กทม. 15 มี.ค. – พปชร. ขออย่างกังวลเรื่องแบ่งขั้วการเมือง เพราะเป็นเพียงกลยุทธ์ และวาทกรรมของแต่ละพรรค ไม่อยากให้เป็นเงื่อนไข ย้ำจุดยืนไม่เปลี่ยน เน้นเสนอนโยบายและบุคลากร พร้อมแจงนโยบายต่างๆ หวังยกระดับประเทศ
นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ร่วมกันแถลงข่าว ข่าวชี้แจงกรณีนำเสนอนโยบายด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการดูแลผู้ใช้แรงงานที่ได้มีการประกาศเป็นเพียงหนึ่งในกรอบใหญ่ของนโยบายเศรษฐกิจของพรรค เรียกว่าแนวทางหรือจุดนโยบายเศรษฐกิจประชารัฐ ควบคู่ไปกับสวัสดิการประชารัฐเศรษฐกิจประชารัฐ และสังคมประชารัฐเพื่อให้สังคมไทยเป็นสังคมที่มีความสุข อยู่บนพื้นฐานของประเทศชาติ
นายอุตตม กล่าวว่า กรณีที่พรรคพลังประชารัฐเสนอค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ที่ 400 ถึง 425 บาท หรือวุฒิปริญญาตรีประมาณ 20,000 บาทอาชีวะอยู่ที่ 18,000 บาท ซึ่งทุกอย่างมีเหตุผลคือการปรับค่าแรงให้ทันกับค่าครองชีพซึ่งที่ผ่านมาไม่ค่อยเกิดขึ้น ขณะที่ต่างประเทศมีการปรับให้ค่าแรงดันเทียบเคียงได้กับการอัตราค่าครองชีพ ไม่ได้มีการพูดเพื่อก่อให้เกิดเงินเฟ้อ โดยพรรคจะทำให้เกิดความเหมาะสม ฉะนั้นถ้าวันนี้เชื่อกันว่าเห็นพ้องต้องกันว่าประเทศไทยต้องปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจให้หลุดกับดักรายได้ปานกลางจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันระหว่างภาคเอกชนและผู้ใช้แรงงานโดยต้องเสียสละกันบ้างเพื่อเกื้อกูลกันให้เกิดการพัฒนาขีดความสามารถขององค์กรทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ในเรื่องของความเหลื่อมล้ำก็จะต้องมีการดูแลโดยเฉพาะภาคเกษตรที่พลังประชารัฐจะต้องเข้าไปดูแล แน่นอนว่าก็จะต้องมีคำถามจากผู้ประกอบการนายจ้างว่าเราจะทำกันอย่างไรกับแนวทางนี้ ทุกคนอยากขยับออกจากกับดักรายได้ปานกลางอยากมีเศรษฐกิจโตที่ยั่งยืนและใช้เทคโนโลยีเป็นก็จะต้องมีคนที่มีทักษะที่สอดรับทั้งนี้พรรคพลังประชารัฐเสนอแนวทางในเชิงปฏิบัติที่สามารถทำได้และจะไม่กระทบต่อผู้ประกอบการของเรา แต่ทั้งหมดจะต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการโดยทำเป็นขั้นตอนเชื่อว่าระยะจะเกิดประสิทธิภาพของภาคการผลิตและการบริการซึ่งถือว่าจะทำให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นถือเป็นกุญแจในการยกระดับภาคเศรษฐกิจ
นายอุตตม กล่าวว่าสิ่งที่นายกรัฐมนตรีได้แสดงความห่วงใยเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งได้มีสารออกมาต้องการให้ระมัดระวังในการนำเสนอนโยบายที่จะมีผลกระทบไปทำร้ายหรือผลกระทบต่อประเทศทำได้จริงหรือไม่ ซึ่งเป็นหลักการที่ถูกต้องที่สุด ส่วนพรรคการเมืองแต่ละพรรคมีหน้าที่เสนอนโยบายต่าง ๆ เช่นนั้น ที่จะไม่กระทบหรือสร้างผลเสียที่ติดตามมา ซึ่งพรรคพลังประชารัฐ จึงจะต้องชี้แจงเพิ่มว่าที่ไปที่มาของเราเป็นอย่างไรถึงทำไมเชื่อว่านโยบายของเราไม่ก่อให้เกิดผลเสียตามมาแต่เรามีนโยบายชัดเจนสอดรับสถานการณ์โลกในปัจจุบัน และความเป็นจริงของประเทศ เพื่อขยับประเทศไทยเพื่อให้ไปอยู่ในแถวหน้า ขณะเดียวกันดูแลในเรื่องของความเหลื่อมล้ำของคนไทยในสังคมเชื่อว่าเป็นโจทย์ที่ถูกต้องสิ่งที่นายกรัฐมนตรีเป็นหลักการเดียวกันแต่เราจะใส่ยุทธศาสตร์ลงไปที่ทำได้จริง ไม่ได้บอกว่าขึ้นได้เลย ทั้งนี้ได้รายงานให้นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบ
นายสนธิรัตน์ ยืนยันว่า ไม่ใช่นโยบายประชานิยม แต่ต้องการเปลี่ยนโครงสร้างการแข่งขันทั้งระบบเพื่อยกระดับการแข่งขัน โดยเฉพาะ sme เพื่อให้เท่าทันกับโลกของนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ทั้งนี้ถือเป็นนโยบายพรรคที่ใช้เพื่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ไม่ใช่ทำร้ายผู้ประกอบการ และเป็นนโยบายที่จะเป็นประโยชน์เพื่อต้องการเปลี่ยนผ่านการนำนโยบายนี้ไปปฏิบัติก็จะต้องให้ความสำคัญกับร่วมมือในการพัฒนา 2 ด้านคือด้านการลงทุนในวัฒนธรรมเทคโนโลยี และการลงทุนในคนจึงจะทำงานร่วมกันของรัฐและผู้ประกอบการเพื่อยกระดับให้ผู้ใช้แรงงานมีความสามารถสูงขึ้น
นายอุตตม กล่าวถึงจุดทางการเมืองของพรรคพลังประชารัฐ ในช่วงท้ายที่เริ่มมีการจับขั้วทางการเมืองอย่างชัดเจน โดยยืนยันว่าจุดยืนไม่เคยเปลี่ยน เพราะเน้นนำเสนอนโยบายและบุคลากรของพรรค ส่วนใครจะแบ่งขั้วอย่างไรก็แล้วแต่ แต่พรรคพลังประชารัฐไม่อยากให้เป็นการสร้างเงื่อนไขใดๆ เพราะตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องนำเสนอนโยบาย เพื่อให้ประชาชนได้จัดสินใจ และชี้วัดว่าใครจะเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาล
นายสนธิรัตน์ ระบุว่า การที่พรรคพลังประชารัฐจะพร้อมจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่นั้นยังไม่สามารถตอบได้ ขออย่าให้เป็นเงื่อนไขทางการเมือง เพราะจุดยืนของพรรคพลังประชารัฐคือต้องการเป็นทางออกทางการเมือง จึงต้องรอการตัดสินใจของประชาชน หากพรรคพลังประชารัฐมีคะแนนมากพอในการเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาลก็จะเลือกพรรคการเมืองที่ร่วมมือกันได้ พร้อมขออย่างกังวลเรื่องแบ่งขั้วมากนัก เพราะเป็นเพียงกลยุทธ์ และวาทกรรมทางการเมืองของแต่ละพรรคเท่านั้น
ส่วนกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ ส่งคลิปวีดิโอ พูดคุยกับประชาชนบนเวทีปราศรัย นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เป็นอีกหนึ่งบทบาทการทำงานของพลเอกประยุทธ์ตามคำเรียกร้องของ ประชาชน ซึ่งก็สามารถทำได้โดยไม่ขัดต่อระเบียบใดๆ .-สำนักข่าวไทย