23 ก.ค. – ตำรวจไซเบอร์ รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปอยเปตสาย 2 ปลอมเป็น ตร.มุกดาหาร หลอกโอนเงิน เผยเคยได้ค่าคอมมิชชั่นสูงถึงหลักแสน ส่วนอีกคดีเครือข่ายอ้างการไฟฟ้าหลอกติดตั้งแอปฯ ดูดเงิน เสียหายกว่า 2.4 หมื่นบาท
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เปิดเผยว่า มีผู้เสียหายรายหนึ่งถูกหลอกลวงให้ลงทุนคริปโทเคอเรนซี เสียหายเงิน 308,204,326.50 บาท จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน จากการสืบสวนทราบว่ากลุ่มคนร้ายที่มีฐานที่ตั้งปฏิบัติการอยู่ที่ภูลิคาสิโน ประเทศกัมพูชา และมีการหลอกลวงหลายประเภท เช่น คอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้เหยื่อโอนเงินเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเงินของเหยื่อไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา หลอกลวงให้ลงทุน และหลอกลวงให้เกิดความชอบความรัก โดยคนร้ายที่หลอกสำเร็จจะได้ค่าคอมมิชชั่นสูงถึงหลักแสนบาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขยายผลจนทราบแผนผังองค์กรของผู้ประทำผิดที่เชื่อมโยงกับคดีหลอกลวงอื่นอีกหลายคดีที่ใช้กาสิโนดังกล่าว เป็นที่ตั้งในการปฏิบัติการ จึงรวบรวมพยานหลักฐานชอศาลออกหมายจับ นายรณชัย อายุ 31 ปี ผู้ทำหน้าที่รับบทเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองมุกดาหาร (สายที่ 2) ในข้อหา “ร่วมกันอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนสมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน”
เบื้องต้นเจ้าตัวรับว่า เมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ตนเองตกงานแล้วได้เจอประกาศรับสมัครงานในเฟซบุ๊ก ในตำแหน่งแอดมินที่กาสิโน ประเทศกัมพูชา จึงตกลงสมัครงานดังกล่าวแล้วได้นัดเจอกันบริเวณใกล้ด่านตรวจคนเข้าเมืองใน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
แต่เมื่อถึงเวลากลับมีรถเก๋งมารับแล้วพาไปส่งยังประตูรั้วแห่งหนึ่งซึ่งมีช่องทางลับที่เดินเพียงประมาณ 5-6 ก้าว ก็สามารถข้ามไปยังประเทศกัมพูชาได้ เมื่อเดินข้ามไปแล้วจึงได้มีคนมารับพาไปที่ภูลิคาสิโน เมื่อไปถึงที่ภูลิคาสิโน พบว่ามียามเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง ถึงแม้จะมีประตูเล็กด้านหลัง แต่ก็ปิดอยู่และมี รปภ.เดินตรวจตลอดเวลา หากหลบหนีจะถูก รปภ. ทำร้ายทันที โดยตนได้ถูกฝึกให้เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำหน้าที่เป็นสาย 2 แอบอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรมุกดาหาร ที่คอยรับแจ้งความสอบถามทรัพย์สินทั้งหมดของผู้เสียหาย รวมทั้งเงินในบัญชีธนาคารแล้วจึงโอนสายต่อให้สาย 3 เพื่อให้หลอกลวงให้โอนเงินต่อไป โดยตนเองเคยได้ค่าคอมมิชชั่นมากสุดถึงประมาณแสนกว่าบาท เมื่อทำงานได้ประมาณเกือบ 2 เดือน จึงได้หลบหนีออกมาข้ามชายแดนกลับประเทศไทย พร้อมกับคนไทยที่นั่นอีก 1 คน เนื่องจากไม่ทราบมาก่อนว่าต้องมาทำงานหลอกลวงประชาชนแล้วได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติจนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม
อีกคดีเครือข่ายอ้างการไฟฟ้าหลอกติดตั้งแอปดูดเงิน เสียหายกว่า 2.4 หมื่น สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้รับโทรศัพท์อ้างว่าติดต่อจากการไฟฟ้านครหลวงและแจ้งว่าขอเปลี่ยนหม้อไฟเป็นหม้อไฟมิเตอร์ไฟฟ้า ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ติดต่อไปที่บัญชีไลน์ ชื่อ “การไฟฟ้านครหลวง” จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่แอดมินแจ้งให้ผู้เสียหายโหลดโปรแกรมลงในโทรศัพท์ แล้วยืนยันตัวตนในระบบ โดยได้ส่งลิงก์มาให้ผู้เสียหายกรอกข้อมูลส่วนตัว ภายหลังผู้เสียหายได้ตรวจสอบบัญชีธนาคารพบว่าเงินได้ถูกโอนออกจากบัญชีธนาคารไปยังบัญชีของ น.ส.วรรณภา จำนวน 1 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 24,318.51 บาท
พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาโดย เข้าจับกุมนางสาวรรณภา อายุ 19 ปี ในข้อหา “ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยไม่ชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและเป็นการกระทำเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสดร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบและข้อมูลคอมพิวเตอร์ซึ่งมีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน และร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วนซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น, เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาใช่เพื่อตน หรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากร” นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย.-412-สำนักข่าวไทย