ลำปาง 13 ก.พ.-ปฏิบัติการนำเฮลิคอปเตอร์ช่วยโปรยน้ำดับไฟป่าลำปาง วันนี้ 60 เที่ยว ยังไม่สามารถดับไฟได้หมด ครึ่งวันโปรยน้ำดับได้จุดเดียว พรุ่งนี้โปรยต่อหนักสุดคือดอยฝรั่ง
ช่วงบ่ายวันนี้ เฮลิคอปเตอร์จากศูนย์ปฎิบัติการบินภาคเหนือ(จังหวัดเชียงราย) และศูนย์ปฎิบัติการบินภาคกลาง(จังหวัดนครสวรรค์) รวม 2 ลำ ได้บินตักน้ำในอ่างเก็บน้ำศูนย์ราชการ(อ่าง3) ขึ้นไปดับไฟบนดอยม่วงคำซึ่งเป็นเขตเชื่อมต่ออำเภอเมืองกับอำเภอแม่ทะ และอยู่ใกล้วัดดอยม่วงคำซึ่งถือเป็นวัดเก่าแก่และมีตำนานคู่เมืองลำปางอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งตลอดบ่ายสามารถดับไฟบนดอยม่วงคำได้แล้ว โดยเฮลิคอปเตอร์ได้ตักน้ำขึ้นโปรยจำนวนร่วม 60 เที่ยว และหยุดบินในเวลา 18.00 น.
ส่วนบนดอยพระบาท ด้านหลังวัดม่อนพระยาแช่ เขตอำเภอเมืองเชื่อมต่ออำเภอแม่เมาะ และ ดอยฝรั่ง เขตตำบลบ้านเสด็จ อำเภอเมืองลำปาง ยังคงมีไฟป่าอยู่ และหนักสุดคือบนดอยฝรั่ง ซึ่งยังพบไฟป่าหลายจุด ทางนักบินจะทำการตักน้ำขึ้นโปรยในจุดที่เดินเท้าขึ้นไฟไม่ถึงต่ออีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถสกัดไฟได้ทั้งหมด ส่วนเจ้าหน้าที่และจิตอาสาที่เดินเท้าขึ้นดับไฟป่า คืนนี้จะยังคงเดินขึ้นดับบนดอยพระบาทต่อโดยจะมีการสับเปลี่ยนกำลังกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สถานการณ์ไฟป่าหมอกควันของจังหวัดลำปางกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
ขณะที่กรมควบคุมมลพิษได้รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศ พื้นที่ภาคเหนือ คุณภาพอากาศอยู่ในระดับ คุณภาพปานกลางถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ สารมลพิษทางอากาศที่ตรวจพบเกินมาตรฐานได้แก่ ฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ตรวจพบค่าระหว่าง 38 – 91 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) เกินมาตรฐาน หลายจังหวัด โดยจังหวัดลำปาง เมื่อเวลา 17.00 น. สูงสุดที่สถานี ต.พระบาท 52 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร รองลงมาคือ ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ 51 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และที่ ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ 44 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ ต.สบป้าด อ.แม่เมาะ 38 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งทั้ง 4 สถานีคุณภาพอยู่ในระดับสีเหลืองคุณภาพปานกลางและสีส้มเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน.-สำนักข่าวไทย