“เท้ง” ลั่นจะใช้ 143 เสียง กำกับ “รัฐบาลเสียงข้างน้อย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-“เท้ง” ลั่นจะใช้ 143 เสียง กำกับ “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ไม่ได้ตัดสินใจเพื่อคะแนนนิยม หาก “ภูมิใจไทย” ตระบัดสัตย์ เตรียมถูกประชาชนลงโทษ บอกหากบิดพลิ้ว ถือเป็นต้นทุนที่เขาต้องแลก

ภายหลังแถลงมติพรรคประชาชนโหวตสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกที่ให้สนับสนุนพรรคภูมิใจไทย ว่า การรับฟังความคิดเห็นในระบบปิดไปเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยมีผู้ตอบคำถามเข้ามาทั้งหมด 25,000 คน หลังจากผ่านกระบวนการถกเถียงอภิปรายและแลกเปลี่ยนรอบด้านแล้ว ทุกองคาพยบของพรรคมีความเห็นไปทางเดียวกันว่าเราจำเป็นที่จะต้องใช้อำนาจในสภาของพวกเราที่มีอยู่ของ สส. 143 คน ในการหาทางออกให้กับประเทศ และกำกับทิศทางเดินหน้าสู่การเลือกตั้งโดยเร็วภายใต้กรอบระยะเวลาที่เหมาะสม และเปิดประตูสู่การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนั้นเมื่อมีเป้าหมายแบบเดียวกันที่เห็นทางออกของประชาชนและประเทศเป็นตัวตั้ง จึงทำให้พวกเราได้ข้อสรุปไปในทิศทางเดียวกันตามมติของพรรค และขอยืนยันว่าการแถลงข่าวครั้งนี้เป็นการรับรู้พร้อมกันของทุกฝ่าย


ส่วนมีข่าวว่าทางรัฐบาลเตรียมยื่นยุบสภานั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เวลานี้ต้องยึดข่าวสารจากผู้มีอำนาจตัวจริง เพราะมีการปล่อยข่าวจากหลายส่วนทำให้เกิดสถานการณ์ความไม่แน่นอน ตนและผู้บริหารพรรคตัดสินใจอยู่บนข้อเท็จจริง ในการที่ทูลเกล้าฯยุบสภาจริง ๆ ต้องเป็นนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีเป็นคนบอก

“สิ่งที่พรรคประชาชนต้องทำตอนนี้คือเราต้องการหาทางออกให้กับประเทศ ในกรณีที่จะมีการทูลเกล้าฯ เสนอให้ยุบสภาหรือไม่ยุบสภาอย่างไรก็ต้องไปถามพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ ถ้ามีการทูลเกล้าฯยุบสภาไปแล้ว แล้วจะเกิดสถานการณ์อย่างไรต่อก็ต้องไปถาม ประธานรัฐสภา ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไรรวมถึง พรรคภูมิใจไทยด้วยเช่นกันว่าจากเงื่อนไขที่ตนได้แถลงไปแล้ว พรรคภูมิใจไทยตอบรับเงื่อนไขนี้หรือไม่” นายณัฐพงษ์ กล่าว


นายณัฐพงษ์ กล่าวด้วยว่า การหารือได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการ ซึ่งเกิดขึ้นผ่านการประชุมของผู้บริหารพรรคในคืนที่ผ่านมาจนถึงเช้าวันนี้ เพื่อกลั่นกรองสถานการณ์ล่าสุดก่อนตัดสินใจก่อนตัดสินใจสนับสนุนนายอนุทิน ทั้งนี้ตนจะลงนามใน MOA ก่อน ส่วนพรรรภูมิใจไทยหากยอมรับเงื่อนไข 5 ข้อนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ต้องลงนามด้วยเช่นกันพร้อมกับแถลงต่อสาธารณชน

นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวต่อว่า มติครั้งนี้เราไม่ได้ตัดสินใจว่าทางเลือกไหนดีกว่ากัน แต่ตัดสินใจบนทางออกของประเทศ และบนพื้นฐานหลักประกัน ที่เรามั่นใจในการกำกับว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเป็นรัฐบาลที่มุ่งหน้าสู่การยุบสภาและจัดทำประชามติ เพื่อเปิดช่องให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่

“อะไรที่จะทำให้เรามีหลักประกันและความมั่นใจในการเดินไปสู่จุดนั้นเป็นการประเมินตามข้อเท็จจริง พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคการเมืองที่ทำให้พวกเรามองเห็นหลักฐานเชิงประจักษ์ได้ว่า จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ทำให้พรรคประชาชนใช้เสียง สส. ในส่วนที่เรามีเสียงข้างมากกว่าในฐานะฝ่ายค้านสามารถกำกับทิศทางของรัฐบาลเพื่อมุ่งหน้าสู่จุดนั้น” นายณัฐพงษ์ กล่าว


เมื่อถามว่า หลักฐานอะไรที่เป็นเชิงประจักษ์เพราะที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยขวางการแก้รัฐธรรมนูญ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงส่วนนั้นเราก็นำมาประเมินอย่างรอบด้านแล้วและ อย่างที่บอกไปแล้วว่าทั้งสองฝ่ายมีประวัติที่ผ่านมาในเรื่องการกระทำที่ประชาชนได้เห็น ว่ามีประวัติในการใช้อำนาจ ที่ตัวเองเข้าสู่อำนาจไปแล้วทำอะไรที่ไม่เป็นผลประโยชน์และเป็นทางออกของประเทศบ้าง

แต่สถานการณ์ตอนนี้ถ้าเราเห็นตรงกันว่าสิ่งที่ประชาชนต้องสิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุด คือการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งไปพร้อมๆกับการเปิดประตูสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คำถามคือการที่พรรคประชาชนอยู่เฉยไม่เลือกผู้ใดตอนนี้ ก็ไม่สามารถที่จะนำไปสู่จุดนั้นได้ ขณะเดียวกัน 143 เสียงที่พวกเรามีสามารถที่จะกำกับทิศทางให้เดินไปสู่จุดนั้นได้ ซึ่งมีความเสี่ยงที่พวกเราได้ประเมินมาอย่างรอบคอบแล้ว การตัดสินใจครั้งนี้เชื่อว่าทุกคนมองออกว่าไม่ได้ตัดสินใจเพื่อคะแนนความนิยมของพรรคประชาชน หรือความเสี่ยงที่พรรคประชาชนจะสูญเสียคะแนนความนิยม แต่ตัดสินใจครั้งนี้เพื่อที่จะสร้างทางออกให้กับประเทศจริง ๆ

“การที่เราเขียนหลักประกัน ในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้พรรคภูมิใจไทยต้องมีต้นทุนสูงสุด ถ้าคุณจะตระบัดสัตย์ต่อประชาชนอีก 1 ครั้ง ผมเชื่อว่าที่ผ่านมาสิ่งที่ประชาชนคนไทยได้ลงโทษต่อพรรคการเมืองที่ตระบัดสัตย์ ก็เห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะฉะนั้นหน้าที่ของพวกเราตอนนี้ในทางปฏิบัติ เราก็จะพยายามกำกับให้พรรคภูมิใจไทย และนายอนุทินลงนาม และให้มีการแถลงเดินหน้าไปสู่การยุบสภา เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขณะเดียวกันถ้อยคำลายลักษณ์อักษรที่ปรากฏในเงื่อนไขตรงนี้ ผมเข้าใจดีว่าในทางปฏิบัติอาจจะบิดพลิ้วได้ แต่ถ้าบิดพลิ้วนี่ถือเป็นต้นทุนที่เขาจะต้องแลกมา” นายณัฐพงษ์กล่าว

ส่วนกรอบระยะเวลา 4 เดือนที่ให้ยุบสภา นายณัฐพงษ์ เชื่อว่าประชาชนมองเห็นในฉากทัศน์ร่วมกันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งตอนนี้สถานการณ์ต่าง ๆ เพียงแค่ได้วิเคราะห์ร่วมกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เราประเมินตามข้อเท็จจริงในปัจจุบันเป็นหลัก ส่วนในอนาคตเราก็ประเมินความเสี่ยงมาประกอบเช่นเดียวกัน ถ้าถามว่าจะเป็นไปตามกรอบเวลา 4 เดือนหรือไม่ พรรคประชาชนมีหน้าที่กำกับรัฐบาลเสียงข้างน้อยให้เดินไปสู่จุดนั้นหากในอนาคต หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอาจมีการบวกลบนิดหน่อยก็ต้องผ่านการเปิดช่องแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 ก่อน กรณีหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้มีการทำประชามติ 2 ครั้ง ซึ่งเป็นเหตุผลที่สามารถชี้แจงต่อสาธารณชนได้เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เช่นเดียวกัน แต่ขอย้ำว่าตอนนี้เราต้องยึดหลักข้อตกลงกรอบระยะเวลา 4 เดือนเป็นสำคัญที่สุด

เมื่อถามว่ามีการเซ็น MOA ไปแล้วเมื่อวานแล้วนั้น นายณัฐพงษ์ ยืนยันว่ายังไม่มีการลงนาม เพราะต้นฉบับยังอยู่ที่โต๊ะตรงนี้ ซึ่งตนต้องเซ็นก่อนแล้วนายอนุทินถึงจะลงนามตามเงื่อนไข 5 ข้อ

ส่วนหากเกิดการยุบสภาขึ้นพรรคประชาชนพร้อมเลือกตั้งหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ทุกพรรคต้องพร้อมเลือกตั้งในทุกวัน และพร้อมที่จะเสนอนโยบายรวมถึงทางออกของประเทศได้ตลอดเวลา

ส่วนที่พรรคเพื่อไทยยื่นยุบสภาเพื่อเป็นเกณฑ์การเมืองบีบฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ นายณัฐพงษ์ มองว่า ไม่ได้เป็นการบีบใคร เพราะเคยพูดไปแล้วว่าทางออกที่พรรคประชาชนมองเห็นคือการกำกับทิศทางให้ประเทศเดินหน้าไปพร้อมกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนสารพัดการเมืองจะออกมาแถลงข่าวอย่างไร ก็เป็นสิ่งที่แต่ละพรรคจะออกมาให้ข่าวแบบนั้น

ภายหลังการแถลงข่าว นายณัฐพงษ์ ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลง ก่อนจะส่งมอบให้กับพรรคภูมิใจไทย ที่มีนายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทยและคณะ เป็นตัวแทนในการรับมอบ MOA เพื่อนำไปให้นายอนุทินลงนาม

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ถามแซวนายณัฐพงษ์ว่า MOU ของ 8 พรรค ที่พรรคก้าวไกลเคยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคเพื่อไทย ยังเคยถูกฉีกมาแล้ว แล้วคิดว่า MOA ครั้งนี้จะมีอายุนานเท่าไหร่ แต่นายณัฐพงษ์ ไม่ได้ตอบคำถาม เพียงแค่ยิ้มให้ผู้สื่อข่าวเท่านั้น

ส่วนนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ ประธาน สส.พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงขั้นตอนการเสนอชื่อนายกฯ คนใหม่ว่า กระบวนการลงมตินายกฯ ในเวลา 10.00 น. วันนี้นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาฯคนที่ 1 ส่งข้อความนัดหมายตั้งแต่เมื่อวานว่า วันนี้นัดวิป 2 ฝ่ายในการหารือถึงวันโหวตนายกฯ ตามข้อบังคับแล้ว หากมีการบรรจุระเบียบวาระเพิ่มเติม จะมีการลงมตินายกฯได้เร็วสุดคือวันศุกร์ที่ 5 ก.ย.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ชนกัน 10 คันรวด ทางลอดอุโมงค์แยกดาราสมุทร จ.ภูเก็ต

ภูเก็ต 23 ก.ย.-รถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกเสาเข็ม เบรกแตก พุ่งชนระเนระนาดในอุโมงค์ดาราสมุทร จ.ภูเก็ต รถเสียหาย 10 คัน บาดเจ็บ 4 คน เป็นคนไทย 3 คน และชาวมาเลเซีย 1 คน เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 กันยายน 2568 ศูนย์วิทยุพิทักษ์วิชิตได้รับแจ้งเหตุรถชนกันหลายคันภายในอุโมงค์ทางลอดแยกดาราสมุทร ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต มีรถได้รับความเสียหายจำนวนมากและมีผู้บาดเจ็บ พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.วิชิต พร้อมด้วย พ.ต.ท.วุฒิวัฒน์ เลี้ยงบุญจินดา รอง ผกก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร รีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบการจราจรติดขัดอย่างหนัก รถไม่สามารถผ่านอุโมงค์ได้ทั้ง 2 เลน เบื้องต้นตรวจสอบพบรถชนกันเสียหายรวม 10 คัน มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย อาการแน่นหน้าอก […]

ผลตรวจยืนยัน “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าพลัดหลง โครงสร้างผิดปกติตั้งแต่เกิด

สุพรรณบุรี 23 ก.ย. – ทีมสัตวแพทย์สรุปผลตรวจ “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าเพศเมียแรกเกิดที่พลัดหลงจากแม่ในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พบความผิดปกติทางโครงสร้างร่างกายตั้งแต่เกิด เร่งวางแผนการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากทีมสัตวแพทย์สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าซึ่งร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ตรวจสุขภาพ “น้องข้าวต้ม” อย่างละเอียด โดยผลมีดังนี้ สัตวแพทย์สรุปว่า “น้องข้าวต้ม” มีภาวะโครงสร้างร่างกายผิดปกติตั้งแต่กำเนิดในลูกสัตว์ นอกจากนี้จากภาวะร่างกายที่อ่อนแอ จำเป็นต้องเอาตัวรอด รวมถึงความพยายามช่วยประคับประคองโดยฝูงทำให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้น เบื้องต้นทีมสัตวแพทย์ได้ฉีดยาลดปวดและลดอักเสบให้แล้ว พร้อมวางแผนรักษาตามอาการระยะยาว โดยเน้นการให้อาหารและเสริมโภชนาการควบคู่กับการทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ลูกช้างป่าสามารถยืนและเคลื่อนไหวได้ในอนาคต หากอาการไม่ฟื้นตัวดีเท่าที่คาด จะตรวจ X-ray และ Ultrasound ซ้ำอีกครั้ง ลำดับเหตุการณ์การช่วยเหลือลูกช้างป่าตัวนี้ • 21 ก.ย. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงูได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบลูกช้างเพศเมียนอนอยู่เพียงลำพังในสภาพอ่อนแรงและบาดเจ็บที่ขาหลัง จึงรีบประสานทีมสัตวแพทย์จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เข้าช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายมาดูแลที่ทำการอุทยานฯ โดยเบื้องต้นได้ป้อนน้ำข้าวต้มเพื่อให้พลังงาน […]

ทหารเขมรเข้าใกล้รั้วภูผี ฝ่ายไทยเตือน แต่เขมรยิงปืนขึ้นฟ้า

ศรีสะเกษ 23 ก.ย.-แม่ทัพภาค 2 เผยได้รับรายงานเหตุทหารเขมรเข้าใกล้เขตรั้วลวดหนามพื้นที่ภูผีแล้ว ฝ่ายไทยเตือน แต่เขมรยิงปืนขึ้นฟ้า ก่อนถูกตอบโต้จนต้องล่าถอยออกไป ยันติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด จากกรณีมีการเผยแพร่ข่าวเหตุยิงปะทะในพื้นที่ภูผี ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.30 น. ตนได้รับรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยได้ตรวจพบทหารกัมพูชามีลักษณะท่าทางจะเข้ามาในอธิปไตยไทยใกล้กับเขตรั้วลวดหนาม เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยจึงได้แจ้งเตือน ทำให้ทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็กประจำกายยิงขึ้นฟ้า เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยจึงยิงตอบโต้ไป กระทั่งทหารกัมพูชา ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจำนวน 2-3 นาย ได้ล่าถอยกลับไป ขณะนี้ยืนยันว่า เหตุการณ์ปกติ และกองทัพภาคที่ 2 มีการตรวจเฝ้าระวังทหารกัมพูชาที่รุกล้ำและลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิด ซึ่งเรามีมาตรการในการดูแลตรงนี้อยู่แล้วอย่างใกล้ชิด.-313.-สำนักข่าวไทย

ตร.จราจร นำส่งอวัยวะ ถูกรถพุ่งชน

23 ก.ย. – รถแท็กซี่พุ่งชนตำรวจจราจรขณะขี่จยย.นำส่งอวัยวะ บริเวณแยกสวนมิสกวัน กรุงเทพฯ ตำรวจบาดเจ็บที่ขาขวาและข้อมือ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา เปิดเผยว่าช่วงเที่ยงวานนี้เกิดเหตุผู้ขับรถแท็กซี่ ไม่ชะลอความเร็วเพื่อหยุดรถเมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีแดง ประกอบกับมีขบวนรถของตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริที่เปิดไฟสัญญาณฉุกเฉินขณะปฏิบัติภารกิจนำส่ง “ปอด” จากจังหวัดชลบุรี ไปยังโรงพยาบาลศิริราช ทำให้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนบริเวณแยกสวนมิสกวัน กรุงเทพฯ เป็นเหตุให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บที่ขาขวาและข้อมือ โชคดีรถแท็กซี่ไม่เฉี่ยวชนกับรถพยาบาลที่บรรทุกอวัยวะ จึงสามารถนำส่ง “ปอด” ให้ถึงมือแพทย์ได้ทันเวลา จึงขอเน้นย้ำไปยังผู้ขับขี่ว่า “เมื่อเห็นสัญญาณไฟและเสียงไซเรน โปรดให้ทาง” ไม่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร เพื่อรักษากฎหมายและช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์.-สำนักข่าวไทย