นนทบุรี 14 พ.ค. – พาณิชย์รับมือสงครามการค้า เดินหน้าบุกตลาด มั่นใจได้โอกาสในวิกฤติ
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า จากการที่สหรัฐประกาศขึ้นภาษีสินค้าจากจีนเพิ่ม 2 ครั้ง มูลค่ารวมกว่า 500,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และจีนประกาศขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐตอบโต้มูลค่าประมาณ 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ นั้น สนค.ประเมินผลกระทบเบื้องต้นในส่วนของการขึ้นภาษีของสหรัฐที่ครอบคลุมสินค้าจีนมูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ พบว่าอาจทำให้มูลค่าการส่งออกไทยลดลงประมาณ 5,600-6,700 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากสินค้ากลุ่มนี้ครอบคลุมรายการที่ไทยส่งออกไปประเทศต่าง ๆ ประมาณร้อยละ 46 โดยตัวเลขดังกล่าวคำนวณจากทั้งการส่งออกไปสหรัฐทดแทนจีน การส่งออกไปจีน และการส่งออกสินค้าที่เป็นห่วงโซ่การผลิตจีนไปยังตลาดอื่น ๆ ที่สำคัญ ได้แก่ ไต้หวัน มาเลเซีย ฮ่องกง เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และเวียดนาม ซึ่งในกลุ่มสินค้า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐดังกล่าวการส่งออกไปสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2 การส่งออกไปจีนมีแนวโน้มลดลงร้อยละ 9.7 และการส่งออกไปประเทศที่ 3 เป็น supply chain ลดลงร้อยละ 7.5 (ทั้งหมดเป็นตัวเลขของไตรมาสแรกปี 62 YoY) ขณะเดียวกันพบว่าการส่งออกไปสหรัฐ อินเดีย และเวียดนาม มีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ในปีนี้ จึงเป็นตลาดที่ต้องเร่งส่งออกทดแทนจุดเปราะบางอื่น ๆ
นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่า เพื่อรับมือกับการส่งออกที่อาจจะลดลง สนค.ได้วิเคราะห์รายการสินค้า พบว่า ไทยมีสินค้าหลายตัวขยายตัวน่าพอใจ เช่น สินค้าเกษตรและอาหาร ผลไม้หลายชนิด เครื่องดื่มหลายประเภท ไก่ เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เป็นต้น ซึ่งกลุ่มสินค้านี้แม้จะมีมูลค่าน้อยไม่อาจชดเชยการหดตัวในสินค้าอุตสาหกรรมได้ทั้งหมด แต่การส่งออกสินค้าเหล่านี้จะมีผลทางจิตวิทยาต่อความเป็นอยู่ของประชาชน เนื่องจากมีผลต่อรายได้ของภาคเกษตรและเอสเอ็มอีจึงควรเร่งผลักดันการส่งออกมากขึ้น สำหรับสินค้ากลุ่มที่การส่งออกอาจลดลงมาก ได้แก่ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์และชิ้นส่วน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการส่งออกโดยนักลงทุนต่างชาติและไทยขนาดใหญ่อาจจะต้องใช้มาตรการลงทุนเป็นเครื่องมือสนับสนุน โดยดึงดูดให้นักลงทุนจากทุกประเทศรวมทั้งจีนมาลงทุนในอีอีซีมากขึ้น แต่ต้องเป็นสินค้าอุตสาหกรรมที่เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่ผลิตสินค้ารุ่นเก่า รวมทั้งอาจขอให้เร่งขยายการลงทุนและ production capacity ในไทยมากขึ้นกว่าปัจจุบัน และให้หาทางส่งออกไปสหรัฐและประเทศอื่นทดแทนการพึ่งตลาดจีน โดยรัฐบาลจะสนับสนุนการกระจายตลาดดังกล่าวอย่างเต็มที่
สำหรับกลุ่มสินค้ายานยนต์อาจได้รับผลกระทบเพิ่มจากมาตรการ safeguard ภายใต้มาตรา 232 ของสหรัฐที่คาดว่าจะประกาศวันศุกร์นี้ รวมทั้งจากความตกลง USMCA ที่มาแทน NAFTA จะมีผลใช้บังคับต้นปี 2563 โดยกำหนดเงื่อนไข local content เข้มงวดขึ้น จากร้อยละ 60.62.5 เป็นร้อยละ 75 อาจจะต้องมีการสนับสนุนให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนของไทยหาทางทำ Joint Venture หรือลงทุนร่วมกับบริษัทต่างชาติที่ลงทุนในสหรัฐฯ หรือเม็กซิโก อยู่แล้ว เพื่อรักษาสัดส่วนในตลาดไว้ สำหรับรายการสินค้าที่สหรัฐประกาศเพิ่มเมื่อคืนวันที่ 13 พฤษภาคมและรายการสินค้าที่จีนประกาศตอบโต้สหรัฐแล้วนั้น สนค.อยู่ระหว่างศึกษาว่ามีรายการใดที่ไทยสามารถแสวงหาโอกาสส่งออกเพิ่มได้ โดยเฉพาะมีสินค้าเกษตรหลายรายการ
นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่า ผลกระทบจากสงครามการค้าไม่ได้กระทบไทยเพียงประเทศเดียว แต่ส่งผลไปทั่วโลกอาจทำให้ปริมาณการค้าโลกหดตัว รวมทั้งส่งผลต่อตลาดเงิน ตลาดทุน และราคาน้ำมัน การขึ้นภาษีตอบโต้กันระหว่างสหรัฐและจีนเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายของประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเช่นไทย โดยรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้นิ่งนอนใจได้เตรียมแนวทางการรับมือไว้ โดยนางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมต่าง ๆ เตรียมพร้อม เช่น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศให้ทำแผนรุกตลาดสินค้าศักยภาพลงลึก และเร่งการพัฒนาการส่งออกผ่านออนไลน์ (e-commerce) กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเตรียมข้อมูลเรื่อง non-tariff measures ที่เป็นอุปสรรคสำคัญที่ควรเร่งเจรจา กรมการค้าต่างประเทศเตรียมมาตรการการค้าชายแดนและการขายข้าว และ สนค.เสนอแนวทางรับมือระยะสั้นและยุทธศาสตร์ระยะกลาง
ทั้งนี้ รมช.พาณิชย์กำลังจะเดินทางไปอินเดีย เพื่อหาลู่ทางการขยายการส่งออกปาล์มน้ำมันเพิ่มเติม โดยอินเดียเป็นตลาดหนึ่งที่จะเพิ่มความสำคัญขึ้น จำเป็นต้องให้ผู้แทนระดับสูงไปกระชับความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง เป็นยุทธศาสตร์ที่ดำเนินการไปได้โดยไม่ต้องรอรัฐบาลใหม่ แต่สำหรับการเจรจา FTA กับประเทศต่าง ๆ จะต้องรอรัฐบาลใหม่
นอกจากนี้ กระทรวงฯ จะเชิญกลุ่มนักลงทุนและผู้ประกอบการขนาดใหญ่ในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์และชิ้นส่วนมาหารือเบื้องต้นก่อน เพราะเป็นกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยมีรองนายกรัฐมนตรี หรือ รมช.พาณิชย์เป็นประธาน ก่อนที่จะมีการประชุมหารือกับทูตพาณิชย์ทั่วโลกในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อกำหนดเป้าหมายส่งออกต่อไป
สำหรับเรื่องที่สหรัฐเพ่งเล็งว่าไทยอาจะเข้าข่ายเป็นประเทศที่เป็น currency manipulator นั้น จากข้อมูลการส่งออกไปสหรัฐของฝ่ายไทย พบว่าแม้จะสูงขึ้นบ้าง แต่ไม่ได้อยู่ในระดับที่เห็นว่าสูงผิดปกติจากเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ตรงกันข้าม เงินบาทไทยค่อนข้างแข็งมากเทียบกับประเทศอื่นในเอเชีย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ยังได้แจ้งเตือนให้ผู้ประกอบการให้เร่งนำเข้าวัตถุดิบและเครื่องจักร และให้มีประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนมาโดยตลอด
นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่า สงครามการค้าครั้งนี้ ไม่ได้มีแต่สหรัฐและจีนที่เจ็บตัว แต่ผลกระทบกระจายไปทั่วโลก เจ็บตัวกันไปไม่มากก็น้อย ซึ่งไม่เป็นการดีกับการค้าโลกที่ยังเปราะบางอยู่ สนค.มองว่าความขัดแย้งของ 2 ประเทศ มีรากเหง้าลึกกว่าเรื่องของการค้า เป็นการแข่งขันด้านเทคโนโลยีและการมีอิทธิพลในทวีปเอเชียด้วย จึงอาจจะเป็นหนังเรื่องยาว ในส่วนของไทยแม้ว่าอาจจะทำให้การส่งออกลดลงบ้างปีนี้ แต่ท่ามกลางปัญหาก็ยังเห็นโอกาสหลายจุด เพราะเศรษฐกิจไทยและการส่งออกไทยมีพื้นฐานที่เข้มแข็ง สินค้าไทยหลายตัวมีมาตรฐานสูงและมีชื่อเสียงในตลาดโลก ขณะนี้เป็นโอกาสที่จะนำสินค้าไทยแทรกเข้าไปในหลายตลาด แม้ว่าระยะสั้นอาจจะต้องมีผลกระทบแรงต่อการส่งออก แต่มั่นใจว่าถ้าทุกภาคส่วนร่วมมือกันก็จะรับมือได้อย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย