“อนุทิน” พับเพียบหาเสียงเลือกตั้งซ่อมศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ 21 ก.ย.-“อนุทิน” พับเพียบหาเสียงเลือกตั้งซ่อมศรีสะเกษ ขน 4 รัฐมนตรี – 18 สส. อ้อนคนชายแดน “สัญญาแล้วนะ บ่ตั๊ว บ่จุ๊” ขอปักธงยกจังหวัด ประกาศตั้ง 2 คนศรีสะเกษ ไว้ข้างตัว “กวาง ไตรศุลี” นั่งเลขานายกฯ “โต้ง สิริพงศ์” ผู้ช่วย รมต.ประจำสำนักนายกฯ แฉปิดด่านราคามันสำปะหลังขึ้น พอเปิดราคาตก แต่แป้งมันแพง ไม่รู้เอื้อนายทุนโรงแป้งหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศเวทีปราศรัยพรรคภูมิใจไทยที่สำนักงานเทศบาลตำบลโพธิ์กระสัง เพื่อหาเสียงเลือกตั้งซ่อมจังหวัดศรีสะเกษเขต 5 ที่มีนางสาวจินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล หรือครูอีฟ ผู้สมัคร สส. ภูมิใจไทย ลงสมัครในศึกเลือกตั้งซ่อม ที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 กันยายน


โดยที่เวทีปราศรัยมีชาวบ้านในพื้นที่ต่างหอบลูกจูงหลานมาฟังปราศรัย โดยเวทีมี 18 สส.ในพื้นที่จังหวัดภาคอิสานเดินทางมาร่วมปราศรัยด้วย และให้การต้อนรับนายอนุทิน ชาญวีรกูลในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

ทันทีที่มาถึงมีชาวบ้านร่วมไปต้อนรับนายอนุทินถึงที่รถพร้อมถ่ายรูปเซลฟี่และมอบพวงมาลัยดอกไม้ ซึ่งนายอนุทิน ยังได้พารัฐมนตรี เดินทางมาร่วมปราศรัยและพบปะกับชาวบ้านในพื้นที่ด้วยอาทิ นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี / นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม / นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย


จากนั้นนายอนุทิน ขึ้นปราศรัยบนเวที ว่า ทักทายชาวบ้านที่มารอฟังปราศรัยและให้กำลังใจ ก่อนถามว่าจำกันได้หรือไม่ เคยมาเมื่อช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา และทุกครั้งที่มาก็มีแต่ความอบอุ่น ก่อนบอกว่าที่จริงนางสาวจินณ์ตวรรณ ต้องเข้าทำงานในสภาตั้งแต่เดือนที่แล้ว วันนี้ไม่ควรมาหาซึ่งวันนี้ไม่ควรที่จะต้องหาเสียงแต่ควรจะต้องมาขอบคุณแทน ซึ่งครั้งที่แล้วมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรธรรมดาแต่วันนี้มาเป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นนายกรัฐมนตรีที่ชาวศรีสะเกษให้ความไว้วางใจ

นายอนุทินยังได้กล่าวแซวว่าตอนที่เดินทางมาถึงชาวบ้าน เข้ามาจับมือจนน้ำตาไหล แต่ไม่ใช่ดีใจอย่างเดียว แต่น้ำตาไหลเพราะนิ้วซ้นเพราะชาวบ้านบีบมือซะแน่นเลย

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ในวันที่ 28 กันยายนนี้ เราจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่ที่ชื่อ จินณ์ตวรรณ ซึ่งเมื่อก่อนและทุกคนเรียกครูอีฟ ตนก็บอกว่า เค้าเป็นลูกเป็นหลานไม่ให้เรียกครู ให้เรียก “อีอีฟ นังอีฟ ไอ้อีฟ หรือลูกอีฟ” ซึ่งเรากำลังจะมีคนที่ซื่อสัตย์และภักดีกับพวกเรา ไปทำงานในสภาแทน เพื่อให้ทุกคนมีความมั่นใจว่าพวกตนจะรับใช้ชาวศรีสะเกษทั้งหมดและชาวไทยทั้งหมดอย่างเต็มที่


นายอนุทิน บอกต่อว่า มาที่เวทีนี้หลายครั้งแล้ว แต่พี่น้องยังไม่ให้ สส. ต้นเลยสักครั้ง ครั้งนี้ขอให้ไข่แตกเลยได้ไหม “นายกฯขอหน่ะได้หรือเปล่า สัญญาแล้วนะ บ่ตั๊ว บ่จุ๊นะ“

นายอนุทินยังพูดถึงเรื่องการเปิดด่าน ว่า วันนี้มีปัญหามากมายพวกเราอยากให้เปิดด่านหรือปิดด่าน ก่อนจะถามชาวบ้านว่ามีใครอยากให้เปิดด่าายกมือ ก่อนจะพูดแซวว่า “อุ๊ยตายแบบนี้ใครจะให้เปิดเล่า” เพราะชาวบ้านไม่มีใครยกมือเลย ก่อนบอกต่อว่าขนาดชาวขุนหาญ-ชาวภูสิงห์ ยังบอกให้ปิดด่าน แล้วชาวไทยทั้งประเทศก็บอกให้ปิดด่าน

“สุนัขตัวไหนจะกล้าเปิด อย่าว่าแต่สุนัขไม่กล้าเปิดเลย หนูยิ่งไม่กล้าเปิดใหญ่เลย ผมคนไทยนะครับ ผมนายกฯ ของพวกท่านครับ ไม่ใช่นายกฯ ของเพื่อนบ้าน ไม่ใช่นายกฯกัมพูชา” นานอนุทินกล่าว

จากนั้น นายอนุทิน ได้เปิดตัวรัฐมนตรี โดยให้เดินมาอยู่หน้าเวที พร้อมแนะนำตัวทีละคน อาทิ นายโสภณ ซารัมย์ บอกว่าเป็นพี่ใหญ่ของผมอยู่ที่บุรีรัมย์ ก็เป็นคนของพวกเราที่จะมาดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ คนนี้มาคราวที่แล้วจำได้ไหมเป็นขี้ข้าคนไทย เป็นขี้ข้าของศรีสะเกษ เป็นรัฐมนตรีวัฒนธรรม นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย น.ส.จินฒ์วรรณ คนนี้ไม่ต้องบอก เป็น สส.ของศรีสะเกษ นายภราดร ปริศนานันทกุล เขาหล่อกว่า เขาเด็กกว่า แต่ปัญญาไม่เด็ก เขามาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผมไปไหนเขาไปด้วย ดูแลด้านสำนักงบประมาณ เพราะไปที่ไหนที่น้องเดือดร้อนที่ไหน เขาจะเป็นคนแรกที่ทำให้พี่น้องหายเดือดร้อน จากนั้น นายอนุทิน ยังแนะนำตัว 18 สส. พรรคภูมิใจไทย

ช่วงหนึ่ง นายอนุทิน ยังแนะนำ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล ว่า “นี่คือสุดยอดดวงใจของผม ทำงานแทนผม หัวใจคนศรีสะเกษ ก่อนบอกว่า คนนี้มีวลีเด็ด “ถ้าอีนั่นเป็นได้ อีนี่ก็เป็นได้นี่ไงครับ นี่คืออีนี่ ของคนศรีสะเกษ ช่วงนี้ขอขโมยตัวจากพี่น้องชาวศรีสะเกษ เพราะผมทำหน้าที่นายกฯ แล้ว ขอเอาคนศรีสะเกษมาเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีโอเคไหม” เพราะฉะนั้นพี่น้องชาวศรีสะเกษเห็นหรือยังว่า ”ภูมิใจไทยพูดแล้วทำว่าวแล้วเฮ็ด“

ต่อมานายอนุทินยังแนะนำ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ว่า เป็นคนที่จะเป็นกระบอกเสียง เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี เป็นพวกชอบปิดทองหลังพระ ชอบทำงานอยู่ข้างหลัง ผมทำงานกับเขา สั่งงานกับโต้ง สั่งอะไรไป สั่งวันนี้เสร็จเมื่อวาน ทำตามผมทุกอย่าง ทุกครั้งโต้งจะตะโกนกลับมาว่าเสร็จแล้วครับท่าน สิ่งที่ยากที่สุดคือหาตัวไม่ค่อยเจอ โทรทีก็ต้องโทรกลับ แต่เขาคือคนคุณภาพของคนศรีสะเกษ

นายอนุทิน บอกว่า ที่พามานี่ดีนะยังไม่ถึง 1 ใน 5 ของพรรคที่มีอยู่ แต่มาวันนี้เพื่อมาพบกับพ่อแม่พี่น้อง ให้เกิดความมั่นใจว่า หลังจากนี้สภาเหลือ 4 เดือน เพราะเรามีสัญญาไว้กับทุกคนว่าเราจะให้มีการเลือกตั้งใหม่ และมั่นใจว่าคนศรีสะเกษรักเรา ขอให้พี่น้องชาวศรีสะเกษจุดประกายไฟเขต 5 ให้ภูมิใจไทย ปีหน้าเลือกตั้งใหม่ขอยกจังหวัดศรีสะเกษ พวกเราจะได้ทำให้ฝันของพี่น้องเป็นจริงทุกอย่าง

นายอนุทิน บอกอีกว่า ตั้งแต่ปิดด่านชายแดน ราคามันสำปะหลังขึ้น คราวที่แล้วที่มาเปิดๆ ปิดๆ มันสำปะหลังราคาตกเหลือ 80 สตางค์ วันนี้พอพวกตนเข้ามาทำงานบอกว่าเรื่องทหารให้ทหารว่าไป ทหารก็บอกว่าไม่เปิดด่าน คนไทยยังไม่ให้เปิดด่าน พี่น้องยังไม่ให้เปิดด่าน เพราะฉะนั้นต้องปิดด่าน ซึ่งตอนนี้ราคามันสำปะหลังก็ขึ้นไปถึง 2 บาทกว่า เพราะ ถ้าเปิดด่านจะมีคนลักลอบเอาสินค้าพืชผลทางการเกษตรจากนอกประเทศเข้ามา ราคาพืชผลทางการเกษตรก็จะตกต่ำ

“ผมว่ามันต้องมีเอื้อนายทุนพวกเจ้าของโรงแป้งมันถูกไหม เพราะเขาจะได้ซื้อมันถูก แต่ราคาแป้งไม่ได้ลดลง เราก็ยังซื้อแพงเหมือนเดิม เราต้องปิดด่านต่อไป ประโยชน์จะเกิดขึ้นกับใครนอกจากพี่น้องประชาชนทุกคน” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทินบอกต่ออีกว่า ส่วนหลังจากที่เข้าไปทำงานแล้ว จะเป็นเวลาเหมาะกันพอดี หากพี่น้องเลือกนางสาวจินณ์ตวรรณเข้าไปเป็น สส. ตรงกับพวกตนเข้าไปทำงาน เป็นรัฐบาล โครงการคนละครึ่งก็กลับมาภายใน 1 เดือน เป็นนโยบายที่จะทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปได้ รัฐบาลมีเวลาไม่นาน จึงจะต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า / ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาก็ต้องแก้ไข / ปัญหาพืชผลทางการเกษตร / ปัญหายาเสพติดไม่ต้องห่วง

“พวกผมเป็นตำรวจ ผมไปดูมหาดไทย ไปดูความมั่นคงก็จะเร่งปราบปรามปัญหายาเสพติดให้เต็มที่ เรื่องของเศรษฐกิจ โครงการคนละครึ่ง หากใครเสียภาษีก็จะได้เพิ่มมากขึ้นเป็น 60:40 แต่คนที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษีก็ยังได้คนละครึ่งเหมือนเดิม เป็น 50:50 จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น มีการอุดหนุน ดูแลกันเอง เศรษฐกิจก็จะเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นสิ่งที่ผมให้ความมั่นใจกับพี่น้องว่า เราจะเข้าไปทำ ภูมิใจไทยพูดแล้วทำอยู่แล้ว” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทิน ย้ำในช่วงท้ายบนเวทีปราศรัย ว่า ส่วนการเลือกตั้งในสัปดาห์หน้า ผมคิดว่าพ่อแม่พี่น้องมั่นใจได้ว่าจะเป็นการเลือกตั้งที่ขาวสะอาด เพราะ 2 เดือนที่แล้ว ผมเพิ่งถูกไล่ออกจากรัฐบาล ตอนนั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่เขาจะเอากระทรวงคืน และขอให้ออกไปเป็นฝ่ายค้าน

“ตอนนั้นผมก็มาเป็นฝ่ายค้าน มีการเลือกตั้งซ่อมผมก็มาแบบฝ่ายค้าน พี่น้องก็ยังเต็มเวทีหมด แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่มาซักคน วันนี้ผมมาเป็นรัฐบาลแล้ว พี่น้องก็ยังมา “ผมไม่กังวล เสียงของพ่อแม่พี่น้องก็เป็นเสียงบริสุทธิ์แน่นอน ผมไม่กังวลว่าใครจะมามีอิทธิพลทำให้พ่อแม่พี่น้องเปลี่ยนใจไปได้ พ่อแม่พี่น้องตั้งใจเลือกเบอร์ 2 อยู่แล้วใช่หรือไหม สัญญาแล้วนะ ให้ผมพูดแล้วทำใช่ไหม พี่น้องต้องพูดแล้วทำด้วยนะ”นายอนุทิน กล่าว

ขณะที่เวทีปราศรัย ยังมีนายสนอง เทพอักษรณรงค์ สส.บุรีรัมย์ เขต 1 พรรคภูมิใจไทย ขึ้นกล่าวทักทายและวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลชุดเก่า ในเรื่องของการช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบระหว่างชายแดนไทยกัมพูชา

นอกจากนี้ยังมีในส่วนของนายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาร่วมให้กำลังใจและขึ้นปราศรัยครั้งนี้ด้วย โดยเริ่มจากการกล่าวทักทายพระแม่พี่น้อง โดยยืนหยัดจุดเด่นยี่ห้อภูมิใจไทย คือการพัฒนาบ้านของตัวเองก่อน โดยระบุว่า ไม่กังวลใจหากถูกคนอื่นด่าในสภาฯ ว่าเอะอะอะไรก็เอางบประมาณไปลงแต่บ้านตัวเอง ซึ่งมันก็ไม่แปลก เพราะสุดท้ายคือประชาชนที่เลือกมาได้ผลประโยชน์

ขณะที่นางสาวจินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล ผู้สมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ศรีสะเกษเขต 5 กล่าวปราศรัยบนเวที ว่า มีความยินดี ที่ได้มีโอกาสได้มาเจอพ่อแม่พี่น้อง และมีสมาชิกพรรคภูมิใจไทย เดินทางมาให้กำลังใจและช่วยหาเสียง โดยมีนายอนุทินชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี เดินทางมาให้กำลังใจ และมีความพร้อมที่จะมารับใช้ประชาชน

โดยนางสาวจินณ์ตวรรณ ย้อนไปถึงเหตุการณ์ คลิปเสียงการสนทนากับอังเคิล ซึ่งพรรคภูมิใจไทยพยายามให้ลาออก จากนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ยอมลาออก จนกระทั่งศาลรัฐธรรมนูญมีการวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในขณะที่พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคอันดับ3 ซึ่งมีแคนดิเดตอยู่ในบัญชีรายชื่อ ซึ่งมีโผคณะมนตรี ในรัฐบาล 4 เดือน แต่จัดเต็มแน่นอน เนื่องจาก ทุกการทำงานมีเป้าหมาย ซึ่งเป้าหมายของตนเองคือชัยชนะ แต่เป้าหมายไม่สำคัญเท่าในระหว่างทางที่เดินทาง ที่ได้พบญาติพี่น้อง

ส่วนตัวมีความตั้งใจอยากจะสะท้อนในประเด็นเรื่องของปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา พี่น้องจังหวัดศรีสะเกษ มีการอพยพออกจากบ้าน และขาดรายได้จากการที่อพยพออกไปแล้วยังไม่สามารถกลับมาทำงานได้ ซึ่งมีงบประมาณในการช่วยเหลือเยียวยาหลายจุด ที่ทางชาวบ้านยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ แต่ไม่มีคนเรียกร้องสิทธิ์ให้พี่น้องประชาชน

นอกจากนี้ยังคงต้องเร่งแก้ปัญหาระหว่างชายแดน ด้วยการนำเสียงสะท้อนในสภาฯ จากตนเองที่เคยเป็นครูอยู่ชายแดน ตอนนี้ผันตัวมาเป็นนักการเมือง ก็มีความพร้อม ที่จะสะท้อนปัญหาเรื่องของชายแดน ให้มีการขีดเส้นกั้นระหว่างสองชายแดน เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาเกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะปฏิเสธไม่ได้ ว่าที่ดินของไทย อยู่ติดกับที่ดินกัมพูชา และขอเป็นตัวแทนในการ ผลักดันประเด็นเรื่องการสร้างรั้วกั้นแนวชายแดน

ที่สำคัญตนเองอยากใกล้ชิดกับประชาชน โดยมี LINE OFFICIAL ที่สามารถแจ้งปัญหา พูดคุยกันง่ายๆ โดยไม่ต้องมีพิธีรีตอง เพื่อให้เกิดความใกล้ชิดเหมือนสมัยที่พ่อตนเองดำรงตำแหน่งเป็น สส.ศรีสะเกษ และขอคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชนให้เลือกตนเองเป็น สส.ศรีสะเกษ เขต5 ในวันที่ 28 กันยายน 2568 นี้ อยากให้พี่น้องออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งเพื่อเลือกตัวแทนไปสะท้อนปัญหาในสภาผู้แทนราษฎร

ภายหลังการปราศรัยเสร็จสิ้น นายอนุทิน ยังได้นั่งพับเพียบบนเวที แล้วก้มลงถ่ายรูปเซลฟี่กับชาวบ้านอย่างเป็นกันเอง ขณะที่นางสาวซาบีดา ก็นั่งพับเพียบถ่ายรูปกับชาวบ้านเช่นเดียวกัน ก่อนที่ลงมาพบปะพี่น้องประชาชนอีกครั้ง ส่วนบรรยากาศข้างล่างเวที ก็มีชาวบ้านหลายคน แห่เข้ามาถ่ายรูปกับ นางสาวธนนนท์ นิรามิษ ภริยาของนายอนุทินด้วย บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ยกอำนาจให้ทหารตัดสินใจ เปิดด่าน-สร้างรั้วชายแดน

ศรีสะเกษ 21 ก.ย.- “อนุทิน” ยกอำนาจให้ “ทหาร” ตัดสินใจ ‘เปิดด่าน-สร้างรั้วชายแดน’ ลั่น ขอหนุนทหารปักธงไทยให้คนไทยชื่นใจ ส่วนรัฐบาลขอเดินหน้าการทูต ยันไม่มีใครล็อบบี้ได้ ส่วนการเจรจาจะทำหลังยุติเหตุก่อกวน จ่อคุมเข้มพื้นที่เพิ่มเติม นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการปิดด่านและการสร้างรั้วตามแนวชายแดนไทย กัมพูชา โดยระบุว่า ได้ทำความเข้าใจกับการทหารแล้ว ว่าเมื่อตนได้เข้ารับตำแหน่งฝ่ายบริหารประเทศเมื่อไหร่ ก็จะให้ทหารได้ตัดสินใจเต็มที่ รัฐบาลที่กำลังเข้ามาจะให้การสนับสนุน เคารพการตัดสินใจของฝ่ายการทหาร ส่วนรัฐบาลจะทำเรื่องการทูต และเงื่อนไขที่ต้องเจรจาต่าง ๆ นายอนุทิน ย้ำว่า ต้องมีความชัดเจนว่าเราไม่ยอมรับเงื่อนไข แต่เขาต้องยอมรับเงื่อนไขเราเท่านั้น จึงจะดำเนินการเรื่องอื่นต่อไปได้ ตนอยากให้มีความชัดเจนในตรงนี้ เพราะที่ผ่านมามีการคาดคะเนหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผู้นำต่างประเทศโทรมาล็อบบี้ตน “ ผมล็อบบี้ไม่ได้หรอกครับ ผมไม่มีใครมาล็อบบี้ได้ ผมต้องทำให้กับคนคนไทย ประเทศไทยเท่านั้น ไม่มีการต่อรองใด ๆ จนกว่าเขาจะรับเงื่อนไขที่เราตั้งไว้”นายอนถทิน กล่าว ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงการจัดการของรัฐบาล เนื่องจากยังมีอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) บินวนอยู่รอบภูมะเขือ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องการทหารขอให้ทหารตัดสินใจ อยากปักธงไทยตรงไหน ขอให้ไปปักให้คนไทยได้ชื่นใจ ในที่ที่เป็นของคนไทย […]

แก๊งค้ายาขนไอซ์ 450 กก. ซิ่งรถชนเกาะกลางถนน จ.อุดรธานี

อุดรธานี 21 ก.ย.-แก๊งยาเสพติดซิ่งรถยนต์ชนเกาะกลางถนน ในพื้นที่ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบถึงกับอึ้ง พบไอซ์ 450 กก. ซุกอยู่ในกระสอบหลังรถ ส่วนคนในรถอาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีไปได้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อคืนที่ผ่านมา 22.30 น. เจ้าหน้าที่รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์เสียหลักชนวงเวียนบ้านเหล่าอุดม ต.บ้านจันทน์ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ที่เกิดเหตุพบรถยนต์อเนกประสงค์ สภาพด้านหน้าพังยับเยิน และไม่พบตัวคนขับอยู่ในจุดเกิดเหตุ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการตรวจค้นภายในรถ ที่เบาะนั่งด้านหลัง ถึงกับอึ้ง เพราะพบกระสอบ 9 ใบ อัดแน่นอยู่ด้านหลัง ตรวจสอบภายในกระสอบ มีห่อพลาสติกใสและถุงสีฟ้าลายเสือดาวรวม 448 ห่อ น้ำหนักกว่า 448 กิโลกรัม ภายในห่อมีผลึกขาวใส ลักษณะผลึกคล้าย ไอซ์ นอกจากนี้ ยังพบบัตรประชาชน นายสุทธิโชค อายุ 17 ปี ชาว อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ตรวจสอบพบ มีประวัติคดียาเสพติด 3 คดี ส่วนทะเบียนรถ […]

อุดพนังกั้นน้ำสำเร็จ น้ำท่วมหล่มสักเริ่มคลี่คลาย

เพชรบูรณ์ 21 ก.ย.-น้ำท่วมตัวอำเภอหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ รวมทั้งย่านการค้า เริ่มลดลงแล้ว หลังเจ้าหน้าที่อุดพนังกั้นน้ำที่พังลงมาได้สำเร็จ และน้ำในแม่น้ำป่าสักลดลง จุดที่พนังกั้นน้ำริมแม่น้ำป่าสักแตกยาวกว่า 10 เมตร ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมเขตเศรษฐกิจ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่สามารถปิดพนังกั้นน้ำที่พังลงมาได้แล้ว แม้จะยังไม่ 100% ทำให้ยังมีน้ำรั่วซึมเข้ามาบ้าง แต่ช่วยลดปริมาณน้ำจากแม่น้ำป่าสักที่ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนและอาคารร้านค้าหลายร้อยหลังในย่านการค้าของหล่มสักลงได้ ส่งผลให้น้ำที่ท่วมหลายจุดตั้งแต่เมื่อวานลดลง บางจุดเริ่มเห็นผิวถนนแล้ว และคาดว่าจะลดลงต่อเนื่อง หลังระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักที่ไหลผ่านตัวอำเภอหล่มสัก ลดลงเฉลี่ยชั่วโมงละ 10 เซนติเมตร จนต่ำกว่าพนังที่ทางเทศบาลเสริมขึ้นมาแล้ว แต่ยังมีบ้านเรือนตามชุมชนที่อยู่ริมน้ำใกล้จุดพนังแตก ถูกน้ำท่วมขังอยู่บ้าง ขณะที่ชาวบ้านหลายครอบครัวเร่งนำข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกน้ำท่วมเสียหายออกมาล้างทำความสะอาด เร่งล้างคราบโคลนภายในบ้านกันบ้างแล้ว หลังต้องเจอน้ำท่วมหนักถึง 2 รอบ ในช่วง 3 สัปดาห์ และกว่าจะอุดพนังกั้นน้ำที่พังลงมาได้สำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความพยายามตลอดทั้งคืน ระดมกำลังคนและเครื่องจักรหนักเข้ากู้สถานการณ์ อุดรอยรั่วซ่อมพนังกั้นน้ำ ตรงข้ามสวนดงตาล ที่พังลงมายาวกว่า 10 เมตร โดยใช้แบริเออร์ กระสอบทรายบิ๊กแบ็ก วางอุดรอยรั่วได้สำเร็จ แม้ตอนนี้ยังคงมีน้ำรั่วซึมเข้ามาจากจุดพนังแตกอยู่บ้าง แต่หากระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักลดลงอย่างต่อเนื่องแบบนี้ คาดว่าสถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองหล่มสักจะลดลงต่อเนื่อง.-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้แจงปมกัมพูชาประท้วงไทย ย้ำพื้นที่อยู่ในเขตไทย

กทม. 21 ก.ย.-กองทัพบก ชี้แจงปมกัมพูชาประท้วงไทย ย้ำพื้นที่อยู่ในเขตไทย ไม่ใช่พื้นที่พิพาท กรณีกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ออกแถลงการณ์เมื่อ 20 ก.ย.68 ระบุว่า “กัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงและคัดค้านอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลไทย เกี่ยวกับเจตนาที่จะใช้กฎหมายภายในประเทศของไทยกับพลเมืองกัมพูชาในหมู่บ้านโจกเจย และหมู่บ้านไปรจัน ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย โดยมีรายละเอียดกล่าวหาฝ่ายไทยว่า ฝ่ายไทยอ้างสิทธิ์ใช้กฎหมายภายในประเทศกับพลเมืองกัมพูชาในพื้นที่พิพาท โดยการอ้างสิทธิ์ดังกล่าวของไทยละเมิดพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ (มาตรา 2(3) และ 2(4)) เป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ MOU 2000 ว่าด้วยการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบก ขัดต่ออำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ขอเรียกร้องให้ไทยยุติกิจกรรมที่บ่อนทำลายความพยายามลดความตึงเครียด ตามข้อตกลงหยุดยิง พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงต่อกรณีนี้ว่า ฝ่ายไทยมีสิทธิและหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศกับบุคคลที่อยู่ในเขตดินแดนของไทย ซึ่งเป็นหลักการสากลที่ทุกประเทศยอมรับ และขอยืนยันว่า พื้นที่ที่ฝ่ายไทยอาจจำเป็นต้องดำเนินการก่อนนั้น ไม่ได้อยู่ในเขตของพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ อย่างที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือน แต่อยู่ในเขตอธิปไตยของประเทศไทยอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักอธิปไตยของรัฐ ส่วนเรื่องพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ ในมาตรา 2(3) ที่ได้ระบุไว้ว่า “รัฐสมาชิกต้องระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศด้วยวิธีสันติ เพื่อไม่ให้สันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศตกอยู่ในอันตราย” นั้น ในความเป็นจริงกลับพบว่า ฝ่ายกัมพูชามักจะเป็นผู้ละเมิด อย่างกรณีการปลุกปั่น จัดฉาก […]