ยามากาตะ, ญี่ปุ่น 21 ก.ย. – จังหวัดยามากาตะ ซึ่งถิอเป็นศูนย์กลางของผู้ที่ชื่นชอบราเม็งของญี่ปุ่น กลุ่มนักวิจัยเสนอผลการศึกษาที่ชี้ว่า การบริโภคอาหารจานเส้นที่เป็นที่รักนี้ 3 ครั้งหรือมากกว่าต่อสัปดาห์อาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพ
สำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า การศึกษาร่วมกันที่จัดทำโดยมหาวิทยาลัยหลายแห่งในจังหวัดยามากาตะทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีการบริโภคราเม็งสูงที่สุดในญี่ปุ่น พบว่าผู้ที่รับประทานราเม็งเป็นประจำมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตสูงกว่าผู้ที่กินเพียงสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งประมาณ 1.5 เท่า
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยย้ำว่าผลการศึกษาดังกล่าวยังไม่มีนัยสำคัญทางสถิติที่มากพอจะสรุปได้ว่าราเม็งเป็นอันตรายอย่างชัดเจน และตั้งข้อสังเกตว่าจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความเชื่อมโยงระหว่างพฤติกรรมการกินบะหมี่บ่อยครั้งกับผลลัพธ์ด้านสุขภาพ
การศึกษานี้ได้ติดตามผู้อยู่อาศัย 6,725 คนในจังหวัดยามากาตะที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป เป็นเวลาประมาณ 4 ปีครึ่ง โดยแบ่งกลุ่มผู้เข้าร่วมตามความถี่ในการกินราเม็ง ตั้งแต่ “น้อยกว่าเดือนละครั้ง” ไปจนถึง “3 ครั้งหรือมากกว่าต่อสัปดาห์” และปรับค่าสถิติเพื่อนำปัจจัยด้านสุขภาพและไลฟ์สไตล์อื่น ๆ มาร่วมพิจารณาด้วย ผลปรากฏว่ากลุ่มที่มีความเสี่ยงเสียชีวิตต่ำที่สุดคือผู้ที่กินราเม็งสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
สำหรับบางกลุ่มความเสี่ยงจะเพิ่มสูงขึ้น ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 70 ปีที่กินราเม็ง 3 ครั้งหรือมากกว่าต่อสัปดาห์มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตสูงกว่าผู้ที่กินสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งถึงกว่าสองเท่า และคนรักราเม็งที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำร่วมด้วย ความเสี่ยงของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นไปอีกถึง 2.7 เท่า
นายซึเนโอะ คอนตะ ศาสตราจารย์จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยยามากาตะ กล่าวว่า การศึกษานี้ไม่ได้หมายความว่าการกินราเม็งเป็นอันตรายเสมอไป เขาแนะนำว่าไม่ควรซดน้ำซุปเค็ม ๆ ที่ก้นชาม และแนะนำให้รับประทานอาหารที่สมดุลทางโภชนาการด้วย
ผลการวิจัยดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร “เดอะ เจอร์นัล ออฟ นิวทริชัน เฮลธ์ แอนด์ เอจจิ้ง” (The Journal of Nutrition, Health and Aging) เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย