กทม. 6 มี.ค.- ทบ.ฟ้อง “เสรีพิศุทธ์” 2 คดี ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน-หมิ่นประมาท ย้อนเคยเป็นถึง ผบ.ตร. ควรมีมีวุฒิภาวะมากกว่านี้
พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ในฐานะทีมโฆษก คสช. กล่าวถึงการเผยแพร่คลิป พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ต่อว่าการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ขณะลงพื้นที่หาเสียง ในพื้นที่จ.ปราจีนบุรี ว่า กองทัพไทยและกองทัพบกมีภารกิจหลายประการ ตั้งแต่ การป้องกันประเทศ, การรักษาความมั่นคงภายใน, การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ และ การพัฒนาประเทศ
สำหรับกำลังพลที่ปรากฏในภาพข่าวนั้น เป็นกำลังพลนายทหารสัญญาบัตร ซึ่งในห้วงเวลาดังกล่าวอยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ในภารกิจการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ โดยเป็นเจ้าหน้าที่กองร้อยรักษาความสงบ มณฑลทหารบกที่ 12 ซึ่งปฏิบัติงานและปฏิบัติภารกิจตามคำสั่ง คสช. ซึ่งกองร้อยรักษาความสงบ มีภารกิจหลักที่ต้องดำเนินการจำนวน 7 กลุ่มงาน กรอบการปฏิบัติงานหลักคือ การรักษาความสงบเรียบร้อย รักษาความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนรวมถึงการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ
ทั้งนี้ การปฏิบัติภารกิจดังกล่าวเป็นไปตามกรอบที่กฎหมายกำหนด และได้มีการปฏิบัติมาแล้วเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 4 ปี รวมถึงในระหว่างที่ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ลงพื้นที่หาเสียงนั้น เจ้าหน้าที่ดังกล่าว อยู่ในระหว่าง การปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบที่กฎหมายกำหนด โดยปฏิบัติภารกิจในการ สังเกตการณ์ อำนวยความสะดวก และที่สำคัญคือการรักษาความปลอดภัย ให้กับประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้การลงพื้นที่หาเสียงของผู้สมัครแต่ละครั้ง กองทัพบกโดยหน่วยทหารที่มีความรับผิดชอบอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ก็จะจัดเจ้าหน้าที่ลงปฏิบัติงานในลักษณะเช่นเดียวกันอย่างเท่าเทียมกัน สำหรับผู้สมัครทุกคน และ ทุกพรรคโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ
“เนื่องจากลงพื้นที่หาเสียงแต่ละครั้ง มีประชาชนมาร่วมรับฟัง เป็นจำนวนมาก สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดเหตุการณ์จากผู้ไม่ประสงค์ดีได้ เจ้าหน้าที่จึงลงอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัย ส่วนจะมีจำนวนมากน้อยก็ตามลักษณะของพื้นที่ และจำนวนประชาชน และที่สำคัญแต่ละหน่วยได้พิจารณาคัดเลือกบุคคลที่มีวุฒิภาวะก่อนการลงปฏิบัติงานในทุกครั้งเช่นเดียวกับกำลังพลที่ถูกหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยต่อว่า ซึ่งเป็นนายทหารชั้นยศพันโท ที่มีคุณวุฒิ วัยวุฒิ และ วุฒิภาวะที่เหมาะสม นอกจากนี้ กำลังพลดังกล่าว มีการแสดงตัวตนอย่างชัดเจน ด้วยการแต่งกาย เครื่องแบบทหารโดยไม่มีอาวุธ เพื่อแสดงให้เห็นว่า เป็นเจ้าหน้าที่ลงปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่ประกอบกับมีกิริยาวาจา ที่สุภาพเรียบร้อย มิได้ข่มขู่ คุกคาม รบกวน หรือขัดขวาง การลงพื้นที่หาเสียงดังกล่าวแต่อย่างใดทั้งสิ้น
จากการกระทำของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่กระทำกิริยาและใช้คำพูดในลักษณะดูหมิ่นหยามเกียรติ และศักดิ์ศรีความเป็นทหาร หน่วยทหาร ตลอดจนผู้บังคับบัญชาหน่วยทหาร รวมถึงกล่าวดูถูกเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานให้เกิดความอับอาย เสมือนเป็นการบังคับ มิให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ในกรอบที่กฎหมายกำหนด
กองทัพบกซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งที่อยู่เคียงข้างกับประชาชน เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน จึงไม่ประสงค์ให้ผู้หนึ่งผู้ใด มาดูหมิ่น หยามเกียรติและศักดิ์ศรี ของหน่วยงาน จึงได้ดำเนินการ ร้องทุกข์กล่าวโทษ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กับเจ้าพนักงานตำรวจ ใน 2 ฐานความผิด คือ ฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ และ ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ด้วยวิธีการเผยแพร่ ด้วยประการใดๆ ต่อสาธารณชน
อนึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นผู้ที่มีคุณวุฒิ และ วัยวุฒิ รวมถึงเคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งในอนาคตหากท่านจะได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่ง สำคัญของบ้านเมือง ท่านควรที่น่าจะมีวิจารณญาณ มีวุฒิภาวะ มีกิริยามารยาท และการปฏิบัติที่ดีกว่านี้กับข้าราชการด้วยกัน
อย่างไรก็ตามกองทัพบกขอยืนยันว่า จะอยู่เคียงข้างกับพี่น้องประชาชน ตลอดเวลา และในขณะเดียวกันก็จะปกป้องเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ของความเป็นกองทัพบก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับ กำลังพลของกองทัพบก พร้อมที่จะปกป้องครอบครัว กำลังพลกองทัพบก และ แสดงให้อดีตผู้บังคับบัญชา และอดีตกำลังพลของกองทัพบก เห็นถึงเกียรติยศและศักดิ์ศรีของทหาร ที่ยังคงดำรงอยู่เคียงข้าง สถาบันหลักของประเทศ และพี่น้องประชาชน” พล.ต.ปิยพงศ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย