กรุงเทพฯ 23 ส.ค. – ธปท. กำชับธนาคารพาณิชย์พัฒนาเทคโนโลยีให้ทันกลโกงของมิจฉาชีพ พร้อมรับมาตรฐานการใช้เทคโนโลยีสแกนม่านตา พิสูจน์ตัวตน
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีมิจาฉาชีพเข้ามาหาประโยชน์จากเทคโนโลยีธุรกรรมทางการเงินใหม่ ๆ ว่า ปัญหาดังกล่าวมีผู้เกี่ยวข้อง 4 กลุ่ม คือ ประชาชน สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ และ หน่วยงานที่กำกับดูแลคือ ธปท. และ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ซึ่งยอมรับว่า เกิดช่องโหว่ใน 4 กลุ่มดังกล่าว โดยเฉพาะภาคประชาชนที่ยังมีความไม่เข้าใจเพียงพอในการรักษาความลับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น Username , Password ที่ต้องเก็บเป็นความลับ ขณะที่สถาบันการเงินจะต้องปิดช่องโหว่ยกระดับเทคโนโลยี โดยเฉพาะการพิสูจน์ตัวตน ให้ทันกับมิจฉาชีพ ที่มีเทคโนโลยีการโจรกรรมที่ซับซ้อนมากขึ้น ขณะเดียวกันผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือจะต้องมีรูปแบบการทำงานที่รัดกุมมากขึ้นด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ หน่วยงานที่กำกับดูแลทั้ง ธปท.และกสทช.จะต้องปรับตัวให้ทันและทำงานร่วมกันเพื่อปิดช่องโหว่ดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ธปท.ได้ออกประกาศให้สถาบันการเงินเสนอช่องทางระบบการพิสูจน์ตัวตนด้วยช่องทางอิเลกทรอนิกส์ เช่น การสแกนลายนิ้วมือ และม่านตา มายังธปท. เพื่อพัฒนาระบบการพิสูจน์ให้ทันสมัยมากขึ้น
ส่วนเรื่องของชดเชยให้กับผู้เสียหาย ต้องพิสูจน์ว่าต้นเหตุที่เกิดความเสียหายมาจากความผิดพลาดของหน่วยงานใด ถ้าหากเกิดจากสถาบันการเงิน จะต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว และที่ผ่านมาพบว่าความเสียหายมักเกิดจากบุคคลใกล้ชิด โดยมีการบอกข้อมูลส่วนตัวให้บุคคลใกล้ชิด.- สำนักข่าวไทย