน้อยมากเช่นเดียวกับเนื้อเรื่องของสารปนเปื้อนของแม่น้ำกที่ปริมาณฝนตกลงมาทำให้สารปนเปื้อนค่อนข้างเจือจาง ประชาชนในพื้นที่ไม่ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน

ทั้งนี้นางสาวธีรรัตน์ เตรียมเดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์พายุวิภาในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดน่าน เพื่อรับฟังรายงานเพิ่มเติมจากในพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ที่เดือดร้อน และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดโผตำรวจ ประชุม ก.ตร. กว่า 8 ชม. แต่งตั้งนายพล 250 ตำแหน่ง

1 ก.ย. – เปิดโผตำรวจ ประชุม ก.ตร. กว่า 8 ชม. บัญชีแต่งตั้งนายพลตำรวจ 250 ตำแหน่ง “บิ๊กเต่า” แห้ว “นพศิลป์” ได้ขึ้น พล.ต.ท. เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 31 สิงหาคม 2568 ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (รองประธาน ก.ตร.) เป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 8/2568 วาระแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ระดับผู้บังคับการ (ผบก.) ถึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ประจำปี 2568 โดยแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และโยกย้ายสับเปลี่ยน กว่า 250 ตำแหน่ง ทั้งนี้ ก.ตร.ครบองค์ประชุม ขาดเพียงนายภูมิธรรม […]

“บิ๊กเต่า” ยอมรับมีอดีต ผอ.พศ.-ตลกดัง ถือครองโฉนดที่ดินแทนอดีตพระอลงกต

กรุงเทพฯ 1 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” ยอมรับมีอดีต ผอ.พศ.-ตลกชื่อดัง ถือครองโฉนดที่ดินแทน “อดีตพระอลงกต” ส่วน “สมปอง” ยังอยู่ในข่ายถูกดำเนินคดี แม้อ้างว่าเป็นการยืมเงินและคืนไปบางส่วนแล้ว ขณะที่วง “พิงค์แพนเตอร์” ประสานเข้าพบตำรวจเร็วๆ นี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนคดี “อลงกตการละคร” ระบุว่า คดีมีความคืบหน้าไปพอสมควร และมีตัวละครที่สามารถดำเนินคดีได้หลายคน แต่ตำรวจต้องการพยานหลักฐานมาประกอบข้อมูลตรงนี้ให้ชัดเจนมากขึ้นก่อน ซึ่งตอนนี้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามทยอยเรียกสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องมากขึ้นเรื่อย ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบขยายผลเส้นทางการเงินและทรัพย์สิน โดยเฉพาะประเด็นที่มีคนใกล้ชิด อักษรย่อ นางสาว ว. ถือครองโฉนดที่ดินมูลค่ารวม 140 ล้านบาทนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่าตำรวจอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบบุคคลเกี่ยวข้องทั้งหมด โดยในจำนวนนั้นยอมรับว่ามีอดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และตลกชื่อดัง ถือครองโฉนดที่ดินแทน “อดีตพระอลงกต” ด้วย โดยทั้งคู่มีพฤติกรรมคล้ายๆ กัน คือ เข้าไปหาผลประโยชน์ และไม่ใช่เพียงผลประโยชน์จากเงินวัดก้อนเดียว แต่หาผลประโยชน์จากกลุ่มเครือข่ายด้วย ซึ่งมีมูลค่าเงินจำนวนมาก และทางอดีตพระอลงกต ก็มองว่าตนเองถูกรังแก ถูกโกงเงินไป ทั้งเรื่องคอนเสิร์ต เรื่องที่ดิน และถือครองทรัพย์สินแทน […]

พรรคกล้าธรรม ออกแถลงการณ์โหวตหนุน “อนุทิน” นั่งนายกฯ

พรรคกล้าธรรม 30 ส.ค.-พรรคกล้าธรรม ออกแถลงการณ์ โหวตหนุน “อนุทิน” นั่งนายกฯ ชี้ปล่อยให้ประเทศเกิดสุญญากาศไม่ได้ เผยภูมิใจไทยรับข้อเสนอ แก้ กม.ต้องไม่กระทบสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อเวลา 15.55 น. พรรคกล้าธรรม (กธ.) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรี จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งทำให้คณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ และจะต้องมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ต่อไปว่า คณะกรรมการบริหารพรรค ร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ได้ร่วมกันพิจารณารับฟังความคิดเห็นของสมาชิกพรรคทุกท่าน เพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินการของพรรค รวมถึงพิจารณาข้อเสนอของพรรคภูมิใจไทย โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า พรรคกล้าธรรม จะลงมติในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สนับสนุนให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 เนื่องด้วยสถานการณ์ของประเทศไทยขณะนี้ จำเป็นที่จะต้องมีฝ่ายบริหารมาขับเคลื่อนและแก้ปัญหาให้กับประชาชนในทุกด้าน ทั้ง ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ปัญหาเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ ปัญหาสังคมด้านต่าง ๆ อย่างเร่งด่วน โดยไม่สามารถประวิงเวลาไปได้อีก พรรคกล้าธรรม ได้แสดงจุดยืนของพรรคให้กับพรรคภูมิใจไทยทราบ คือ 1.พรรคกล้าธรรม ยึดถือ […]

“เดชอิศม์” ปิดประตูจับมือ “ภูมิใจไทย” ตั้งรัฐบาล

พรรคประชาธิปัตย์ 31 ส.ค.- “เดชอิศม์” ปิดประตูจับมือ “ภูมิใจไทย” ตั้งรัฐบาล กร้าว ถ้าหนุนก็ไม่เหลือความเป็นคน บอก รัฐประหาร 100 ครั้ง ก็ไม่เลวร้ายเท่าฮั้ว สว. ยกอำนาจให้คนเดียวชี้ขาดประเทศ ย้ำคดีเขากระโดง ต้องเอาผิดให้เด็ดขาด บอก 2-3 เดือน ก็ยุบสภาได้ ไม่ต้องรอ 4 เดือน นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุภายหลังการเจรจากับพรรคประชาชน ที่พรรคร่วมรัฐบาลรับเงื่อนไขทั้งหมดของพรรคประชาชน ว่า จริงๆ เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาชน ตนไปเป็นเพื่อนเขา ส่วนประเด็นเป็นเรื่องของทั้งสองพรรคต้องคุยกัน เมื่อถามย้ำว่า หมายถึงพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้รับเงื่อนไขทั้งหมดใช่หรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ปฏิบัติตามเงื่อนไขของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด ส่วนจะนำข้อหารือระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน เข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ด้วยหรือไม่ นายเดชอิศม์ ยอมรับว่า อาจอยู่ในวาระอื่นๆ เนื่องจากมีวาระสำคัญอยู่แล้ว เมื่อถามว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับข้อเสนอของพรรคประชาชนและและข้อเสนอเพิ่มเติมของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายเดชอิศม์ ยืนยันว่า […]

ข่าวแนะนำ

พรรคเพื่อไทย โพสต์นับหนึ่งกระบวนการยุบสภา

กรุงเทพฯ 3 ก.ย.-พรรคเพื่อไทย โพสต์นับหนึ่งกระบวนการยุบสภา ยืนยันอำนาจ เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.26 น. เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความว่า ผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ได้ยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภาแล้ว รายละเอียดจากแถลงอย่างเป็นทางการและยังระบุข้อความว่า “นับหนึ่งกระบวนการยุบสภา ยืนยันอำนาจ เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง” นอกจากนี้ยังโพสต์ข้อความให้การให้สัมภาษณ์ของนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ได้ยืนยันว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการยื่นทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรแล้ว.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ขอบคุณพรรคประชาชน ย้ำพร้อมรับทุกเงื่อนไข

รัฐสภา 3 ก.ย.-“อนุทิน” ขอบคุณพรรคประชาชน มีมติโหวตหนุนนั่งนายกฯ ย้ำพร้อมรับทุกเงื่อนไข หัวเราะ “เพื่อไทย” บอกเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย พาประเทศไม่รอด เป็นเหตุยื่นยุบสภา ชี้ให้ไปดูคำแถลงพรรคส้ม นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางเข้าสภาเมื่อเวลา 09.45 น. โดยผู้สื่อข่าว พยายามถามถึงกรณีที่พรรคประชาชนได้แถลงข่าวสนับสนุนนายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ฝั่งพรรคเพื่อไทยได้ดำเนินการยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภา แต่นายอนุทิน ไม่ได้ตอบคำถาม บอกแค่ว่าขอไปประชุมก่อน ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า ดีใจหรือไม่ที่พรรคประชาชนจะโหวตสนับสนุนเป็นนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ตอบว่า “ก็ดีใจสิ และรู้สึกขอบคุณมากๆ ด้วย” ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภาแล้ว นายอนุทิน กล่าวว่า ขอขึ้นไปประชุมกับพรรคภูมิใจไทยก่อน เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยอ้างเหตุผลการยุบสภาว่า เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย จะนำพาประเทศไปไม่รอด นายอนุทินหัวเราะ ก่อนตอบว่า ดูร่างที่พรรคประชาชนได้แถลงมันมีคำตอบอยู่ในนั้น เมื่อถามว่าพร้อมเซ็นตามข้อตกลงของพรรคประชาชนหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “พร้อมสิครับ ยอมรับได้ทุกข้อ”.-สำนักข่าวไทย

มติพรรคประชาชน โหวตหนุน “อนุทิน” นั่งนายกฯ

รัฐสภา 3 ก.ย.-มติพรรคประชาชน แถลงยกมือโหวตหนุน “อนุทิน” นั่งนายกฯ โดยพรรคภูมิใจไทยจะต้องยอมตกลงเงื่อนไข 4 ข้อ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน แถลงว่า ในช่วงระยะเวลา 5 วันที่ผ่านมานี้ เป็นช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนและจากกระแสข่าวเมื่อวานในเรื่องของการยุบสภา ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังไม่ได้มีการชี้แจงอย่างเป็นทางการหรือมีการรับรองอย่างเป็นทางการจากฝั่งพรรคเพื่อไทยว่ามีการทูลเกล้าฯ เสนอยุบสภาแล้วหรือไม่ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน วันนี้มาพร้อมผู้บริหารพรรคบางส่วนที่ได้มีการประชุมกันเมื่อเช้านี้ถึงข้อสรุปว่าภาคประชาชนจะตัดสินใจอย่างไรในสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน นับตั้งแต่กรณีการเผยแพร่คลิปเสียงการสนทนาระหว่างอดีตนายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุนเซ็น พรรคประชาชนยืนยันมาโดยตลอดว่าทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศคือการคืนอำนาจให้กับประชาชนตัดสินใจ กำหนดอนาคตของประเทศผ่านการยุบสภา เพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้งใหม่ ให้เรามีรัฐบาลใหม่เพื่อให้มีความชอบธรรมมีเสถียรภาพและมีศักยภาพในการแก้ไขปัญหาสำคัญของประชาชนทางด้านการเมืองเศรษฐกิจสังคมและความมั่นคง แต่จนถึงวันนี้รัฐบาลผู้มีอำนาจในการยุบสภา กลับยังไม่ให้ความชัดเจนและยังไม่ตอบสนองและมีความพยายามที่จะอยู่ในอำนาจให้นานที่สุด โดยไม่สำนึกถึงความล้มเหลวในการบริหารประเทศ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นผลจากตำแหน่ง พรรคประชาชนจึงเห็นว่าหากพรรคงดออกเสียงในการพิจารณาให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรีคนใหม่ อาจเกิดสถานการณ์ที่ไม่มีผู้ใดได้เสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอาจเกิดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดไหลกลับไปรวมตัวกันของพรรคร่วมรัฐบาลชุดเดิมที่ได้บริหารประเทศอย่างล้มเหลวมาตลอดสองปีที่ผ่านมา รวมทั้งทางเสี่ยงเปิดทางให้หัวหน้าคณะปฏิวัติรัฐประหารกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง หรือไม่ก็เปิดช่องให้มีนายกรัฐมนตรีคนนอกซึ่งขัดต่อหลักที่พรรคประชาชนยึดถือ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตลอด 5 วันที่ผ่านมานี้ หลังจากที่ได้มีการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชนได้พิจารณาอย่างละเอียดถึงความเข้าใจของสองพรรคต่อเงื่อนไขของพรรคประชาชนและกลไกควบคุมให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องรักษาตามเงื่อนไขดังกล่าว ประกอบกับการรับฟังเสียงของสมาชิกพรรคทั่วประเทศ และผู้แทนราษฎรของพรรคอย่างรอบคอบแล้ว วันนี้คณะกรรมการบริหารของพรรคจึงได้ประชุมและมีมติว่าหากมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้ความเห็นชอบเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ภาคประชาชนจะให้ความเห็นชอบแก่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยพรรคภูมิใจไทยจะต้องยอมตกลงเงื่อนไขดังต่อไปนี้ ข้อที่หนึ่ง นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะต้องยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือน […]

น้ำท่วมย่านการค้า อ.หล่มสัก ลดลงต่อเนื่อง สัญจรได้แล้ว

2 ก.ย. – น้ำท่วมย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ลดลงต่อเนื่อง ถนนหลายสายรถสัญจรได้แล้ว ขณะที่ จ.พิษณุโลก น้ำทะลักกัดเซาะถนนขาด ไหลท่วมบ้านเรือน ส่วน จ.แม่ฮ่องสอน น้ำป่าหลาก-ดินโคลนถล่ม เสียชีวิต 1 ราย ระดับน้ำที่ท่วมบ้านเรือน ร้านค้าตามชุมชน และย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ลดลง จากที่เคยท่วมสูงเกือบ 1 เมตร ลดเหลือ 20-30 เซนติเมตร รวมทั้งบริเวณแยกหอนาฬิกา ซึ่งน้ำท่วมลดลงแต่ยังมีน้ำไหลผ่านอยู่บ้าง และมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ถนนหลายสายรถยนต์สามารถสัญจรไปมาได้แล้ว แต่ถนนบางสายยังปิดการจราจร ป้องกันรถที่วิ่งผ่านทำให้น้ำทะลักเข้าร้านค้า เจ้าของร้านค้าบางส่วนเริ่มสำรวจความเสียหายของข้าวของเครื่องใช้ รวมทั้งสินค้าต่างๆ ที่ถูกน้ำท่วม หลังแม่น้ำป่าสักที่ไหลผ่าน อ.หล่มสัก ลดลงต่ำกว่าพนังกั้นน้ำราวครึ่งเมตรแล้ว หากไม่มีฝนตกหรือมวลน้ำทางตอนเหนือเติมลงมา คาดว่าน้ำที่ท่วมในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก รวมทั้งบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรใน ต.ตาลเดี่ยว ที่อยู่ทางตอนใต้ จะลดลงเรื่อยๆ และเข้าสู่ภาวะปกติในเร็วๆ นี้ น้ำทะลักตัดถนนขาด ไหลท่วมบ้านเรือนที่ จ.พิษณุโลก น้ำจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ที่หลากลงคลองเนินกุ่ม กัดเซาะถนนบ้านเหนือ ต.เนินกุ่ม […]