อ่างทอง 5 ก.ค.-พล.ต.อ.วิระชัย รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่เร่งรัดคดีสาวเพิ่งคลอดลูก กินยาลดความอ้วนดับ พร้อมขอญาติเปิดโลงนำศพผ่าพิสูจน์หาหลักฐานการเสียชีวิตที่ชัดเจน
ความคืบหน้ากรณี “น้องเฟิร์น” น.ส.มรกต เจริญกิจ อายุ 30 ปี เสียชีวิตจากการกินยาลดน้ำหนักที่สั่งซื้อมาจากออนไลน์ เมื่อวันที่ 3 ก.ค. และญาติติดใจสาเหตุ เนื่องจากผลการชันสูตรของ รพ.อ่างทอง ระบุว่า “เสียชีวิตจากหัวใจเต้นผิดจังหวะจากการใช้ยาลดน้ำหนัก”
เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. เดินทางไปที่ศาลาการเปรียญวัดแปดแก้ว ต.หัวตะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เพื่อพูดคุยกับนายวิสุทธิ์ ม่วงเจริญ สามีผู้เสียชีวิตและครอบครัว เพื่อสอบถามข้อมูล พร้อมขอความร่วมมือญาติ นำศพส่งสถาบันนิติเวช สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่าพิสูจน์ เพื่อเตรียมดำเนินคดีกับคลินิก และเบื้องต้นพบว่า คนขายได้ปิดเพจเฟซบุ๊กไปแล้ว ทั้งนี้จากแนวทางการสืบสวนทราบว่า ยาทั้งหมดเป็นยาอันตรายคล้ายกับยาลดความอ้วนยี่ห้อดัง ซึ่งถูกตำรวจปราบปรามไปก่อนหน้านี้
พล.ต.อ.วิระชัย เปิดเผยว่า กรณีนี้ผู้เสียชีวิตสั่งยาจากคลินิกทางออนไลน์แห่งหนึ่ง ซึ่งหลังรับประทานไปได้ไม่กี่วันก็หมดสติหลายครั้ง จนกระทั่งเสียชีวิต ซึ่งยาเหล่านี้มีสารอันตรายหลายชนิด เมื่อกินเข้าไปแล้วจะทำให้หัวใจโต กล้ามเนื้อหัวใจตายและหัวใจหยุดเต้น นอกจากนี้ยังพบหลักฐานที่ได้จากซองส่งยา ที่ผู้ขายมีเจตนาหลอกลวงผู้บริโภค เพราะใช้ที่อยู่ปลอมในการจัดส่ง
ด้านเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอ่างทอง เข้าพูดคุยกับครอบครัวผู้เสียชีวิต เพื่อสอบถามข้อมูลตัวยา แต่เบื้องต้นเภสัชกรไม่สามารถระบุตัวยาที่ชัดเจนได้และต้องตรวจที่ห้อง LAB อย่างไรก็ตาม ญาติผู้เสียชีวิตนำตัวยาส่งให้แพทย์ตรวจสอบ พบว่าตัวยาที่เห็นอาจเป็น “Fluoxetine” , “Bisacodyl” และ “L carnitine” อาหารเสริม
สำนักข่าวไทยตรวจสอบจากแพทย์ทราบว่า ตัวยา “Fluoxetine” เป็นยาลดอาการซึมเศร้า ผลข้างเคียงของยา คือ มีอาการเบื่ออาหาร กินน้อย มักมึนงงในการกินครั้งแรก ตัวยา “Bisacodyl” เป็นยาระบาย กินแล้วปวด บีบถ่าย และ “L carnitine” พบว่าเป็นอาหารเสริม กินกันทั่วไป ไม่ใช่ยาลดน้ำหนัก เป็นยาเผาผลาญไขมัน กลุ่มนักเล่นกล้ามชอบใช้
ข้อมูลทางการแพทย์พบว่า ยา 2 ตัวแรกเป็นยาที่ใช้ทั่วไป แต่ข้อสังเกตคือ ต้องดูปริมาณของยา ส่วนผสมมากน้อยแค่ไหน หรือกินยาอื่นร่วมด้วยหรือไม่ หรือยามีมาตรฐานหรือไม่ และผู้ป่วยมีโรคประจำตัวหรือไม่.-สำนักข่าวไทย