เดินทางสงกรานต์คึกคัก ยอดใช้น้ำมัน 100 ล้านลิตร/วัน

16 เม.ย.-เดินทางสงกรานต์คึกคัก ยอดใช้น้ำมันเฉลี่ยต่อวันสูงถึง 100 ล้านลิตร คนเดินทางขนส่งสาธารณะไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน



ผลพวงจากการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา มีข้อมูลจากนางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ว่าการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นกว่าช่วงปกติประมาณร้อยละ 4-5 และส่งผลให้ยอดการใช้น้ำมันเฉลี่ยเพิ่มขึ้นสร้างสถิติสูงสุด โดยกลุ่มเบนซินมียอดใช้ประมาณ 32 ล้านลิตรต่อวัน กลุ่มดีเซลประมาณ 68 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งเป็นผลมาจากการเดินทางกลับภูมิลำเนาและการเดินทางท่องเที่ยว 


อย่างไรก็ตาม ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ที่มีการใช้น้ำมันกันจำนวนมากก็เป็นข่าวดี เพราะผู้ค้าน้ำมันได้ประกาศตรึงราคาน้ำมันเพื่อให้ผู้ที่เดินทางมีความสุขกับการเดินทางท่องเที่ยวและเล่นสงกรานต์ และเป็นโชคดีอีกอย่างหนึ่ง คือ ช่วงสงกรานต์ ราคาน้ำมันในตลาดสิงคโปร์ มีการปรับขึ้น-ลงไม่มากนัก และล่าสุดราคาปิดเมื่อวานนี้ (15 เม.ย.62) ลดลงมาด้วย ซึ่งจะเป็นผลดีต่อราคาขายปลีกในประเทศไทย เนื่องจากเป็นราคาที่ผู้ค้าน้ำมันในไทยใช้ในการอ้างอิง

สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางและต้องพึ่งพารถโดยสารสาธารณะ เมื่อวานและวันนี้ คาดว่าน่าจะเป็นวันที่มีการเดินทางด้วยรถโดยสารมากที่สุดในการเดินทางกลับจากต่างจังหวัดเข้าสู่กรุงเทพฯ ซึ่งนายจิรศักดิ์ เยาว์วัชสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. บอกว่า เมื่อวานนี้ (15 เม.ย.) มีประชาชนเดินทางเข้ากรุงเทพฯ กว่า 131,000 คน โดย บขส.ได้จัดเที่ยววิ่งเกือบ 7,000 เที่ยวให้บริการแก่ประชาชน ส่วนวันนี้ (16 เม.ย.) ประมาณการว่าจะมีประชาชนเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ กว่า 164,000 คน มากกว่าเมื่อวานนี้ ทำให้ บขส.ได้จัดเที่ยวรถเพิ่มเป็นกว่า 8,100 เที่ยว มีทั้งรถ บขส.เอง รถร่วมและรถตู้โดยสาร


อีกช่องทางการเดินทางอย่างรถไฟ การรถไฟแห่งประเทศไทย บอกว่า เมื่อวานนี้ (15 เม.ย. )มีผู้โดยสารเดินทางด้วยรถไฟเข้ากรุงเทพฯ ประมาณ 123,000 คน และคาดว่าวันนี้ (16 เม.ย.) จะมีผู้โดยสารเดินทางด้วยรถไฟประมาณ 112,000 คน และการรถไฟฯ ได้จัดขบวนรถพิเศษเข้ากรุงเทพฯ 4 ขบวน รองรับผู้โดยสารให้มากขึ้น

ที่คึกคักไม่แพ้กัน การเดินทางอีกประเภทหนึ่งคือ เครื่องบิน เพราะช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2562 ทั้งเดินทางในประเทศและต่างชาติเข้ามาเที่ยวสงกรานต์และคนไทยออกไปเที่ยวต่างประเทศช่วงวันหยุดยาว โดยเฉพาะ 2 สนามบินที่มีคนเดินทางจำนวนมาก อย่างสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง โดยช่วง 9 -18 เมษายน เฉพาะที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีการประเมินว่า มีผู้โดยสารใช้บริการรวมกันกว่า 1.89 ล้านคน หรือ เฉลี่ยวันละ 189,000 คน ส่วนใหญ่เป็นการเดินทางระหว่างประเทศกว่า 1.57 ล้านคน และเดินทางภายในประเทศประมาณ 319,000 คน หากเปรียบเทียบกับช่วงสงกรานต์ของปีที่แล้ว พบว่าจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 3 ส่วนที่สนามบินดอนเมือง  ช่วงวันที่ 11-17 เมษายน มีผู้โดยสารใช้บริการเฉลี่ยวันละประมาณ 138,000 คน รวมทั้งหมดเกือบ 1 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ18 ซึ่งที่ดอนเมืองจะเป็นการเดินทางภายในประเทศ เป็นส่วนใหญ่ประมาณ 500,000 คน และเดินทางระหว่างประเทศ ประมาณ 459,000 คน

ภาพรวมการเดินทางในช่วงสงกรานต์ 2562 หากเป็นรถโดยสารสาธารณะในความรับผิดชอบของ บขส. ประมาณ 1.3 ล้านคน เดินทางด้วยรถไฟประมาณ 9 แสนคน เดินทางด้วยเครื่องบิน ผ่านสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 1.89 ล้านคน และสนามบินดอนเมืองประมาณ 9.6 แสนคน

ททท.ระบุว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ นักท่องเที่ยวชาวไทยมีการเดินทางท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 3 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ไม่ต่ำกว่า 500,000 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 ส่วนใหญ่เป็นการเดินทางเข้ามาของกลุ่มอาเซียน จีน ไต้หวัน อินเดีย ฮ่องกง เกาหลีและญี่ปุ่น

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของนักท่องเที่ยวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2562 สร้างรายได้สู่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องประมาณ 28,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 แบ่งเป็นไทยเที่ยวไทย 12,200 ล้านบาท และต่างชาติเที่ยวไทย 15,800 ล้านบาท เงินสะพัดช่วงแต่ละเทศกาลก็เป็นเรื่องที่ดีในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเศรษฐกิจในภูมิภาค แต่ถ้าทำให้เกิดการหมุนเวียนการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่องได้ตลอดทั้งปี ก็จะน่าจะเป็นเรื่องที่ชาวบ้าน โดยเฉพาะในต่างจังหวัดอยากให้เกิดขึ้นไม่เฉพาะช่วงเทศกาลอย่างสงกรานต์เท่านั้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]

“ภูมิธรรม” บอกตั้ง “บุ๋ม ปนัดดา” สมน้ำสมเนื้อกับ “มาลี”

กทม. 9 ส.ค. – “ภูมิธรรม” บอกตั้ง “บุ๋ม ปนัดดา” เป็นโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา สมน้ำสมเนื้อกับ “มาลี” ชี้กองทัพพร้อมประสานข้อมูลเต็มที่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตั้ง น.ส.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี เป็นโฆษกจิตอาสา ศูนย์บริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีความไม่เหมาะสมเรื่องของข้อมูล และความน่าเชื่อถือ ว่า น.ส.ปนัดดา เป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก และมีความสนใจในเรื่องบ้านเมือง ซึ่งข้อมูลด้านการทหารอาจจะรู้ไม่เยอะเท่ากับเจ้าหน้าที่ทหาร แต่มีความตั้งใจ อีกทั้งการเข้ามารับตำแหน่งก็เป็นการเสนอจากผู้บัญชาการเหล่าทัพ ซึ่งต้นคิดว่าเรื่องของการได้ข้อมูล เมื่อทางทหารสนับสนุนก็จะสามารถทำงานได้ดี นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า พลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกลาโหมกัมพูชาเป็นผู้หญิง เราไม่อยากให้รู้สึกเหมือนว่าใช้โฆษกทหารที่เป็นผู้ชายไปโต้แย้ง เราอาจจะเสียเปรียบกว่า ซึ่งเห็นว่า น.ส.ปนัดดา มีความเหมาะสมอยู่แล้ว ส่วนเรื่องข้อมูลก็ให้ประสานกับกองทัพอย่างเต็มที่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ตรงนี้ตนคิดว่าสมน้ำสมเนื้อ เมื่อถามย้ำว่า ข้อมูลที่ น.ส.ปนัดดา จะพูดออกมา เป็นการกลั่นกรองมาจากทางกองทัพใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ประมาณนั้น […]