“กฤษฎา” สั่งตั้งวอร์มรูมรับมือฤดูแล้ง

กรุงเทพฯ 4 มี.ค. – “กฤษฎา” สั่งด่วนข้าราชการ ขับเคลื่อนนโยบายหลัก 4 ประการ เร่งบริหารจัดการน้ำฤดูแล้ง ตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์ทั่วประเทศ จัดทำแผนรองรับไม่ให้เกิดวิกฤติขาดแคลนน้ำ 


นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ สั่งการด่วนผ่านระบบ Web Conferrence ไปยังทุกหน่วยงานทั่วประเทศรับมือภัยแล้ง โดยมอบหมายกรมชลประทานเป็นหน่วยงานหลักจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำตลอดฤดูแล้งและสำรองน้ำถึงเดือนกรกฎาคมกรณีฝนมาช้าเกษตรกรจะยังคงมีน้ำทำการเกษตรฤดูกาลเพาะปลูก 2562 แต่ข้อมูลที่ได้รับจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISDA) และสำนักงานสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) นั้น ภาวะแล้งปีนี้จะนานขึ้นและอากาศร้อนมากขึ้นกว่าหลายสิบปีที่ผ่านมา จึงเห็นความจำเป็นต้องเตรียมรับสถานการณ์ตั้งแต่เดือนมีนาคม โดยมอบหมายสำนักงานปลัดกระทรวงฯ และกรมชลประทานตั้งสำนักงานคณะกรรมการบริหารน้ำส่วนกลางหรือวอร์รูมรายงานสถานการณ์น้ำให้รัฐมนตรีทราบทุกวันจันทร์ 

สำหรับแผนบริหารจัดการน้ำ แบ่งเป็น 4 ส่วนตามลำดับความสำคัญ คือ น้ำอุปโภค-บริโภค น้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ ได้แก่ ป้องกันน้ำเค็มรุก ระดับน้ำลดลงต่ำจนตลิ่งทรุด หรือน้ำเน่าเสีย เป็นต้น ต่อมา คือ น้ำเพื่อการเกษตร ท้ายสุดน้ำสำหรับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งกรมชลประทานต้องวางแผนบริหารจัดการทุกพื้นที่ทั้งในเขตและนอกเขตชลประทาน ชลประทานจังหวัด ประสานเกษตรจังหวัดและพัฒนาที่ดินจังหวัด โดย 3หน่วยงานนี้ต้องทราบสถานการณ์น้ำอย่างดีทั้งน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติและปริมาณน้ำกักเก็บ ทั้งนี้ ให้ใช้กลไกคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ทุกจังหวัด (อกพ. จ.) ที่มีผู้ว่าราชการหรือรองผู้ว่าฯเป็นประธานเพื่อประสานกับหน่วยบรรเทาป้องกันสาธารณภัย (ปภ.) เพื่อให้ทราบจำนวนประชาชน พื้นที่เกษตร คาดการณ์ความต้องการใช้น้ำ อีกทั้งหากฝนมาล่ากว่าฤดูกาลปกติต้องมีแผนเผชิญเหตุไว้รองรับวิกฤติอย่างน้อยจนถึงเดือนกรกฎาคม


ส่วนนโยบายที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ แผนปฏิบัติการจำกัดการใช้สารเคมี 3 ชนิด คือ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ซึ่งได้รับรายงานจากอธิบดีกรมวิชาการเกษตรว่าประกาศกระทรวงเกษตรฯ จำกัดการใช้ ซึ่งกรมวิชาการเกษตรเสนอให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติเห็นชอบ 5 ฉบับนั้น มี 3 ฉบับคณะอนุกรรมการฝ่ายกฎหมายทบทวนและปรับถ้อยคำให้เหมาะสมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนอีก 2 ฉบับมีการพิจารณาวันนี้ จากนั้นจะต้องส่งให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายรับทราบแล้วส่งกลับมายังกระทรวงเกษตรฯ จึงจะออกประกาศกระทรวงฯ ทั้ง 5 ฉบับได้ โดยในการออกประกาศจำกัดการใช้ต้องลงนามร่วมกันทั้งกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงอุตสาหกรรม เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบตาม พ.ร.บ. วัตถุอันตราย แต่การออกประกาศยังไม่เสร็จ กระทรวงเกษตรฯ ได้เริ่มดำเนินการแล้วทั้งการตรวจสอบปริมาณสารเคมีทั้ง 3 ชนิดทั่วประเทศ จัดทำหลักสูตรอบรมผู้จำหน่าย เกษตรกร และผู้รับจ้างฉีดพ่น จำกัดการนำเข้า การศึกษาวิจัยหาสารหรือวิธีการทดแทน รวมทั้งการเร่งขยายพื้นที่ทำเกษตรกรรมตามหลักปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี ภายใต้มาตรฐาน GAP และเกษตรอินทรีย์ซึ่งกำหนดว่าจะทำให้ครบพื้นที่เกษตรทั้ง 149 ล้านไร่ทั่วประเทศใน 2 ปี

นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า นโยบายที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง คือ การรักษาเสถียรภาพราคาผลผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว ยางพารา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งปี 2562 จะเพิ่มการปลูกถั่วเหลือง ถั่วเขียว และพืชผักด้วย โดยต้องศึกษาความต้องการของตลาด จึงกำหนดปริมาณการผลิตหรือโควตาการเกษตร สำหรับอีกนโยบายสำคัญ คือ การปฏิรูปภาคการเกษตร โดยการจัดทำโครงการวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่   เพื่อเพิ่มพูนรายได้เกษตรกรที่ได้วางแผนปฏิบัติการจนถึงฤดูกาลผลิตปี 2563 โดยระดับกระทรวงฯ ให้ประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนผ่านกลุ่มสานพลังประชารัฐ คณะทำงานด้านการพัฒนาการเกษตรสมัยใหม่ (D.6) เพื่อขอให้ช่วยเหลือด้านบทบาทกระบวนการผลิตและการตลาด  โดยจัดทำรายละเอียดข้อเสนอรูปแบบการลงทุนร่วม การจับคู่ธุรกิจ หรือดำเนินธุรกิจการเกษตรแปลงใหญ่ภายใต้ พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. 2560 ทั้งนี้ต้องฝึกอบรมแนวทางบริหารจัดการแก่เจ้าหน้าที่ระดับจังหวัด และให้อพก. จ. วางระบบบริหารโครงการในพื้นที่

“แผนปฏิบัติการดังกล่าววางไว้ต่อเนื่องจนถึงเดือนมีนาคม 2563 เนื่องจากต้องติดตามและประเมินผลทุกขั้นตอน โดยมอบหมายสำนักงานเศรษฐกิจและการเกษตร (สศก.) รวบรวมข้อมูลทั้งผลผลิตต่อไร่ ต้นทุนการผลิต ความเหมาะสมในการใช้เครื่องจักรกลสมัยใหม่มาใช้ เพื่อลดต้นทุนการผลิตของพืช ปศุสัตว์ สัตว์น้ำพร้อมระบุสายพันธุ์และข้อมูลสภาพเศรษฐกิจและสังคมของเกษตรกรสมาชิกธุรกิจการเกษตรแปลงใหญ่ทุกคนและทุกครอบครัวที่เข้าร่วมโครงการว่ามีรายได้ทั้งในและนอกภาคเกษตร หนี้สิ้น โครงการอื่นของภาครัฐที่เข้าร่วม ในทุกพื้นที่ ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ ระหว่างดำเนินโครงการ และเสร็จสิ้นการเก็บเกี่ยวในแต่ละปีเพื่อสร้างฐานข้อมูลไว้ใช้เสนอแนะแนวทางขยายผลโครงการฯ ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ” นายกฤษฎา กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัท เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้าน

กทม. 18 พ.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัทชิปปิ้ง เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้านบาท พบก่อเหตุคล้ายกันในบริษัทฯ อีก 2 แห่ง รวมรัฐเสียหายกว่า 430 ล้านบาท ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) นำเจ้าหน้าเข้าจับกุม นางสมบุญ อายุ 54 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1051/2568 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์2568 ในความผิดฐาน “ร่วมกันเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มกระทำการใดๆ โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน ที่ลานจอดรถหน้าอพาร์ทเมนต์ พื้นที่ ม.2 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พฤติการณ์ ของ น.ส.สมบุญ ผู้ต้องหา ตรวจสอบพบว่า เป็นหนึ่งในกรรมการ บริษัท แห่งหนึ่งประกอบกิจการเป็นตัวแทนนำเข้าสินค้าและดำเนินพิธีการศุลกากรเพื่อนำสินค้าออกจากท่าเรือ แต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่าบริษัทฯดังกล่าวมีพฤติการณ์ปิดบังซ่อนเร้นที่มาของรายได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ โดย บริษัทมักจะไม่มีการออกใบกำกับภาษีขายและใบเสร็จรับเงินสำหรับค่าบริการให้แก่ลูกค้าแต่อย่างใด และการจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างของบริษัทฯ มักจะจ่ายเป็นเงินสดให้ลูกจ้างเป็นรายสัปดาห์ […]

สาวใจเด็ด โดดจยย.รับจ้าง วิ่งตามรถตัวเองหลังตามหา 1 ปี

กทม. 18 พ.ค. – สาวใจเด็ด โดดลงจากมอเตอร์ไซค์รับจ้าง วิ่งไล่รถตัวเอง หลังตามหาและผ่อนกุญแจเปล่ามานานกว่า 1 ปี พบเพื่อนสนิทนำรถไปค้ำประกันกับเจ้าหนี้ จากกรณีคลิปที่มีการแชร์ในโซเซียล ขณะผู้หญิงใส่เสื้อลายกำลังวิ่งไล่ตามรถเก๋งสีขาว พร้อมตะโกนให้คนช่วย จนพลเมืองดี ช่วยกันเข้ามารายล้อมรถและคนขับรถเก๋งต้องเลี้ยวเข้าซอย เพื่อลงมาเคลียร์ ก่อนเกิดเหตุชุลมุนขึ้น เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) ล่าสุดทีมข่าวเปิดใจ สาวที่ปรากฏในคลิป เล่าถึงสาเหตุที่ต้องเข้าไปขวางรถยนต์คันนี้ เพราะว่าเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม ปี 2567 ตนเองได้ซื้อรถเก๋งคันนี้ ทะเบียนขอนแก่น และนำรถไปฝากจอดไว้ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง ซึ่งเป็นห้องของแฟนเพื่อนสนิท แต่หลังจากที่นำรถไปฝาก ก็ไม่เคยได้พบรถตัวเองอีกเลย โดยเพื่อนสนิท อ้างว่าแฟนเอาไปขับ ทุกครั้งที่ทวงถามหารถ จะมีการบ่ายเบี่ยงต่างๆ นานา จนในที่สุด ตนเองก็เข้าแจ้งความ ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ห้วยขวาง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตามหารถ เวลาผ่านไปประมาณ 1 ปี ก็ยังตามหาไม่ได้ ตนเองจึงต้องผ่อนกุญแจเปล่า มาเป็นระยะเวลา 1 ปีเต็ม […]

ข่าวแนะนำ

เร่งช่วยคนพลัดตกหลุมก่อสร้างรถไฟฟ้า ลึกกว่า 10 ม.

กทม. 19 พ.ค. – เร่งช่วยคนพลัดตกหลุมลึกกว่า 10 ม. โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม เกิดเหตุคนพลัดตกลงไปในหลุมซึ่งกำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า ใกล้เคียงซอยหลานหลวง 8 ขนาดความลึกประมาณ 15-19 เมตร ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างช่วยเหลือ โดยโรยตัวลงไปช่วยผู้ติดอยู่ภายในหลุม สำหรับโครงการดังกล่าว เป็นโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เบื้องต้นคาดว่าอุบัติเหตุน่าจะเกิดระหว่างขั้นตอนก่อสร้าง ซึ่งเป็นช่วงที่ดันปลอกเหล็กขึ้นลงเพื่อขุดดินก่อสร้างสถานีหลานหลวง ส่วนสาเหตุที่แน่ชัดต้องตรวจสอบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

คุมตัวกรรมการบริษัท ว. และสหายฯ ส่งศาลฝากขัง

บางซื่อ 19 พ.ค. – ตำรวจคุมตัวกรรมการบริษัท ว. และสหายฯ ไปฝากขังศาลอาญาแล้ว พร้อมคัดค้านประกันตัว ส่วนนิติบุคคลบริษัท ตำรวจปล่อยตัวชั่วคราว ช่วงบ่ายวันนี้ (19 พ.ค.68) พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ควบคุมตัวนายพลเดช กรรมการบริษัท ว. และสหาย คอนซัลแตนส์ จำกัด ขึ้นรถตู้ตำรวจไปฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก บรรยากาศระหว่างเจ้าหน้าที่คุมตัวนายพลเดช ออกมาจากห้องสอบสวน บริเวณชั้น 1 ของโรงพัก เจ้าหน้าที่ได้พานายพลเดช เดินขึ้นไปยังชั้น 2 ก่อนจะพาเดินอ้อมไปอีกฝั่งหนึ่งของโรงพัก แล้วพาเดินลงมาขึ้นรถตู้ของ สน.บางซื่อ โดยระหว่างการควบคุมตัวขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า กังวลหรือไม่เรื่องการยื่นขอประกันตัว และสอบถามอีกว่า ปฏิเสธข้อกล่าวหาหรือไม่ แต่นายพลเดช ไม่ได้ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด มีสีหน้าค่อนข้างกังวล ก่อนจะขึ้นรถตู้ของ สน.บางซื่อ ขณะที่นายพฤหัส มหาวรรณ ทนายความ เดินตามมาทีหลัง ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามว่า นายพลเดช ให้การว่าอย่างไรบ้าง ปฏิเสธหรือยอมรับข้อกล่าวหา […]

นายกฯ แพทองธาร เปิดทำเนียบต้อนรับ ปธน.อินโดนีเซีย

ทำเนียบ 19 พ.ค.- นายกฯ แพทองธาร เปิดทำเนียบต้อนรับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย เดินทางเยือนประเทศไทยในรอบ 20 ปี พร้อมสานต่อความสัมพันธ์ 75 ปี ยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างกันในทุกมิติ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ นายปราโบโว ซูบียันโต (H.E. Mr. Prabowo Subianto) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในการเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล (Official Visit) ในรอบ 20 ปี ในโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-อินโดนีเซีย นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า และนายกรัฐมนตรี เชิญประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ถ่ายภาพร่วมกัน ณ บันไดโถงกลาง ตึกไทยคู่ฟ้า และประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ลงนามในสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึก ณ ห้องสีงาช้าง (ด้านนอก) ตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นผู้นำทั้งสอง หารือข้อราชการเต็มคณะ ภายใต้กลไก Leaders’ Consultation ครั้งแรก […]

สภาพัฒน์ฯ แถลง GDP ไตรมาส 1/68 โต 3.1% ทั้งปีหั่นเหลือ 1.8%

กรุงเทพฯ 19 พ.ค. – สภาพัฒน์ฯ แถลง GDP ไตรมาส 1/68 โต 3.1% ขณะที่ทั้งปีหั่นเหลือ 1.8% ชี้มองตามสถานการณ์จริงไม่ได้มองในแง่ร้ายเกินไป ลุ้นเงินดิจิทัลเฟส 3 – มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงประชุมวันนี้ พร้อมเตือนผู้ประกอบการฯ เตรียมรองรับความผันผวนทางการค้า ส่วนประชาชนใช้จ่ายให้มีความรอบคอบมากขึ้น นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 1/68 ขยายตัว 3.1% ต่อเนื่องจากร้อยละ 3.3 ในไตรมาส 4/2567 ปัจจัยหลักมาจากการผลิตภาคเอกชนชะลอลง ขณะที่ภาคเกษตรเร่งขึ้น ด้านการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคขั้นสุดท้ายของเอกชน และรัฐบาล การนำเข้าสินค้าและบริการ และการสะสมทุนถาวรเบื้องต้นชะลอลง ขณะที่การส่งออกสินค้าและบริการขยายตัวในเกณฑ์สูง 12.3% โดยเร่งขึ้น 11.5% จากไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม สภาพัฒน์ฯ ได้ปรับคาดการณ์ GDP ปี 68 ลงเหลือเติบโต 1.3-2.3% หรือช่วงกลางของคาดการณ์ที่ 1.8% […]