พาณิชย์ปรับกลยุทธ์การค้าหลังสงครามการค้าส่อเค้ายืดเยื้อ

กระทรวงพาณิชย์ 24 พ.ค.กระทรวงพาณิชย์เร่งหาแนวทางปรับกลยุทธ์การค้า
หลังสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน มีแนวโน้มยืดเยื้อ ประเมินผลกระทบต่อไทย
หากสหรัฐขึ้นภาษีสินค้าจากจีนอีก จะส่งผลบวกต่อสินค้าไทย
โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าบริโภค


น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กล่าวถึงปัญหาสงครามการค้าสหรัฐ-จีนว่า
มาตรการขึ้นภาษีสินค้าจีนของสหรัฐฯ กลุ่มสินค้า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐและการตอบโต้ของจีน
ในกลุ่มสินค้า 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น
เป็นสินค้ากลุ่มเดิมที่มีผลบังคับใช้ไปแล้วเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2561 แต่สหรัฐปรับอัตราภาษีจากร้อยละ
10 เป็นร้อยละ 25 และจีนปรับอัตราภาษีเป็นร้อยละ 5
25 และตัดสินค้าจำนวน 67 รายการ
(ส่วนใหญ่คืออุปกรณ์รถยนต์ เช่น เบรค ล้อรถ คลัช เพลา/แกนรถ ถุงลมนิรภัย) สินค้ากลุ่มนี้มีนัยยะสำคัญและส่งผลกระทบทางอ้อมต่อการส่งออกไทย
เนื่องจากเป็นกลุ่มสินค้าที่เชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานหลายประเทศที่เป็นคู่ค้าสำคัญของไทย

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่ามาตรการระหว่างกันล่าสุดในสินค้ากลุ่มนี้
จะไม่ส่งผลกระทบเพิ่มขึ้นมากนักเนื่องจากเป็นสินค้ากลุ่มเดิมที่ตลาดรับรู้ไปแล้ว
และผู้ประกอบการเริ่มปรับตัว โดยเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
ที่ตัวเลขการส่งออกเดือนเมษายนมีแนวโน้มหดตัวในอัตราที่ชะลอลง
โดยคาดว่าผู้ประกอบการเริ่มมีการปรับกลยุทธ์ในห่วงโซ่อุปทาน (
supply chain) และมาผลิตในประเทศที่สาม
(นอกประเทศจีน) มากขึ้น เช่น ฮ่องกง ไต้หวัน
และเมื่อพิจารณาสินค้าในกลุ่มที่ขึ้นภาษีของสหรัฐและจีน
พบว่าไทยยังมีโอกาสส่งออกสินค้าเพื่อชดเชยผลกระทบจากการเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทาน
โดยสินค้ากลุ่มที่ไทยมีศักยภาพในการส่งออก ได้แก่ ผักและผลไม้สดและแปรรูป
เครื่องดื่ม ไก่สดแช่แข็ง อาหารปรุงแต่ง เสื้อผ้าและรองเท้า เครื่องสำอาง และ
ผลิตภัณฑ์ยาง


สำหรับสินค้าล็อตใหม่ที่สหรัฐเตรียมขึ้นภาษีจีนมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น
น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวว่า เป็นสินค้าส่วนที่เหลือเกือบทั้งหมดที่สหรัฐนำเข้าจากจีน
โดยส่วนใหญ่ครอบคลุมสินค้าอุปโภคและบริโภค อาทิ อาหาร อุปกรณ์/เครื่องใช้ภายในบ้าน
เสื้อผ้าและรองเท้า เครื่องประดับ ซึ่งหากสหรัฐเดินหน้าขึ้นภาษีจริง
จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้บริโภค และประเมินว่าในกลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภค
ผลกระทบจากห่วงโซ่อุปทานจีนจะมีไม่มากนักเมื่อเทียบกับมาตรการที่ผ่านมา
และไทยมีโอกาสที่จะส่งออกเพิ่มในตลาดสหรัฐกว่า 725 รายการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 200
1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยเป็นสินค้าที่ไทยมีส่วนแบ่งตลาดและความสามารถทางการแข่งขันในรายสินค้า (
RCA)
สูง
ประกอบกับภาพลักษณ์ที่ดีของสินค้าไทยสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภค อาทิ
อาหารและเครื่องปรุงอาหาร (เครื่องเทศ น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันมะพร้าว พีนัท ถั่ว
Pignolia น้ำตาลอ้อย) น้ำผลไม้ ขิง ชาเขียว
เสื้อผ้าและผ้าผืน รองเท้า อุปกรณ์กีฬา เครื่องประดับ (ไข่มุกและนาฬิกา)
และของใช้ในบ้าน (เครื่องเซรามิค เครื่องแก้ว)

นอกจากนี้
กระทรวงพาณิชย์ยังได้ติดตามสถานการณ์การนำเข้าอย่างใกล้ชิดในกลุ่มสินค้าสำคัญ
ได้แก่ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ฯ อะลูมิเนียม เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
เสื้อผ้า รองเท้า และผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่น ๆ เครื่องจักรไฟฟ้าฯ ทองแดง และเคมีภัณฑ์
เพื่อป้องกันการสินค้าไหลเข้ามาไทยเป็นจำนวนมากจากมาตรการภาษีระหว่างสหรัฐและจีนที่อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในประเทศและผู้บริโภค
ซึ่งยังไม่พบการนำเข้าที่ผิดปกติในช่วงที่ผ่านมา


ทั้งนี้ วันที่ 29 พฤษภาคมนี้ จะมีการประชุมกับตัวแทนอุตสาหกรรมกว่า
20 สมาคม/กลุ่ม เพื่อหารือถึงความเป็นไปได้
และการปรับกลยุทธ์ผลักดันการส่งออกสินค้าศักยภาพข้างต้นอย่างรวดเร็ว
พร้อมกันนี้จะนำผลหารือจากการประชุมเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
(กนศ.) ในวันที่ 11 มิถุนายนนี้เพื่อกำหนดแนวทางการรับมือในเรื่องสงครามการค้า
และกำหนดทิศทางยุทธศาสตร์การค้าระยะยาวที่จะต้องพิจารณาระบบการค้าและการลงทุนทั้งระบบให้สอดคล้องกับบริบทใหม่ของการค้าโดยเน้นผลักดันและกระตุ้นการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ
เอกชน และผู้เกี่ยวข้องอื่น ๆ ต่อไป-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เอกภพ” เข้าพบ พนง.สอบสวน หลังถูกออกหมายจับ

“เอกภพ สายไหมต้องรอด” เข้าพบ พนง.สอบสวน หลังถูกออกหมายจับปมพยานเท็จดิไอคอน ยันบริสุทธิ์ใจ หากช่วยเหลือประชาชนแล้วโดนจับก็พร้อมรับ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบนายกฯ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบ “แพทองธาร” นายกฯ ชื่นชมเป็นคนเก่ง-มองโลกบวก เป็นหน้าตาของประเทศ นำเสนอวัฒนธรรม-ซอฟต์พาวเวอร์ ผ่านการประกวด พร้อมชวนร่วมงานรัฐบาล สร้างแรงบันดาลใจเด็กๆ ขณะที่ นายกฯ เขินถูกชมว่าตัวจริงสวย

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่