พปชร. ย้ำจุดยืนไม่สร้างเงื่อนไข เน้นเสนอนโยบายและบุคลากร

กทม. 15 มี.ค. – พปชร. ขออย่างกังวลเรื่องแบ่งขั้วการเมือง เพราะเป็นเพียงกลยุทธ์ และวาทกรรมของแต่ละพรรค ไม่อยากให้เป็นเงื่อนไข ย้ำจุดยืนไม่เปลี่ยน  เน้นเสนอนโยบายและบุคลากร พร้อมแจงนโยบายต่างๆ หวังยกระดับประเทศ


นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ร่วมกันแถลงข่าว ข่าวชี้แจงกรณีนำเสนอนโยบายด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการดูแลผู้ใช้แรงงานที่ได้มีการประกาศเป็นเพียงหนึ่งในกรอบใหญ่ของนโยบายเศรษฐกิจของพรรค เรียกว่าแนวทางหรือจุดนโยบายเศรษฐกิจประชารัฐ ควบคู่ไปกับสวัสดิการประชารัฐเศรษฐกิจประชารัฐ และสังคมประชารัฐเพื่อให้สังคมไทยเป็นสังคมที่มีความสุข อยู่บนพื้นฐานของประเทศชาติ

นายอุตตม กล่าวว่า กรณีที่พรรคพลังประชารัฐเสนอค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ที่ 400 ถึง 425 บาท หรือวุฒิปริญญาตรีประมาณ 20,000 บาทอาชีวะอยู่ที่ 18,000 บาท ซึ่งทุกอย่างมีเหตุผลคือการปรับค่าแรงให้ทันกับค่าครองชีพซึ่งที่ผ่านมาไม่ค่อยเกิดขึ้น ขณะที่ต่างประเทศมีการปรับให้ค่าแรงดันเทียบเคียงได้กับการอัตราค่าครองชีพ ไม่ได้มีการพูดเพื่อก่อให้เกิดเงินเฟ้อ โดยพรรคจะทำให้เกิดความเหมาะสม ฉะนั้นถ้าวันนี้เชื่อกันว่าเห็นพ้องต้องกันว่าประเทศไทยต้องปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจให้หลุดกับดักรายได้ปานกลางจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันระหว่างภาคเอกชนและผู้ใช้แรงงานโดยต้องเสียสละกันบ้างเพื่อเกื้อกูลกันให้เกิดการพัฒนาขีดความสามารถขององค์กรทางเศรษฐกิจ


นอกจากนี้ในเรื่องของความเหลื่อมล้ำก็จะต้องมีการดูแลโดยเฉพาะภาคเกษตรที่พลังประชารัฐจะต้องเข้าไปดูแล แน่นอนว่าก็จะต้องมีคำถามจากผู้ประกอบการนายจ้างว่าเราจะทำกันอย่างไรกับแนวทางนี้ ทุกคนอยากขยับออกจากกับดักรายได้ปานกลางอยากมีเศรษฐกิจโตที่ยั่งยืนและใช้เทคโนโลยีเป็นก็จะต้องมีคนที่มีทักษะที่สอดรับทั้งนี้พรรคพลังประชารัฐเสนอแนวทางในเชิงปฏิบัติที่สามารถทำได้และจะไม่กระทบต่อผู้ประกอบการของเรา แต่ทั้งหมดจะต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการโดยทำเป็นขั้นตอนเชื่อว่าระยะจะเกิดประสิทธิภาพของภาคการผลิตและการบริการซึ่งถือว่าจะทำให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นถือเป็นกุญแจในการยกระดับภาคเศรษฐกิจ 

นายอุตตม กล่าวว่าสิ่งที่นายกรัฐมนตรีได้แสดงความห่วงใยเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งได้มีสารออกมาต้องการให้ระมัดระวังในการนำเสนอนโยบายที่จะมีผลกระทบไปทำร้ายหรือผลกระทบต่อประเทศทำได้จริงหรือไม่ ซึ่งเป็นหลักการที่ถูกต้องที่สุด ส่วนพรรคการเมืองแต่ละพรรคมีหน้าที่เสนอนโยบายต่าง ๆ เช่นนั้น ที่จะไม่กระทบหรือสร้างผลเสียที่ติดตามมา ซึ่งพรรคพลังประชารัฐ จึงจะต้องชี้แจงเพิ่มว่าที่ไปที่มาของเราเป็นอย่างไรถึงทำไมเชื่อว่านโยบายของเราไม่ก่อให้เกิดผลเสียตามมาแต่เรามีนโยบายชัดเจนสอดรับสถานการณ์โลกในปัจจุบัน และความเป็นจริงของประเทศ เพื่อขยับประเทศไทยเพื่อให้ไปอยู่ในแถวหน้า ขณะเดียวกันดูแลในเรื่องของความเหลื่อมล้ำของคนไทยในสังคมเชื่อว่าเป็นโจทย์ที่ถูกต้องสิ่งที่นายกรัฐมนตรีเป็นหลักการเดียวกันแต่เราจะใส่ยุทธศาสตร์ลงไปที่ทำได้จริง ไม่ได้บอกว่าขึ้นได้เลย ทั้งนี้ได้รายงานให้นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบ

นายสนธิรัตน์ ยืนยันว่า ไม่ใช่นโยบายประชานิยม แต่ต้องการเปลี่ยนโครงสร้างการแข่งขันทั้งระบบเพื่อยกระดับการแข่งขัน โดยเฉพาะ sme เพื่อให้เท่าทันกับโลกของนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ทั้งนี้ถือเป็นนโยบายพรรคที่ใช้เพื่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ไม่ใช่ทำร้ายผู้ประกอบการ และเป็นนโยบายที่จะเป็นประโยชน์เพื่อต้องการเปลี่ยนผ่านการนำนโยบายนี้ไปปฏิบัติก็จะต้องให้ความสำคัญกับร่วมมือในการพัฒนา 2 ด้านคือด้านการลงทุนในวัฒนธรรมเทคโนโลยี และการลงทุนในคนจึงจะทำงานร่วมกันของรัฐและผู้ประกอบการเพื่อยกระดับให้ผู้ใช้แรงงานมีความสามารถสูงขึ้น


นายอุตตม กล่าวถึงจุดทางการเมืองของพรรคพลังประชารัฐ ในช่วงท้ายที่เริ่มมีการจับขั้วทางการเมืองอย่างชัดเจน โดยยืนยันว่าจุดยืนไม่เคยเปลี่ยน เพราะเน้นนำเสนอนโยบายและบุคลากรของพรรค  ส่วนใครจะแบ่งขั้วอย่างไรก็แล้วแต่  แต่พรรคพลังประชารัฐไม่อยากให้เป็นการสร้างเงื่อนไขใดๆ เพราะตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องนำเสนอนโยบาย เพื่อให้ประชาชนได้จัดสินใจ และชี้วัดว่าใครจะเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาล 

นายสนธิรัตน์ ระบุว่า การที่พรรคพลังประชารัฐจะพร้อมจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่นั้นยังไม่สามารถตอบได้ ขออย่าให้เป็นเงื่อนไขทางการเมือง เพราะจุดยืนของพรรคพลังประชารัฐคือต้องการเป็นทางออกทางการเมือง จึงต้องรอการตัดสินใจของประชาชน หากพรรคพลังประชารัฐมีคะแนนมากพอในการเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาลก็จะเลือกพรรคการเมืองที่ร่วมมือกันได้ พร้อมขออย่างกังวลเรื่องแบ่งขั้วมากนัก เพราะเป็นเพียงกลยุทธ์ และวาทกรรมทางการเมืองของแต่ละพรรคเท่านั้น

ส่วนกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ ส่งคลิปวีดิโอ พูดคุยกับประชาชนบนเวทีปราศรัย นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เป็นอีกหนึ่งบทบาทการทำงานของพลเอกประยุทธ์ตามคำเรียกร้องของ ประชาชน ซึ่งก็สามารถทำได้โดยไม่ขัดต่อระเบียบใดๆ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]