กรุงเทพฯ 8 พ.ค. – กกร.เตรียมยื่นสมุดปกขาวรัฐบาลใหม่ ฝากผลักดันเศรษฐกิจอุตสาหกรรมประเทศ คาดเสนอ 1-2 เดือนนี้
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า กกร.คาดว่าจะมีการตั้งรัฐบาลใหม่ภายในเดือน มิถุนายนนี้และอย่างช้าไม่เกินกรกฎาคมนี้ ซึ่ง กกร.จะนำเสนอสมุดปกขาว หรือ White Paper เพื่อนำเสนอสิ่งที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลช่วยดำเนินการในการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ของประเทศให้ได้รับการยกระดับให้ดีขึ้น รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และ Ease of Doing Business หรือความยากง่ายในการทำธุรกิจด้วย ตลอดจนเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังต้องการให้รัฐบาลจัดประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ(กรอ.) โดยมีการประชุมอย่างน้อย 3 เดือนครั้ง เพราะในส่วนต่างจังหวัดได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี มีการจัดประชุม กรอ.อยู่แล้ว
สำหรับการจัดทำสมุดปกขาวนั้น ขณะนี้คณะทำงานของ กกร.ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย อยู่ระหว่างจัดทำและจะมีการสรุปรวมเล่มเป็นสมุดปกขาวต่อไป เพราะขณะนี้แต่ละคณะมีข้อมูลอยู่แล้ว
ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของกระทรวงการคลังที่ออกมาล่าสุด ทั้งมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและมาตรการด้านภาษี นั้น กกร.มองว่าเป็นมาตรการช่วยประคองเศรษฐกิจในช่วงรอยต่อทางการเมืองได้ระดับหนึ่ง แต่ทิศทางการใช้จ่ายภายในประเทศหลังจากนี้โดยเฉพาะการลงทุนของภาครัฐและเอกชน ยังคงต้องรอความชัดเจนทางการเมืองและนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่
ด้านภาพรวมเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกปี 2562 จะขยายตัวต่ำกว่าไตรมาส 4 ปี 2561 ที่ขยายตัวร้อยละ 3.7 โดยเป็นผลจากการส่งออกที่หดตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตภาคอุตสาหกรรมให้หดตัวเช่นกัน นอกจากนี้ การท่องเที่ยวก็เติบโตชะลอลง ส่วนหนึ่งจากผลของฐานสูงปีก่อนโดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจีน และเครื่องชี้การใช้จ่ายภายในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนก็ชะลอตัว ส่วนไตรมาส 2 คาดว่าจะไม่ดีเท่ากับปีที่ผ่านมา การส่งออกชะลอตัวลงเป็นผลกระทบจากสงครามการค้า ซึ่ง กกร.ห่วงว่าการส่งออกปีนี้จะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ประเมินว่าการส่งออกจะมียอดส่งออกเดือนละประมาณ 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนช่วงที่เหลือของปี 2562 ที่ประชุม กกร. มองว่าแนวโน้มการส่งออกของไทยจะยังคงถูกกดดันจากทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน ทั้งจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจหลักอย่างสหรัฐ จีน สหภาพยุโรป, ประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีแนวโน้มจะกลับมาปะทุขึ้นอีกครั้งหลังทางการสหรัฐ เตรียมประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ หากการเจรจาไม่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนทิศทางค่าเงินบาทที่ยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวน ส่งผลให้ตลอดปีคาดว่าการส่งออกจะโตร้อยละ 3-5 เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความเสี่ยงจากประเด็นการค้าโลกและปัจจัยภายในประเทศดังกล่าว กกร.จะติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด แต่ขณะนี้ที่ประชุม กกร.ยังคงกรอบประมาณการเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยปี 2562 ไว้ตามเดิม โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะขยายตัวประมาณร้อยละ 3.7-4.0 และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปร้อยละ 0.8-1.2 อย่างไรก็ตาม กกร.ยังมองว่าท่ามกลางเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง แม้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงตาม แต่เศรษฐกิจไทยจะไม่เสียหาย ขณะที่พื้นฐานทางเศรษฐกิจภายในโดยรวมน่าจะดีขึ้น
นายสุพันธุ์ กล่าวว่า ส.อ.ท.ประกาศเป็นเจ้าภาพจัดงาน “Exponential Manufacturing Thailand 2019” การประชุมสุดยอดสู่การพลิกโฉมธุรกิจภาคอุตสาหกรรมครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศไทยและครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้รับความร่วมมือจาก Singularity University (SU) ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญและผู้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีระดับโลกจาก Silicon Valley ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญในการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ฝ่ากับดักการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม โดยงาน “Exponential Manufacturing Thailand 2019” นับเป็นวาระแห่งชาติครั้งแรกที่จะสามารถนำพาภาคอุตสาหกรรมให้มีการพัฒนาและเติบโตแบบก้าวกระโดด รวมทั้งจะสามารถช่วยผลักดันให้ภาพรวมอุตสาหกรรมไทยสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งงานประชุมจะจัดขึ้นวันที่ 15 -16 พฤษภาคม 2562 โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา กกร.ร่วมกับกรมสรรพากรและ 5 หน่วยงานพันธมิตรจัดสัมมนามาตรการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการจัดทำบัญชีให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการมีผู้เข้าร่วม 4,300 คน ใน 10 จังหวัด.-สำนักข่าวไทย