“กฤษฎา” สั่งตั้งวอร์มรูมรับมือฤดูแล้ง

กรุงเทพฯ 4 มี.ค. – “กฤษฎา” สั่งด่วนข้าราชการ ขับเคลื่อนนโยบายหลัก 4 ประการ เร่งบริหารจัดการน้ำฤดูแล้ง ตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์ทั่วประเทศ จัดทำแผนรองรับไม่ให้เกิดวิกฤติขาดแคลนน้ำ 


นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ สั่งการด่วนผ่านระบบ Web Conferrence ไปยังทุกหน่วยงานทั่วประเทศรับมือภัยแล้ง โดยมอบหมายกรมชลประทานเป็นหน่วยงานหลักจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำตลอดฤดูแล้งและสำรองน้ำถึงเดือนกรกฎาคมกรณีฝนมาช้าเกษตรกรจะยังคงมีน้ำทำการเกษตรฤดูกาลเพาะปลูก 2562 แต่ข้อมูลที่ได้รับจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISDA) และสำนักงานสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) นั้น ภาวะแล้งปีนี้จะนานขึ้นและอากาศร้อนมากขึ้นกว่าหลายสิบปีที่ผ่านมา จึงเห็นความจำเป็นต้องเตรียมรับสถานการณ์ตั้งแต่เดือนมีนาคม โดยมอบหมายสำนักงานปลัดกระทรวงฯ และกรมชลประทานตั้งสำนักงานคณะกรรมการบริหารน้ำส่วนกลางหรือวอร์รูมรายงานสถานการณ์น้ำให้รัฐมนตรีทราบทุกวันจันทร์ 

สำหรับแผนบริหารจัดการน้ำ แบ่งเป็น 4 ส่วนตามลำดับความสำคัญ คือ น้ำอุปโภค-บริโภค น้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ ได้แก่ ป้องกันน้ำเค็มรุก ระดับน้ำลดลงต่ำจนตลิ่งทรุด หรือน้ำเน่าเสีย เป็นต้น ต่อมา คือ น้ำเพื่อการเกษตร ท้ายสุดน้ำสำหรับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งกรมชลประทานต้องวางแผนบริหารจัดการทุกพื้นที่ทั้งในเขตและนอกเขตชลประทาน ชลประทานจังหวัด ประสานเกษตรจังหวัดและพัฒนาที่ดินจังหวัด โดย 3หน่วยงานนี้ต้องทราบสถานการณ์น้ำอย่างดีทั้งน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติและปริมาณน้ำกักเก็บ ทั้งนี้ ให้ใช้กลไกคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ทุกจังหวัด (อกพ. จ.) ที่มีผู้ว่าราชการหรือรองผู้ว่าฯเป็นประธานเพื่อประสานกับหน่วยบรรเทาป้องกันสาธารณภัย (ปภ.) เพื่อให้ทราบจำนวนประชาชน พื้นที่เกษตร คาดการณ์ความต้องการใช้น้ำ อีกทั้งหากฝนมาล่ากว่าฤดูกาลปกติต้องมีแผนเผชิญเหตุไว้รองรับวิกฤติอย่างน้อยจนถึงเดือนกรกฎาคม


ส่วนนโยบายที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ แผนปฏิบัติการจำกัดการใช้สารเคมี 3 ชนิด คือ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ซึ่งได้รับรายงานจากอธิบดีกรมวิชาการเกษตรว่าประกาศกระทรวงเกษตรฯ จำกัดการใช้ ซึ่งกรมวิชาการเกษตรเสนอให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติเห็นชอบ 5 ฉบับนั้น มี 3 ฉบับคณะอนุกรรมการฝ่ายกฎหมายทบทวนและปรับถ้อยคำให้เหมาะสมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนอีก 2 ฉบับมีการพิจารณาวันนี้ จากนั้นจะต้องส่งให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายรับทราบแล้วส่งกลับมายังกระทรวงเกษตรฯ จึงจะออกประกาศกระทรวงฯ ทั้ง 5 ฉบับได้ โดยในการออกประกาศจำกัดการใช้ต้องลงนามร่วมกันทั้งกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงอุตสาหกรรม เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบตาม พ.ร.บ. วัตถุอันตราย แต่การออกประกาศยังไม่เสร็จ กระทรวงเกษตรฯ ได้เริ่มดำเนินการแล้วทั้งการตรวจสอบปริมาณสารเคมีทั้ง 3 ชนิดทั่วประเทศ จัดทำหลักสูตรอบรมผู้จำหน่าย เกษตรกร และผู้รับจ้างฉีดพ่น จำกัดการนำเข้า การศึกษาวิจัยหาสารหรือวิธีการทดแทน รวมทั้งการเร่งขยายพื้นที่ทำเกษตรกรรมตามหลักปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี ภายใต้มาตรฐาน GAP และเกษตรอินทรีย์ซึ่งกำหนดว่าจะทำให้ครบพื้นที่เกษตรทั้ง 149 ล้านไร่ทั่วประเทศใน 2 ปี

นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า นโยบายที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง คือ การรักษาเสถียรภาพราคาผลผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว ยางพารา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งปี 2562 จะเพิ่มการปลูกถั่วเหลือง ถั่วเขียว และพืชผักด้วย โดยต้องศึกษาความต้องการของตลาด จึงกำหนดปริมาณการผลิตหรือโควตาการเกษตร สำหรับอีกนโยบายสำคัญ คือ การปฏิรูปภาคการเกษตร โดยการจัดทำโครงการวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่   เพื่อเพิ่มพูนรายได้เกษตรกรที่ได้วางแผนปฏิบัติการจนถึงฤดูกาลผลิตปี 2563 โดยระดับกระทรวงฯ ให้ประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนผ่านกลุ่มสานพลังประชารัฐ คณะทำงานด้านการพัฒนาการเกษตรสมัยใหม่ (D.6) เพื่อขอให้ช่วยเหลือด้านบทบาทกระบวนการผลิตและการตลาด  โดยจัดทำรายละเอียดข้อเสนอรูปแบบการลงทุนร่วม การจับคู่ธุรกิจ หรือดำเนินธุรกิจการเกษตรแปลงใหญ่ภายใต้ พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. 2560 ทั้งนี้ต้องฝึกอบรมแนวทางบริหารจัดการแก่เจ้าหน้าที่ระดับจังหวัด และให้อพก. จ. วางระบบบริหารโครงการในพื้นที่

“แผนปฏิบัติการดังกล่าววางไว้ต่อเนื่องจนถึงเดือนมีนาคม 2563 เนื่องจากต้องติดตามและประเมินผลทุกขั้นตอน โดยมอบหมายสำนักงานเศรษฐกิจและการเกษตร (สศก.) รวบรวมข้อมูลทั้งผลผลิตต่อไร่ ต้นทุนการผลิต ความเหมาะสมในการใช้เครื่องจักรกลสมัยใหม่มาใช้ เพื่อลดต้นทุนการผลิตของพืช ปศุสัตว์ สัตว์น้ำพร้อมระบุสายพันธุ์และข้อมูลสภาพเศรษฐกิจและสังคมของเกษตรกรสมาชิกธุรกิจการเกษตรแปลงใหญ่ทุกคนและทุกครอบครัวที่เข้าร่วมโครงการว่ามีรายได้ทั้งในและนอกภาคเกษตร หนี้สิ้น โครงการอื่นของภาครัฐที่เข้าร่วม ในทุกพื้นที่ ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ ระหว่างดำเนินโครงการ และเสร็จสิ้นการเก็บเกี่ยวในแต่ละปีเพื่อสร้างฐานข้อมูลไว้ใช้เสนอแนะแนวทางขยายผลโครงการฯ ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ” นายกฤษฎา กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลักพุ่งเหินฟ้าคารถ 6 ล้อ

รอดตายปาฏิหาริย์! วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลัก ก่อนพุ่งเหินฟ้าติดคาบนรถ 6 ล้อ พลเมืองดีเข้าช่วยเหลือออกมาจากรถ ปลอดภัย

กกต.สั่งเอาผิดอาญา “ชวาล” สส.ปชน. ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ

กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา “ชวาล” สส.ปชน. ยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายเลือกตั้งไม่ตรงความเป็นจริง โทษหนักทั้งจำคุก-ตัดสิทธิ 5 ปี

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” สั่งปิดชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก 1 เดือน สกัดอหิวาตกโรค

“ภูมิธรรม” สั่งปิดชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก 1 เดือน สกัดอหิวาตกโรค ไม่ให้ระบาดในไทย พร้อมยกมาตรรักษาสุขภาวะในพื้นที่อย่างเข้มข้น

ฉายารัฐบาลปี67

สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายา ปี 67 “รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง”

สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายา ปี67 “รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง” ฉายานายกฯ “แพทองโพย” ด้าน 7 รัฐมนตรีติดโผ “บิ๊กอ้วน-อนุทิน-ทวี” พ่วง 3 รัฐมนตรีโลกลืม ส่วนวาทะแห่งปี “สามีเป็นคนใต้”

เลือกตั้ง อบจ.อุบลฯ

“กานต์ กัลป์ตินันท์” ชนะเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ

“กานต์ กัลป์ตินันท์” ชนะเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี พร้อมขอบคุณคนเสื้อแดง และนายทักษิณ ชินวัตร ที่ช่วยผลักดัน