ปัตตานี 24 ส.ค.- ชุดอีโอดีเก็บหลักฐานเหตุระเบิด 2 จุดปัตตานีเมื่อคืนที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 1 เจ็บอีกนับสิบราย ด้าน “พ.อ.ปราโมทย์” ประณามผู้ก่อเหตุไร้มนุษยธรรม ส่งผลกระทบผู้บริสุทธิ์ เผย มทภ.4 ห่วงสั่งเร่งเยียวยา ตามจับมือวางระเบิดให้ได้
เมื่อเวลา 09.00 น. (24 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดพร้อมชุดพิสูจน์หลักฐานภูธรจังหวัดปัตตานี เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อหาเบาะแสของผู้ก่อเหตุลอบวางระเบิด 2 จุด เมื่อคืนที่ผ่านมา (23 ส.ค.) บริเวณหน้าโรงแรมเซาท์เทิร์นวิว ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี ทำให้อาคารพาณิชย์ ร้านค้า และอาคารใกล้เคียง รวมทั้งรถยนต์รถจักรยานยนต์ของประชาชนได้รับความเสียหาย ส่วนจุดที่ 2 เป็นระเบิดซุกซ่อนไว้ในรถยนต์นำมาจอดไว้ข้างโรงแรม
ด้าน พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า เหตุระเบิด 2 ครั้ง เกิดขึ้นเมื่อเวลา 22.30 น. บริเวณลานจอดรถโรงแรมเซาท์เทิร์นวิว ต.ดอนรัก อ.เมือง จ.ปัตตานี ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และต่อมาเวลา 23.15 น. เกิดเหตุระเบิดรถยนต์บริเวณหน้าโรงแรมเซาท์เทิร์นวิว ห่างจากจุดแรกประมาณ 70 เมตร ซึ่งโรงแรมดังกล่าวตั้งอยู่ชานเมือง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ น.ส.อรพรรณ ศรีเรือนหัด อายุ 35 ปี และบาดเจ็บอีก 29 ราย จากการตรวจสอบพบว่ารถที่ผู้ก่อเหตุนำมาใช้ซุกซ่อนระเบิดในจุดที่ 2 นั้นเป็นรถพยาบาลขโมยมาจากสถานพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดปัตตานี เพื่ออำพรางตาเจ้าหน้าที่ ถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายรับไม่ได้ เพราะรถพยาบาลถือเป็นสัญลักษณ์ของการช่วยเหลือชีวิต แต่กลับถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงนำมาเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด
“การกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำที่มีเป้าหมายในการทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งมีทั้งเด็กและผู้หญิง การกระทำครั้งนี้เป็นการกระทำที่สุดโต่งไร้มนุษยธรรม หวังเพียงเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มตนเอง โดยมิได้คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์”
พันเอกปราโมทย์ กล่าวว่า พลโทวิวรรธน์ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ขอแสดงความเสียใจมายังผู้สูญเสียและผู้ได้รับบาดเจ็บรวมถึงผู้ประกอบกิจการที่ต้องสูญเสียทรัพย์สิน จึงกำชับให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลและเยียวยาตามระเบียบของทางราชการ รวมทั้งสั่งการให้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมทั้งมาตรการด้านการข่าวเพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย