กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – เอสเอ็มอีแบงก์ประสานพลังกรมสรรพากร เดินหน้าโครงการขับเคลื่อนบัญชีเดียว ปล่อยกู้ดอกเบี้ยถูกสุด 0.25% ต่อเดือน นาน 3 ปี
นายพงชาญ สำเภาเงิน รองกรรมการผู้จัดการ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาลต้องการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยเข้าสู่มาตรฐานบัญชีเดียว ซึ่งจะก่อประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ประเมินผลประกอบการได้ชัดเจน ได้สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีและยกเว้นภาษีอากร อีกทั้งเข้าถึงมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐและแหล่งทุนจากสถาบันการเงินในระบบได้สะดวกและรวดเร็ว
ปัจจุบันเอสเอ็มอีตื่นตัวให้ความสำคัญกับการทำบัญชีเดียวสูงมาก อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ยังกังวลถึงความยุ่งยากและขาดความรู้ในการจัดทำบัญชีเดียว เอสเอ็มอีแบงก์และกรมสรรพากรจึงร่วมกันจัดโครงการ “ขับเคลื่อน SMEsไทย กู้ง่าย…โตไว้ใช้บัญชีเดียว” ซึ่งเป็นมิติใหม่ของการมอบความรู้ความเข้าใจในการทำบัญชีเดียวครบวงจรในรูปแบบ “ความรู้คู่เงินทุน” จัดเป็นรูปแบบงานเสวนาเชิงปฏิบัติการ สกัดเนื้อหาเฉพาะแก่นสำคัญที่จำเป็นใช้ในทางปฏิบัติ จะมีหน่วยงานพันธมิตรต่าง ๆ มาอำนวยความสะดวกช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการยกระดับสู่นิติบุคคล เช่น ผู้เชี่ยวชาญจากกรมสรรพากรให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด มีบริการตรวจเครดิตบูโร
นายพงชาญ กล่าวว่า ธนาคารเตรียมบริการสินเชื่อพิเศษไว้รองรับในโครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน ผ่อนนาน 7 ปี กรณีเป็นบุคคลธรรมดาใน 3 ปีแรก คิดอัตราดอกเบี้ย 0.417% ต่อเดือน หรือประมาณ 5% ต่อปี แต่หากยกระดับเป็นนิติบุคคลคิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 3 ปีแรก เหลือเพียง 0.25% ต่อเดือน หรือ 3%ต่อปี ปัจจุบันถือเป็นอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดในระบบ รวมถึงใช้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันได้ด้วย หากมีความพร้อมสามารถยื่นกู้ภายในงานได้ทันที
สำหรับโครงการดังกล่าวจะเดินสายจัดทั่วประเทศเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่ต้องการยกระดับเข้าสู่บัญชีเดียวสามารถเข้าร่วมงานได้ฟรี เบื้องต้นนำร่องกำหนดจัด 9 ครั้ง ใน 9 จังหวัด ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมถึงปลายเดือนสิงหาคม 2562 ประเดิมครั้งแรกวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ โรงแรมแกรนด์ฮิลล์ รีสอร์ท แอนด์ สปา จ.นครสวรรค์ ตามด้วยวันที่ 11 กรกฎาคม จ.พระนครศรีอยุธยา วันที่ 23 กรกฎาคม จ.สงขลา วันที่ 25 กรกฎาคม จ.นครศรีธรรมราช วันที่ 6 สิงหาคม จ.กาฬสินธุ์ วันที่ 8 สิงหาคม จ.สุรินทร์ วันที่ 20 สิงหาคม จ.ระยอง วันที่ 22 สิงหาคม จ.เพชรบุรี และวันที่ 28 สิงหาคม จ.เชียงราย โดยเปิดรับผู้เข้าร่วมโครงการครั้งละประมาณ 80 คน .-สำนักข่าวไทย